เรื่องแปลก ใหม่ น่าสนใจ ข่าวสาร บันเทิง สนุก เซ็กซี่ sexy ที่คุณ อยากรู้ ที่นี่ครับ ^^

SAMAZshop

Translate

4G เร็วแค่ไหนกัน อยากรู้ต้องอ่าน !

4G เร็วแค่ไหนกัน  (Forth Generation)
4G หรือ 4th Generation เป็นการพัฒนาโครงข่ายการสื่อสารข้อมูลที่แก้จุดบอดของ 3G โครงข่ายโทรศัพท์มือถือซึ่งหลายประเทศให้ความสำคัญเพราะถือว่าเป็นกลยุทธ์ ตัวหนึ่งที่สงเสริมธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมากับการที่ต้องติดต่อกันเช่น อุปกรณ์สื่อสาร ความบันเทิงรูปแบบต่างๆ หรือแม้กระทั้งการศึกษา เนื่องจาก 4G มีอัตราการส่งถ่ายข้อมูลและ Bandwidth ที่กว้าง ขึ้นทั้งยังจะผสานระบบ Bio Matrix เพื่อให้ช่วยรองรับการพิสูจน์อัตลักษณ์(พูดซะนึกถึงพิสูจน์ศพเลย)ที่ให้ การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบเครือข่ายมีความปลอดภัยสูงขึ้น
เทคโนโลยี 4จี เป็นเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงชนิดพิเศษ หรือเป็นเส้นทางด่วนสำหรับข้อมูลที่ไม่ต้องอาศัยการลากสายเคเบิล โดยระบบเครือข่ายใหม่นี้ จะสามารถใช้งานได้แบบไร้สาย รวมถึงคุณสมบัติการเชื่อมต่อเสมือนจริงในรูปแบบสามมิติ (three-dimensional) ระหว่างผู้ใช้โทรศัพท์ด้วยกันเอง นอกจากนั้น สถานีฐาน ซึ่งทำหน้าที่ในการส่งผ่านสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่จากเครื่องหนึ่งไปยังอีก เครื่องหนึ่ง และมีต้นทุนการติดตั้งที่แพงลิ่วในขณะนี้ จะมีให้เห็นกันอย่างแพร่หลายเช่นเดียวกับหลอดไฟฟ้าตามบ้านเลยทีเดียว สำหรับ 4จี จะสามารถส่งผ่านข้อมูลแบบไร้สายด้วยระดับความเร็วสูงที่เพิ่มขึ้นถึง 100 เมกะไบต์ต่อวินาที ซึ่งห่างจากความเร็วของชุดอุปกรณ์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ที่ระดับ 10 กิโลบิตต่อวินาที
แล้วดีกว่าอย่างไรลองทำความรู้จักดู 
  • สนับสนุนการให้บริการมัลติมีเดียในลักษณะที่สามารถโต้ตอบได้ เช่น อินเทอร์เน็ตไร้สาย และ เทเลคอนเฟอเรนซ์ เป็นต้น
  • มีแบนด์วิทกว้างกว่า สามารถรับ-ส่งข้อมูลด้วยอัตราความเร็ว (bit rate) สูงกว่า 3G
  • ใช้งานได้ทั่วโลก (global mobility) และ service portability
  • ค่าใช้จ่ายถูกลง
  • คุ้มค่าต่อการลงทุนด้านโครงข่าย
แม้ปัจจุบันนี้ระบบเครือข่าย 3G ในประเทศไทยยังไม่เป็นที่ลงตัว ตอน นี้ที่ประเทศเอสโตเนีย แถบยุโรปเหนือ ก็มีเครือข่าย 4G ให้ใช้กันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนอกจากจะมีประเทศเอสโตเนียแล้ว ประเทศสวีเดน, นอร์เวย์, เดนมาร์ก, และฟินแลนด์ ต่างก็มีเครือข่าย 4G แล้วเช่นกัน

โดย TeliaSenera ผู้ให้บริการเครือข่ายรายแรกของโลกที่เปิดให้บริการเชื่อมต่อแบบ LTE ได้เปิดเผยว่า ในตอนนี้นั้น ทาง TeliaSenera เปิดให้บริการเครือข่าย 4G เฉพาะในจังหวัดใหญ่ๆ ของประเทศเอสโตเนีย ซึ่งคาดว่าในปี 2011 นี้ จะสามารถขยายเครือข่ายการให้บริการได้มากขึ้นกว่านี้

ทำความรู้จักความเป็นมาของแต่ละ G กันดีกว่า 
ทั้งนี้ยุคแรกเริ่ม 1st Generation นั้นถูกออกแบบมาให้รองรับระบบ Analog ที่เป็นที่นิยมกันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ส่วนตัว 2nd Generation ได้ออกแบบให้การสื่อสารทั้งหมดเป็น Digital โดยใช้การเข้ารหัสสัญญาณเสียงและ Package ข้อมูลของข้อความขนาดเล็ก (ที่ทำให้เราสามารถส่งข้อความทาง Pager หรือ sms ทางโทรศัพท์มือถือกันได้) อีกทั้งมีการแพร่หลายในการใช้ Global System for Mobile หรือ GSM เข้ามาแต่ยังมีราคาค่อนข้างสูง (หรือต้องการให้ราคาสูงไม่ทราบแน่) ซึ่งยังจำกันได้ไหมประเทศไทยสมัยนั้นมีการลงทะเบียน SIM แบ่งเป็นภาค (ดีนะไม่แบ่งจังหวัด) ถ้าเป็นตอนนี้ขัดใจตายเลย ต่อมามีการเพื่อเติมของการพัฒนา 2G อีกในส่วนของความเร็วให้เป็น 460 Mbps แต่เอาเข้าจริงๆได้มาแค่ 384 Mbps ทำให้เราสามารถเอามือถือมาต่อ Computer หรือเล่น Wap กันที่ GPRS (เกรด10) และ EDGE กันในปัจจุบัน แล้วเรียกมันว่า 2.5G และ 2.75G ตามลำดับ ส่วน 3rd Generation ออกแบบมาให้รองรับมัลติมีเดียเป็นหลัก และPackage ข้อมูลของข้อความที่ขนาดใหญ่ขึ้นทำให้ Internet Mobile Service เป็นบริการที่แพร่หลาย เท่าที่กล่าวมาคือมีในเมืองไทยถึงแม้
3G จะเป็นพื้นที่ส่วนน้อยของประเทศก็ตาม ทั้งนี้ยังมี 3.5G ที่เป็น HSDPA  3.75G ที่เป็น HSUPA    3.8G ที่เป็น Enhancements HSPA   3.85G ที่เพิ่ม MIMO ซึ่งจะยังไม่ขอกล่าว จนมาถึง 3.9G ที่ไทยเราเคยคิดและอาจจะยังคิดจะนำมาใช้เพื่อให้ล่ำหน้าประเทศต่างๆ (ในภูมิภาคเดียวกันนะ) ซึ่งเป็น Long Team Evolution ที่นำระบบ GPRS เดิมมาปรับและประกบเข้าเพื่อให้ได้อัตราการส่งถ่ายข้อมูลและ Bandwidth ที่กว้าง

ปิดท้ายด้วย 4G ที่กำลังจะมาไม่แน่นะ บางทีบ้านเราอาจจะได้ใช้พร้อมกันเลยทั้ง 3G และ 4G  การก้าวไปเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีไม่ใช่แค่มีความสะดวกและรวดเร็วในการติดต่อ สื่อสารกันเท่านั้น หากสามารถพัฒนาระบบที่รองรับเทคโนโลยีการสื่อสารและอุปกรณ์การสื่อสารได้ก็ จะเป็นตัวกำหนดวัฒนธรรมการใช้งานเทคโนโลยีการสื่อการที่ประเทศต่างๆต้องการ จะมีและกำลังปรับตัวเพื่อใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นอีกด้วย  ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบทางการค้าอย่างใหญ่หลวง ที่เหลือก็คงต้องวอนให้ภาครัฐ ทำงานกันอย่างจริงจัง ไม่ใช่ เช้าชามเย็นชาม หรือเล่นเป็นเด็กเล่นขายของ ผลประโยขน์ไม่ลงตัว ฟ้องกันไปมา ที่เสียหายนะภาษีของปรชาชน ช่วยกันพัฒนาประเทศ อย่างให้น้อยหน้าลาว หรือให้เขมรแซงหน้าไป... 

ขอไว้อาลัย!! "ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง, เกียรติมันต์ รอดอารีย์" และเหยื่อมรณะรถตู้ 8 ศพ


จากเหตุการณ์สุดสลด เก๋งซิ่งชนรถตู้บนโทลล์เวย์บริเวณหน้ามหาวิยาลัยเกษตรศาสตร์ ฝั่งถ.วิภาวดีรังสิต เมื่อช่วงค่ำวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา ล่าสุด วานนี้ ญาติผู้เสียชีวิตได้ทยอยเดินทางมารับศพแล้วที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ และทันทีที่ได้เห็นศพผู้เสียชีวิตก็ต่างกอดกันร่ำไห้ ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า 
         นายดุสิต เชาว์ไกรหัก วัย 19 ปี น้องชายต่างพ่อของ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง นักวิจัยอดีตนักศึกษาทุน ก.พ. ปริญญาเอกจากประเทศอังกฤษ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า พี่ชายถือเป็นเสาหลัก เป็นความภาคภูมิใจของบ้าน ถึงแม้ว่าแม่จะมีอาชีพร้อยพวงมาลัยขายในตลาดเมืองราชบุรี แต่ก็สามารถส่งเสียพี่ชายให้เรียนจนจบ และพี่ชายก็เป็นคนที่เรียนเก่งมาก จบจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ตอนอยู่ ม.5 ก็สอบเทียบเข้าคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ได้แต่สละสิทธิ์ เนื่องจากอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ จึงสอบทุน ก.พ. และได้ทุนไปเรียนที่ประเทศอังกฤษและเรียนจบเมื่อ 3 ปีที่แล้วก็กลับมาเป็นนักวิจัยที่ สวทช.จนถึงปัจจุบัน 

         นายดุสิต เล่าต่อว่า พี่ชาย เป็นคนเรียบง่ายและขยันทำงานมาก ยังเป็นคนโสดที่ตั้งใจเก็บเงินสร้างฐานะ ซื้อคอนโดมิเนียมและส่งเงินให้แม่มาโดยตลอดตั้งแต่เรียนจบ อีกทั้งยังตั้งใจซื้อบ้านใหม่ให้แม่ด้วย ตนเองเคยบอกให้พี่ชายซื้อรถ แต่พี่ชายก็ไม่ซื้อเพราะไม่อยากมีภาระเพิ่ม จึงต้องใช้บริการรถตู้โดยสาร ต้องออกจากบ้านแต่เช้าและกลับดึกทุกวัน และเมื่อครอบครัวต้องมาสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป ก็รู้สึกรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งแม่ก็ยังทำใจไม่ได้จนถึงขณะนี้ แต่ก็ยังต้องร้อยพวงมาลัยขายเหมือนเดิม เพราะยังต้องทำงานหารายได้ต่อไป 
 ขณะที่นางถวิล เช้าเที่ยง มารดาของ ดร.ศาสตรา กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง เป็นบุตรชายของลูกผู้พี่ เมื่อพ่อแม่ของ ดร.ศาสตรา แยกทางกัน จึงได้ขอมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมและเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียนหนังสือ ยิ่งเมื่อได้ไปเรียนเมืองนอก กลับมาก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ส่งเงินให้แม่ตลอด ไม่เคยขอเงินแม่เลย ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้มาก ๆ และจากเหตุการณ์สะเทือนใจดังกล่าวนั้น ทำให้ครอบครัวของตนต้องขาดเสาหลักของครอบครัวไป โดยบุตรชายคนนี้ เป็นเด็กดี และเรียนเก่ง เป็นที่ภาคภูมิใจของตนมาก ส่วนตนนั้นประกอบอาชีพร้อยพวงมาลัย และพยายามประหยัดอย่างมาก เพื่อส่งเสียบุตรชายคนนี้เรียนจนจบดอกเตอร์

         สำหรับ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง บ้านเกิดอยู่ที่ จ.ราชบุรี จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมต้นจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดราชบุรี และจากผลการเรียนที่ดี จึงสามารถสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ที่กรุงเทพฯ ได้สำเร็จ ด้วยความที่ ดร.ศาสตรา เป็นคนที่เรียนเก่ง ขยัน และประหยัด จึงสามารถสอบชิงทุนเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษจนจบปริญญาเอก และกลับมาทำงานใช้ทุนที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ฯ เมื่อสามปีก่อน  

          ด้าน นายวิศรุต พลสิทธิ์ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว กล่าวว่า ตนเองได้โดยสารรถตู้คันดังกล่าวเพื่อกลับบ้านย่านแจ้งวัฒนะ โดยจะมาต่อรถที่หมอชิต ซึ่งพอขึ้นรถแล้วก็นั่งหลับ ๆ ตื่น ๆ มาโดยตลอด จนมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รถตู้ถูกกระแทกก่อนจะหมุนคว้างจนรู้สึกงง ก่อนจะกระแทกกับราวกั้นทางด่วนอย่างแรง และตนก็ค่อย ๆ คลานออกมาจากรถ มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย คือ ศีรษะแตก มีรอยกระแทกช้ำบวมที่แขนลำตัว และที่รอดชีวิตมาได้เพราะปาฏิหาริย์ นั่งอยู่แถวกลางของรถ จึงทำให้ไม่กระเด็นออกมานอกรถเหมือนคนอื่น 

          ด้าน นางนฤมล นิลวรรณ ดาราสาวรุ่นใหญ่ ป้าของ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ นิสิตชั้นปี 3 คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดัวกล่าว กล่าวว่า ก่อน เกิดเหตุ หลานสาวกำลังจะเดินทางไปสถานีขนส่งหมอชิต เพื่อกลับบ้านที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งพ่อแม่ที่บ้านได้เตรียมทำกับข้าว เพื่อต้อนรับลูกสาวที่มาเรียนในกรุงเทพฯ แต่ก็มาเกิดเหตุร้ายขึ้นก่อน โดยตอนแรกที่ทราบว่าเกิดอุบัติเหตุก็คิดว่าหลานได้รับบาดเจ็บเท่านั้น เพราะไม่มีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้เสียชีวิต แต่พอไปดูที่โรงพยาบาลวิภาวดีกลับไม่มี จึงไปติดต่อที่ สน.วิภาวดี ก็พบศพหลานสาว และไม่อยากจะเชื่อในภาพศพหลานสาวที่เห็นตรงหน้าเลย 

          นางนฤมล กล่าวต่อว่า หลานสาวเป็นเด็กน่ารัก เรียนเก่ง ช่วยเหลือตัวเอง ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน และฝันอยากจะเป็นผู้พิพากษา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจเพราะหลานสาวรวมถึงผู้โดยสารที่โดยสารมาในรถ ตู้คันนี้ก็เป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติในวันข้างหน้า แต่ต้องมาเสียชีวิตก่อน และตนคิดว่าผู้ที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องขอบกั้นโทลล์เวย์ต่ำไปหรือไม่ และควรจะมีนโยบายที่เคร่งครัดเกี่ยวกับการคาดเข็มขัดนิรภัยในรถ เพราะมันสามารถป้องกันกรณีเกิดอุบัติเหตุได้

          ส่วน นายอิทธิกร จินันทุยา อายุ 33 ปี น้องชาย นายภิญโญ จินันทุยา ผู้เสียชีวิต กล่าวว่าพี่ชายเป็นคนเรียนเก่งหลังจากจบ ม.ปลาย ที่ จ.นครสวรรค์ ก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นจนจบปริญญาโทด้านสถาปัตย์ ก็กลับมาใช้ทุนที่ ม.ธรรมศาสตร์ และกำลังเตรียมขอทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษแต่ต้องมาจบชีวิตก่อน ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเลย ส่วนศพของพี่ชายจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.ชัยนาท 

เกียรติมันต์ รอดอารีย์ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุ รถเก๋งชนรถตู้ บนโทลล์เวย์
 

         ทั้งนี้ คุณเกียรติมันต์ มีความสนใจในเรื่องวิศวกรรมนาโนฯ มาตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และระหว่างศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เข้ามาฝึกงาน และทำโครงงานวิจัยตั้งแต่ปี 2552 ที่ Lab MEM ก่อนจะจบจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 1 สาขา Nano Engineering (International Program) ด้วยคะแนน 3.90 เมื่อเดือนมิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา รวมทั้งเพิ่งได้รับทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ และอยู่ระหว่างการเตรียมตัวเดินทางเพื่อไปศึกษาต่อในต่างประเทศ  การสูญเสียครั้งนี้ จึงถือเป็นการสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่า และบุคคลที่จะเป็นกำลังสำคัญด้านงานวิจัยของประเทศในอนาคต และในนามของผู้บริหารเนคเทค ผมจึงขอไว้อาลัยกับการจากไปของคุณเกียรติมันต์ และขอให้บุญกุศลที่ คุณเกียรติมันต์ ได้ทำมา นำพาให้คุณเกียรติมันต์ไปสู่สุคติด้วยเทอญ 
          ขณะที่ นางนฤมล นิลวรรณ ดาราสาวรุ่นใหญ่ ป้าของ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ หรือ นุ่น นิสิตชั้นปี 3 คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดัวกล่าว กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ หลานสาวกำลังจะเดินทางไปสถานีขนส่งหมอชิต เพื่อกลับบ้านที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งพ่อแม่ที่บ้านได้เตรียมทำกับข้าว เพื่อต้อนรับลูกสาวที่มาเรียนในกรุงเทพฯ แต่ก็มาเกิดเหตุร้ายขึ้นก่อน โดยตอนแรกที่ทราบว่าเกิดอุบัติเหตุ ก็คิดว่าหลานได้รับบาดเจ็บเท่านั้น เพราะไม่มีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้เสียชีวิต แต่พอไปดูที่โรงพยาบาลวิภาวดีกลับไม่มี จึงไปติดต่อที่ สน.วิภาวดี ก็พบศพหลานสาว และไม่อยากจะเชื่อในภาพศพหลานสาวที่เห็นตรงหน้าเลย 

          นางนฤมล กล่าวต่อว่า น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ สาวเป็นเด็กน่ารัก เรียนเก่ง ช่วยเหลือตัวเอง ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน และฝันอยากจะเป็นผู้พิพากษา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะหลานสาวรวมถึงผู้โดยสารที่โดยสารมาในรถ ตู้คันนี้ก็เป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติในวันข้างหน้า แต่ต้องมาเสียชีวิตก่อน และตนคิดว่าผู้ที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องขอบกั้นโทลล์เวย์ต่ำไปหรือไม่ และควรจะมีนโยบายที่เคร่งครัดเกี่ยวกับการคาดเข็มขัดนิรภัยในรถ เพราะมันสามารถป้องกันกรณีเกิดอุบัติเหตุได้

          ขณะที่เพื่อน ๆ ของ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ กล่าวว่า นุ่นเป็นเพื่อนคนอัธยาศัยดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นจึงเป็นคนที่เพื่อน ๆ รัก เวลาว่างชอบออกค่ายเพื่อช่วยเหลือสังคม และมีความใฝ่ฝันที่เป็นผูพิพากษาตามบิดา ซึ่งทุกคนต่างเสียใจและเสียดายที่นุ่นได้จากไปก่อนวัยอันควร 

          ส่วน นายอิทธิกร จินันทุยา อายุ 33 ปี น้องชาย นายภิญโญ จินันทุยา ผู้เสียชีวิต กล่าวว่าพี่ชายเป็นคนเรียนเก่งหลังจากจบ ม.ปลาย ที่ จ.นครสวรรค์ ก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นจนจบปริญญาโทด้านสถาปัตย์ ก็กลับมาใช้ทุนที่ ม.ธรรมศาสตร์ และกำลังเตรียมขอทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษแต่ต้องมาจบชีวิตก่อน ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเลย ส่วนศพของพี่ชายจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.ชัยนาท 


หลับให้สบายนะเพื่อนเอย
ซ้าย : นุ่น นิติศาสตร์ ปี 3 ขวา : ต้น นิติศาสตร์ ปี 3


ผลงานวิจัยไบโอเทคได้รับรางวัล Excellent Paper Award for Overseas Researchers 2010 

นี่คือหนึ่งในผู้เสียชีวิต( ผู้ชายสูง) เป็นรุ่นพี่ Biotechnology ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
เป็นบุคลากรคนหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ 


น.ส.ตรอง สุดธนกิจ หรือพี่ซีตรอง สิงห์แดงรุ่น57 จบรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ปีการศึกษา 2551 อดีตนักเรียนมาแตร์เดอีวิทยา
เป็นสาวหน้าใสที่อัธยาศัยดี เป็นที่รักของเพื่อนๆและพี่น้องใน คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ทุกคน
วันนั้นเธอมาหาแฟน (เรียนแพทย์อยู่ ยังไม่จบ) และเธอก็กำลังจะแต่งงานในอีกไม่ช้านี้
แต่ก็ต้องมาจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุครั้ง...นี้เสียก่อน

เหยื่ออีก 1 ราย คือนักศึกษาจากเมืองเชียงใหม่
นายปรัชญา(ต้น) คันธา อายุ 21 ปี ศึกษาอยู่ชั้นปีที่3 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อยู่บ้านเลขที่ 105/29 หมู่ 1 ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 
จ้องจบชีวิตลงเพราะความประมาทเลินเล่อของคนบางคน
อีกหนึ่งเหยื่อของเหตุการณ์นี้
นุ่น สุดาวดี นิลวรรณ นักศึกษานิติศาสตร์ ปี 3 ม.ธรรมศาสตร์
นุ่น เปนคนอัธยาศัยดี ช่วยเหลือคนอื่น เธอคือคนที่เพื่อนรัก
นุ่น มีเวลาชอบไปออกค่ายช่วยเหลือชุมชนกับเพื่อนๆ
นุ่น กำลังจะเรียนจบนิติ และอยากจะสอบเป็นผู้พิพากษาให้พ่อ
นุ่น เรียนเก่ง จบมาต้องได้เป็นผู้พิพากษาอย่างที่หวังไว้แน่ๆ
นุ่น แม้จะอยู่ไกลเพื่อน แต่นุ่นก็โทรมาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้เพื่อนถึงขอนแก่น

เพื่อนบอกว่าเวลานุ่นไปดูดวง มีคนบอกว่านุ่นเปนคนมีบุญ ทำบุญมาเยอะ
เพราะว่านุ่นเปนคนมีบุญ เลยจากพวกเราไปเรว เพราะกรรมนุ่นหมดแล้ว
นุ่นชอบบอกว่้าตัวเองเปนนางฟ้าตกมาจากสวรรค์
ถึงตอนนี้นุ่นต้องกลับไปที่ที่นุ่นจากมา...
...นุ่นไม่ได้ไปไหน นุ่นก็แค่กลับสวรรค์...

ขอบคุณเครดิตภาพและข้อความจากเพื่อนๆน้องนุ่นครับ


เหยื่ออีกรายหนึ่ง 
นายภิญโญ จินันทุยา อายุ 34 ปี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริหารจัดการเทคโนโลยีและสารสนเทศ
เป็นคนเก่งคนหนึ่งหลังจากเรียนจบ ม.ปลายที่ จ.นครสวรรค์
 ก็ได้ทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นจนจบปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรม
 ก็กลับมาใช้ทุนที่คณะสถาปัตยกรรม ม.ธรรมศาสตร์
 และเตรียมที่จะขอทุนไปศึกษาต่อปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ


เธอคือพนักงานขับรถตู้โดยสาร
ชื่อ นางนฤมล(ติ๊ก) ปิดตาทะนัง อายุ 34 ปี
เป็น คนอารมณ์ดี สดใสร่าเริง ใฝ่รู้ รักเพื่อนฝูง และรักในอาชีพของตนเอง
 ถึงแม้เธอจะมีวุฒิไม่สูงเหมือนใครๆ แต่เธอก็เป็นคนดีของสังคมที่น่ายกย่องเชิดชู
 ในฐานะรากหญ้าที่ทำมาหากินสุจริต
ขอให้คุณติ๊กไปสู่สุขติครับ

10 ของอร่อย หากินยาก

1.ข้าวห่อใบบัว
เป็นอาหารจีนซึ่งนิยมทำในงาน จัดเลี้ยงต่างๆ ใช้ใบบัวมาห่อข้าวแล้วนำไปนึ่ง ข้าวห่อใบบัวที่ดีเม็ดข้าวต้องร่วนแต่ไม่แข็ง และต้องมี เม็ดบัว กุนเชียง เนื้อไก่ กุนเชียง และกุ้งแห้ง ที่สำคัญคือข้าวต้องมีกลิ่นหอมใบบัว

ร้านหรั่งศรีโรจน์
ตลาด 100 ปี สามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น.

2.กะลอจิ๊
   อาหารกินเล่นของคนจีน ที่ต้องนำแป้งสุกก้อนกลมมาจี่บนกระทะร้อนๆ กลิ้งไปมา ส่วนที่สุกเหลืองเกรียมก็จะใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยมพอคำ คลุกกับน้ำตาลบดกับงาขาวและงาดำคั่ว ขนมที่ดีต้องมีกลิ่นหอม เนื้อแป้งนุ่มเหนียว ผิวนอกกรอบ เพราะต้องทอดไหม้ๆ จึงจะอร่อย
ตลาดบ้าน ใหม่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ( ร้านเป็นรถเข็นติดกับร้านขนมกุ้ยช่ายจิระพร ) เปิดเฉพาะวัน เสาร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น


3.หมูโสร่ง และไก่โสร่ง
เป็นของวางไทยที่พิถี พิถัน โดยนำหมูสับละเอียดมาผสมกับ รากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลกละเอียด จากนั้นนำเส้นหมี่ซั่วต้มสุกมาพันให้รอบ ความยากอยู่ที่วิธีการทอดให้ใส้ในสุกโดยที่เส้นหมี่ด้านนอกไม่ไหม้ 

ร้านต้นเครื่อง

ปากซอยทองหล่อ 13 มีที่จอดรถในร้าน ถ้าเต็มให้จอดรถที่อาคารโฮมเพลซ ฟรี เปิดทุกวันตั้งแต่ 11.00-23.30น.
ร้านไก่โสร่งหน้าวัดปรมัยยิกาวาส (เกาะเกร็ด)
หน้าวัดปรมัยยิกาวาส เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เปิดวัน เสาร์ - อาทิตย์  เวลา 6.00-18.00น.


4.ขนมจีนไหหลำ
เป็นอาหารของคนจีนไหหลำซึ่งไม่ แพร่หลายในเมืองไทยนัก ความอร่อยของเมนูนี้ ที่เนื้อต้องตุ๋นให้นุ่มได้ที่ น้ำซุปที่ข้นเหนียวรสต้องกลมกล่อมไม่หวาน และชูโรงด้วยน้ำจิ้มกะปิตามแบบฉบับไหหลำ
ร้านสวนสน
มีสองสาขา สาขาใหญ่อยู่ในซอยตรงข้ามสถานทูตอังกฤษ ถ.เพลินจิต (หน้าซอยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา) สาขาย่อยตั้งอยู่บนถนนพิษณุโลก ซ.9 ฝั่งตรงข้ามกับสนามม้านาเลิ้ง  ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 9.00-20.00 น. หยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตรุษจีน สารทจีน และปีใหม่


5.ขนมอินทนิล
อินทนิลเป็นขนมที่ทำยาก เพราะต้องอาศัยการกวนตัวขนมนาน และต้องพักตัวขนมที่ได้ไว้ข้ามคืนจึงจะนำมาใช้ได้ ขนมที่ดีเนื้อต้องเหนียวนุ่ม หวานเล็กน้อย แป้งต้องสุกไม่เป็นไตแข็ง น้ำกะทิต้องหอมกลิ่นคัวเทียนและดอกไม้

ร้านสมทรงโภชนา (มีขนมอินทนิลขายเฉพาะวันจันทร์)
ร้านอยู่ หลังป้อมพระสุเมรุ ในซอยวัดสังเวช ถ.พระอาทิตย์  ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 09.30-16.00 น. หยุดวันเทศกาลสงกรานต์  ปีใหม่ และ เทศกาลกินเจ


6. ประกิมเผือก 
ประกิมเผือกนั้นทำไม่ค่อย แพร่หลายเหมือนประกิมไข่เต่า วิธีทำคือนำเผือกนึ่งมายีให้ละเอียดแล้วนวดกับกะทิ แป้งมัน ให้ได้ที่ นำมาคลึงเป็นแผ่นหั่นเป็นเส้นพอคำ นำไปต้ม เนื้อขนมที่ดีต้อง เหนียว นุ่ม และหอม

ครัวนพรัตน์ (ประกินมเผือกขายเฉพาะวันจันทร์ - พุธ - ศุกร์)
อยู่ตรงข้ามป้อมพระสุเมรุ ถ.พระอาทิตย์ เปิดร้านทุกวันเวลา 10.30-21.00น.(รูปที่6ครับ)


7. ข้าวแช่มอญ 
คนมอญนิยมทำข้าวแช่ถวายพระใน ช่วงสงกรานต์ ข้าวแช่แบบมอญแท้ๆ มีกับข้าว 8  อย่าง ได้แก่ กะปิทอด หมูฝอย  ยำมะม่วง กระเทียมดองผัดไข่ หัวไชโป๊วฝอยผัดหวาน จ๊าดวุ่น(ผักบุ้งจักเป็นเส้นๆ ผัดแห้งรสคล้ายแกงเทโพ) เนื้อผัดกะทิ  ถั่วดำกวนกะทิ  กินกับข้าวซึ่งลอยน้ำดอกไม้  ปัจจุบันหากินยากมาก

ร้านแก่นจันท์ (ทำข้าวแช่มอญเฉพาะช่วยฤดูร้อน และทางร้านจะงดทำสองเมนู คือ เนื้อผัดกะทิ และถั่วดำกวนกะทิ)
ร้าน ตั้งอยู่ในเกาะเกร็ดตระการตา ลงจากเรือให้เดินไปด้านซ้ายมือเลียบกำแพงโรงเรียนไป ร้านจะตั้งอยู่หัวมุมเลี้ยวพอดี เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ เวลา 9.00-17.00 น.


8.ปลาแนม
ปลาแนมสูตรดั้งเดิมนอกจากมีวัตถุดิบ หลักแล้ว ต้องใส่มะพร้าวขูดขาวนึ่ง โรยด้วยพริกแห้งเม็ดใหญ่และกระเทียมดองหั่นฝอย ผสมน้ำและผิวส้มซ่าด้วย จึงถือว่าครบ ปลาแนมที่ดีเนื้อต้องร่วน แห้ง ไม่เหนียวติดกันเป็นก้อน วิธีกินคล้ายเมี่ยงกับใบทองหลาง และใบชะพลู
ร้านคุณป้ามีนาไส้กรอกปลาแนม 

ร้าน เป็นร้านตั้งโต๊ะ ถ้ามาจากหอสมุดแห่งชาติร้านอยู่ฝั่งซ้ายมือก่อนข้ามสะพานไปตลาดเทเวศน์ บริเวณหน้าร้านสุวิมลข้าวหมกไก่ เปิดทุกวันอังคาร-ศุกร์ และวันอาทิตย์ หยุดวันเสาร์

9. พระรามลงสรง (คนจีนเรียก ซาแต้)
ระบุไม่ แน่ชัดว่าเป็นอาหารที่มาจากจีนหรือมลายู ความอร่อยอยู่ที่ น้ำราด ซึ่งทำจาก ถั่วลิสง งา เครื่องแกง และกะทิ รสคล้ายกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ เมื่อจะกินตักราดบนเนื้อหมูและผักบุ้งลวก เพิ่มน้ำพริกเผาใส่ลงไปอีกครั้ง

ร้านต้นเครื่อง
ปากซอยทองหล่อ 13 มีที่จอดรถในร้าน ถ้าเต็มให้จอดรถที่อาคารโฮมเพลซ ฟรี เปิด ทุกวันตั้งแต่ 11.00- 22.30น.


10. บาเยีย
ของว่างที่กินกับชานม ของคนมุสลิม ทำจากถั่วเหลืองซีกบดหยาบและละเอียดมาผสมกัน เติมเครื่องเทศ ปรุงรสนำไปทอดในน้ำมัน กินกับพริกแห้ง ต้นหอมสด และน้ำจิ้มถั่วลิสง 

ร้านบาเยียพาหุรัด 
 รถ เข็นตั้งอยู่ถัดเซ็นทรัลวังบูรพา บริเวณตู้ไปรษณีย์ แต่บางครั้งย้ายไปขายฝั่งตรงข้ามหน้าร้านเจริญพร ร้านเปิด ทุกวัน ตั้งแต่ 10.30-15.30 น.

อาหมวย 3 ขวบ สุดกตัญญู ช่วยเหลือ พ่อป่วยอัมพาต

ซินยี่ ตักน้ำให้คุณพ่อ
อาหมวย 3 ขวบ สุดกตัญญู ช่วยเหลือ พ่อป่วยอัมพาต
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพ่ออัมพาตกับลูกสาว วัยเพียง 3ขวบ ที่ดูแลเอาใจใส่คุณพ่อ ไม่ว่าจะเป็น ป้อนข้าว ทำงานบ้าน อาบน้ำ ล้างหน้า ได้อย่างดี
เด็กน้อย ดังกล่าวมีชื่อว่า  ตง ซินยี่ (Dong Xinyi) จากมณฑลซานตง ประเทศจีน ทำหน้าที่ดูแลนายตง เฉียน พ่อซึ่งป่วยเป็นอัมพาตเนื่องจากประสบอุบัติเหตุขณะที่ตง ซินยี่ มีอายุเพียง 5 เดือน ซึ่งขณะนั้นแม่ของเธอได้หย่ากับพ่อไปแล้ว พร้อมกับนำเธอไปอยู่ด้วย เหลือเพียงผู้เป็นพ่อที่ต้องอยู่ลำพัง แต่เมื่อ ตง ซินยี่ โตขึ้นสามารถเดินได้แล้ว  แม่ของเธอก็ส่งตัวกลับ ให้มาอยู่กับพ่อสองคนพ่อลูก
ซินยี่ ช่วยคุณพ่อ เทถุงปัสสาวะ
เป็นความโชคดีของผู้เป็นพ่อก็ว่าได้ เพราะลูกสาวกตัญญูคนนี้ ดูแลผู้เป็นพ่อได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งทำอาหาร กวาดบ้าน ล้างหน้าให้พ่อ รวมไปถึงคอยทำความสะอาดอาดอุจจาระ ปัสสาวะของพ่อ แทนที่พ่อต้องทำให้ลูก แต่กระนั้น เธอมีความสุขกับสิ่งที่ทำ และยังใช้ชีวิตวัยเด็กเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เช่น ดูการ์ตูนในทีวี วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ
ซินยี่ ทำอาหารกลางวันให้คุณพ่อทาน
ด้านนายตง เฉียน  ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า ลูกสาวเป็นทุกอย่างๆในชีวิต ทำให้มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ มีครั้งหนึ่งที่คิดฆ่าตัวตาย เพราะหลังจากที่ภรรยาแยกทางไป พ่อและแม่เลี้ยงของเขาก็ไม่ใส่ใจ เหลียวแล จนลูกสาวต้องกลับมาช่วยดูแล ทำให้มีชีวิตจนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ตามหลังจากเรื่องราวเผยแพร่ออกไป ทางการจีนได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโดยการ นำ ตง เฉียน มารักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองหวงเจีย ขณะที่หนูน้อยตง ซินยี่ ก็คอยดูแลพ่ออยู่ข้าง ๆ ส่วนหนูน้อยก็ได้รับทุนการศึกษาและให้หนูน้อยตง ซินยี่ ได้มีโอกาสเรียนเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ
โดย Mthai news
ซินยี่ กำลังนำกะละมังมาให้คุณพ่อล้างหน้า
ติดตาม เรื่องแปลก ใหม่ ตลก สนุก เซ็กซี่ sexy น่าสนใจอื่น ๆ หรือแวะมาทักทายกัน ได้ที่
www.facebook.com/somphon http://gplus.to/somphon www.twitter.com/samaphon www.facebook.com/somphon.me http://samaphon.blogspot.com/

          ขอขอบคุณที่มา : email