เรื่องแปลก ใหม่ น่าสนใจ ข่าวสาร บันเทิง สนุก เซ็กซี่ sexy ที่คุณ อยากรู้ ที่นี่ครับ ^^

SAMAZshop

Translate

หลุดอีกแล้วจ้า ! คลิปเสียง พิ้งกี้ คิดถึงนะ จุ๊บๆ




หลุดคลิปเสียงคล้าย “พิ้งกี้” ออดอ้อนผู้ชายคิดถึงนะจุ๊บๆ รายงานตัวว่าเป็นเมียของผู้ชายคนหนึ่งพร้อมกับพรรณนาว่า คนเรารักกันไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นไร นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีคลิปเสียง “ชายหนุ่ม” และ “ผู้หญิงวัยกลางคน” ถูกตัดต่อร้อยเป็นเรื่องราวในคลิปเดียวกัน 
        
       หลังจากประกาศบินไปเรียนต่อเมืองนอก “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ก็หายเงียบไปจากวงการ ส่งผลให้กระแสข่าวมือที่สามระหว่าง “ธัญญาเรศ-เป๊ก สัณชัย เองตระกูล” เงียบหายไปด้วย แต่ล่าสุดก็มีคนปล่อยคลิปเสียงที่ฟังคล้ายดาราสาวว่อนเน็ต โดยคราวนี้ไม่ใช่เสียงสนทนาเหมือนคราวก่อน แต่เป็นลักษณะเหมือนการส่งเสียงผ่านโทรศัพท์แบล็กเบอร์รี่ หวานหยดชนิดใครฟังก็อึ้ง นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีเสียงผู้ชายอีกด้วย ปิดท้ายด้วยเสียงของหญิงสูงอายุที่พูดชื่อ “เป๊ก” กับ “ลูกพิ้งกี้” ซึ่งคลิปเสียงดังกล่าวถูกตัดต่อร้อยเป็นเรื่องราวใส่ภาพพิ้งกี้ประกอบ เหมือนจงใจจะบอกคนฟังว่า เจ้าของเสียงเป็นใคร ? 
        
       อย่างไรก็ตามในคลิปเสียงดังกล่าวไม่ได้มีการระบุหรือเอ่ยชื่อว่าแทน ตัวเองว่าเป็นใครและกำลังพูดถึงใคร โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 
        
       เสียงที่ 1 เป็นเสียงผู้หญิง 
       “ค่ะคุณพ่อหนูเป็นเมียของลูกชายคุณพ่อ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะจุ๊บๆ ดีเปล่าอย่างนี้” 
       เสียงที่ 2 เป็นเสียงผู้ชาย 
       “ดีและก็ต้องบอกว่า หนูกำลังจะมีหลานให้คุณพ่ออีกหนึ่งคนนะคะ อีก 4 คนตามมา คุณพ่อทราบไหมคะจุ๊บๆ” 
       เสียงที่ 3 เป็นเสียงผู้หญิง 
       “เปล่านะจ๊ะผัวจ๋า ไม่ได้คุยกับผู้ชายอื่นเลยนะ แต่ว่าผู้ชายโทรมาเอง อุ๊ย...ขอโทษทีหลุด อุ๊ยลืมไป”(หัวเราะ) 
       เสียงที่ 4 เป็นเสียงผู้หญิง 
       “ตื่นมาไอจะบอกยูว่า มอร์นิ่ง ไม่ใช่สิตอนนี้มันกลางวันอยู่ไม่ใช่หรอที่โน่นน่ะ ไอต้องบอกยูว่า กู๊ดไนท์ ใช่เปล่า” 
       เสียงที่ 5 เป็นเสียงผู้หญิง 
       “เหนื่อยโคตร...เฮ้อ คิดถึงเด้อ คิดถึงมั่กๆๆๆๆๆๆๆๆ” 
       เสียงที่ 6 เป็นเสียงผู้หญิง 
       “ไอมิสยูนะคะ แล้วก็...อืม ไปเที่ยวผับ เที่ยวเผื่อด้วยล่ะ บ๊ายบาย” 
      เสียงที่ 7 เป็นเสียงผู้ชาย 
       “เล็กปุ๊กคิดถึงมาก” 
       เสียงที่ 8 เป็นเสียงผู้หญิง 
       “คิดถึงเหมือนกัน กลับมาเมืองไทยเร็วๆ นะ พวกเรารออยู่นะคะบ๊ายบาย” 
       เสียงที่ 9 เป็นเสียงผู้หญิง(เหมือนร้องไห้) 
       “เหมือนกี้ดูหนังเขาบอกว่า คนเรารักกันไม่จำเป็นจะต้องอยู่ด้วยกันก็ได้ ขอแค่รู้ว่ามีคนที่ยังรักเราก็ยังโอเค ฮือๆ มันซึ้งน่ะ ... ฮือ” 
       เสียงที่ 10 เป็นเสียงผู้หญิง 
       “เดี๋ยวจะโดนนะ เดี๋ยวจะโดนๆ คิดถึงก็หาว่าโกหก เดี๋ยวจะโดน” 
      เสียงที่ 11 เป็นเสียงผู้หญิงสูงวัย 
       “คุณเป๊กหน้าของพิ้งกี้ซีดเหมือนไข่ต้มเลยนะค่ะ” 

หนังเรื่องนี้ยังอีกยาว 

เหตุกำเนิดของ "โสเภณี" ผู้บำเรอสุขในรสกาม

 


ภาพ "ผู้ใช้บริการหญิงนครโสเภณี" ศิลปะกรีกโบราณ   อายุราว 480-470 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีภาพถุงเงินห้อยอยู่ข้างฝาด้วย
     
โสเภณีในประเทศไทย สมัยก่อน

เป็นเรื่องรับรู้ และค่อนข้างยอมรับกันอยู่แล้ว สำหรับอีกหนึ่งอาชีพที่ถูกรังเกียจ ดูถูกเหยียดหยาม (เหมือน)ไร้เกียรติ ในแทบทุกสังคม ทุกยุคสมัย กับ "โสเภณี" หรือ อาชีพขายบริการทางเพศ แต่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า อาชีพบำเรอกามนี้ สร้างรายได้ให้กับพวกเธอ(หรือเขา) เป็นกอบเป็นกำ ในแต่ละวัน (ไล่ไปตามเกรดและคุณภาพ) เผลอๆ อาจสร้างรายได้ดีกว่าคนที่จบการศึกษาระดับสูง เป็นถึงด็อกเตอร์ หรือจบมาจากเมืองนอกเมืองนา กันเลยทีเดียว เพียงแค่ใช้เรือนร่างทอดกาย ถวายความสุขฝ่ายต่ำ(ทางพุทธศาสนา) ที่ช่วยระบายอารมณ์ใคร่ตามสัญชาติญาณของมนุษย์ให้ไปถึงฝั่งก็เท่านั้น
แล้วทราบกันหรือไม่ว่า ความหมาย ของ โสเภณี นั้นคืออะไร
 "โสเภณี" เดิมมาจากคำเต็มๆว่า "นครโสเภณี" แปลว่า "หญิงงามแห่งนคร" ค่ะ ซึ่งคนสมัยก่อนเรียกอย่างเป็นไทยๆว่า "หญิงงามเมือง" เดิมพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (ฉบับ พ.ศ. 2493) ให้นิยามว่า "หญิงงามเมือง, หญิงคนชั่ว" เป็นเพราะหญิงพวกนี้อาศัยเมืองหรือนครเป็นที่หาเลี้ยงชีพ ตามชนบทนั้นไม่มี เพราะการเป็นโสเภณีนั้นเป็นที่รังเกียจของสังคม ผู้หญิงพวกนี้จึงอาศัยที่ชุมชนเป็นที่หากิน อีกประการหนึ่ง ในเมืองหรือนครนั้นมีผู้คนลูกค้ามากมาย เป็นการสะดวกแก่การค้าประเวณี
ภาคอีสานเรียกหญิงนครโสเภณีว่า "หญิงแม่จ้าง" คือ เป็นผู้หญิงที่รับจ้างกระทำชำเราสำส่อน โดยได้รับเงินหรือผลประโยชน์เป็นค่าจ้าง
คำว่า "นครโสเภณี" มาจากอินเดีย ในสมัยโบราณบางแคว้นของชมพูทวีป มีหญิงเหล่านี้เอาไว้เชิดหน้าชูตา เป็นแรงดึงดูดการท่องเที่ยว และนำเงินตราเข้าบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี อย่างในเรื่อง กามนิต ก็ได้กล่าวถึงเอาไว้ว่า นางนครโสเภณีเหล่านี้คือ "มงกุฎดอกไม้หลากสีของกรุงอุชเชนี" โดยนางเหล่านี้พระราชาก็ประทานเกียรติยศ ประชาชนก็บูชา จินตกวีก็กล่าวขวัญเป็นบทเพลงเยินยอ ซึ่งเป็นการสมควรแล้วที่จะขนานนามว่า"มงกุฎดอกไม้หลากสีของกรุงอุชเชนีที่สถิตเหนือฐานศิลา" กระทำให้แคว้นใกล้เมืองเคียงต่างๆอิจฉากรุงอุชเชนีเป็นกำลัง นางงามเหล่านี้บางคนที่เลือกสรรแล้วเคยรับเชิญเป็นแขกเมืองไปเยี่ยมแดนต่างๆก็บ่อยๆ"
หญิงโสเภณีมักรวมกลุ่มกันในสถานค้าประเวณีที่เรียกกันว่า "ซ่องโสเภณี" ซึ่งในภาษาไทยตามกฎหมายเก่า (พระราชบัญญัติป้องกันสัญจรโรค รัตนโกสินทรศก 127) ว่า "โรงหญิงนครโสเภณี"อย่างไรก็ดี หญิงโสเภณีอาจอยู่ตามโรงแรม สถานอาบ-อบ-นวด โรงน้ำชา ภัตตาคาร ร้านเสริมสวย หรือตามสถานบันเทิง หรืออาจอยู่บ้านส่วนตัวและรับจ้างร่วมประเวณีเฉพาะโอกาสก็ได้
  ต้นกำเนิด "โสเภณี"
จากการศึกษาพบว่า หญิงโสเภณีมีกำเนิดมาจากพิธีการทางศาสนา ปฏิบัติกันอยู่ในเอเชียตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ คือหญิงสาวจะต้องกระทำพิธีสละพรหมจารีของตนเพื่อบูชาเทวี เช่น ของอินเดียได้แก่พิธีบูชาพระแม่กาลีซึ่งบางทีก็เรียก "ทุรคาบูชา" (ฮินดี: Durgapuja) พิธีเช่นว่านี้สืบเนื่องมาจากความเชื่อที่ว่าผู้หญิงมีความรู้สึกฝังใจอยู่กับชายคนแรกที่เธอร่วมประเวณีด้วย การสละพรหมจารีดังกล่าวจึงกระทำเพื่อบูชาเทวีเบื้องบนเสีย และชายผู้ร่วมประเวณีด้วยนั้นก็มักจะเป็นแขกแปลกหน้าที่หญิงนั้นไม่รู้จัก โดยถือกันว่าชายแปลกถิ่นเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะนำโชคลาภมาสู่ตน
การสละพรหมจารีด้วยการร่วมประเวณีกับชายแปลกหน้านั้นบางแห่งก็มีสิ่งตอบแทน หญิงชาวบาบิโลนโบราณพากันมานั่งคอยชาวแปลกหน้าในวิหารเจ้าแม่อิชตาร์ (Ishtar) เพื่อเข้าสู่พิธีสละพรหมจารีกับชายแปลกหน้า ถ้าชายพึงใจในหญิงคนใดก็จะโยนเหรียญมาที่ตักของเธอ หญิงที่ได้รับเหรียญจะต้องลุกตามเขาไปทันทีเพื่อประกอบพิธี โดยไม่ว่าเงินที่ชายโยนให้นั้นจะมากน้อยเพียงไร เมื่อได้พลีพรหมจารีแล้วก็เป็นอันหมดหน้าที่ หญิงนั้นจะได้กลับไปบ้านเมืองและครองชีวิตอย่างมีเกียรติพร้อมกับตั้งหน้าคอยโชคลาภต่อไป หญิงที่รูปไม่งามอาจต้องนั่งรอชายแปลกหน้าเป็นเวลาหลายปี
ภาพล้อเลียนทางการเมืองแสดงสภาพโสเภณีในสังคมตะวันตกโบราณ ชื่อ "การขึ้นภาษีร้านค้าไม่ได้กระทบกระเทือนผู้ค้าปลีก" ศิลปะตะวันตก พ.ศ. 2330บางท้องที่ก็มีพิธีกรรมทางโสเภณีเพื่อการศาสนา เช่น นักบวชหญิงร่วมกันจัดพิธีกรรมต่าง ๆ ทางโสเภณีซึ่งถือว่าเป็นการพลีกายเพื่อศาสนา เงินที่ได้จากพิธีกรรมทางเพศดังกล่าวจะส่งเข้าบำรุงศาสนา บางแห่งหญิงสาวต้องไปวัดเพื่อขอให้นักบวชชายเบิกพรหมจารีให้ โดยถือว่านักบวชเป็นตัวแทนของพระเจ้า บางแห่งหญิงสาวอุทิศตนเป็นนางบำเรอประจำวัด เพื่อร้องรำทำเพลงบำเรอพวกนักบวชและพวกธุดงค์ที่มาสักการะเทพเจ้าในสำนักตน ทั้งหมดนี้เป็นจุดกำเนิดของหญิงโสเภณีในปัจจุบัน แต่โสเภณีทางศาสนาดังกล่าวมาแล้วกระทำในคลองจารีตประเพณีของศาสนา ไม่อื้ออึงหรืออุจาดนัก
ต่อมาเกิดมีธรรมเนียมใหม่คือ หญิงสาวหันมาเป็นโสเภณีเพื่อสะสมทุนทรัพย์สำหรับสมรส ชายที่สมสู่ไม่ต้องวางเงินบนแท่นบูชาแต่ให้ใส่ลงในเสื้อของหญิง ภายหลังหาเงินได้สองสามปีก็จะกลับบ้านเพื่อแต่งงาน และถือกันว่าหญิงที่ได้ผ่านการเป็นโสเภณีมาแล้วเป็นแบบอย่างของเมียและแม่ที่ดี การปฏิบัติของหญิงโสเภณีประเภทหลังนี้ บางคนก็กระทำไปโดยมิได้เกี่ยวข้องกับพิธีทางศาสนาเลย
 
ครั้นกาลเวลาล่วงมา อารยธรรมในทางวัตถุนิยมเพิ่มมากขึ้น การโสเภณีทางศาสนาค่อยเลือนลางจางไป โดยมีโสเภณีทางโลกเข้ามาแทนที่ โรงหญิงโสเภณีโรงแรกจึงถือกำเนิดขึ้นที่กรุงเอเธนส์ โดยเป็นโรงหญิงโสเภณีสาธารณะ เก็บเงินรายได้บำรุงการกุศล ผู้จัดตั้งชื่อ "โซลอน" (Solon) เป็นนักกฎหมายและนักปฏิรูป วัตถุประสงค์ในการตั้งโรงหญิงโสเภณีดังกล่าวมีสองประการ คือ 1) เพื่อคุ้มครองอารักขาความบริสุทธิ์ให้แก่ครอบครัวของประชาชน มิให้มีการซ่องเสพชนิดลักลอบและมีชู้ และ 2) เพื่อหารายได้บำรุงการกุศลต่าง ๆ
จากนั้นโสเภณีก็ได้คลี่คลายขยายตัวเรื่อยมาจนกระทั่งเป็นอยู่อย่างปัจจุบัน
 "ค้าประเวณี" หมายความว่า หญิงใช้อวัยวะของตนเสมือนหนึ่งสินค้า รับจ้างปลดเปลื้องความใคร่ให้แก่ลูกค้าด้วยการร่วมประเวณีด้วย ถ้าเป็นแต่นวดให้ผู้ชาย เช่น หญิงตามสถานอาบ-อบ-นวด โดยมิได้กระทำชำเรา แม้จะได้กระทำการบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางเพศอยู่บ้าง ก็มิได้ชื่อว่าเป็นหญิงโสเภณี
 การค้าประเวณีในประเทศไทยถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 โดยไม่ได้ถูกนำเข้ามาจากชาติตะวันตกตามเรื่องเล่ากัน เริ่มเป็นที่แพร่หลายกับชาวตะวันตก ในช่วงที่มีการติดต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับชาวตะวันตก มีหลักฐานเป็นศัพท์ในสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เรียกว่า รับจ้างทำชำเราแก่บุรุษ
 เรียกว่า โสเภณี เป็นอาชีพเก่าแก่ คร่ำครึ ทีเดียว
เมื่อถึงกรุงรัตนโกสินทร์ แหล่งประจำของโสเภณีอยู่ที่สำเพ็ง ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพวกชาวจีน เพราะสำเพ็งเป็นแหล่งคนจีน มาตั้งแต่สร้างกรุง ซึ่งในนิราศเมืองแกลง ของสุนทรภู่ ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อท่านออกเดินทางไประยองในตอนยามสอง นั่งเรือล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ก็ได้ยินเสียงหญิงเหล่านี้ขับร้องเพลงลอยลมมา
ถึงสำเพ็งเก๋งตั้งริมฝั่งน้ำ แพประจำจอดเรียงเคียงขนาน
มีซุ้มซอกตรอกนางเจ้าประจาน
ยังสำราญร้องขับไม่หลับลง
 ใน ประมวลกฎหมายตรา 3 ดวง – บทพระไอยการลักษณะผัวเมีย มีการบัญญัติผู้ค้าประเวณีว่า หญิงนครโสเภณี และสมัยสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีสถานประกอบการเรียกว่า โรงหญิงนครโสเภณี โดยทั่วไปมีโคมกระจกสีเขียวตั้งข้างหน้า จึงเรียกกันว่า สำนักโคมเขียว พอค่ำก็เปิดไฟหรือจุดตะเกียงในโคมให้ลูกค้ารู้กัน เป็นสัญลักษณ์ แหล่งที่ขึ้นชื่อมากเรียกว่า "ตรอกเต๊า" มีสำนักตั้งกันเรียงรายตลอดตรอก
ลักษณะ โสเภณีสมัยนั้นอายุ15-16ขึ้นไป (ปัจจุบัน 11-12 ก็ถูกบังคับให้ค้ากามแล้ว) ชอบผัดหน้าขาว กินหมากปากแดง ใส่น้ำอบไทยหอมฟุ้ง แต่งตัวก็นุ่งผ้าลายหรือโจงกระเบน ห่มผ้าแถบหรือสไบเฉียง บางคนใส่เสื้อคอ คือเป็นเสื้อมีสายโยงบ่าคล้ายๆเสื้อสายเดี่ยว ตกค่ำพวกนี้ก็จะมานั่งโชว์ตัว อยู่หน้าห้องริมตรอกอย่างเปิดเผย คอยต้อนรับลูกค้า ส่วนกลางวันพวกเธอนอนพักไม่ออกมาทำงาน
โสเภณีเป็นอาชีพที่ไม่ ผิดกฎหมาย แต่ทางการเขาก็ไม่ได้ปล่อยเอาไว้เฉยๆ โดยมีการเก็บภาษีอากรเข้ารัฐกับเขาด้วย ในรูปแบบภาษีโรงเรือน กระทั่งหลังปี พ.ศ. 2499 เริ่มมีพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 กำหนดว่าการค้าประเวณีเป็นความผิดอย่างชัดเจน แต่ในสังคมยุคใหม่เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในช่วงสงครามเวียดนาม โดยในช่วงนั้นการค้าประเวณีจะเป็นการลักลอบค้าประเวณี
อาบอบนวด หรือ ซ่อง เป็นสถานบริการทางเพศโดยตรง โดยผู้ขายบริการจะนั่งรอภายในสถานบริการและรอลูกค้าเข้ามาเลือก โดยในสถานบริการจะมีบริการจัดห้องไว้รับรอง ในต่างจังหวัดบางที่ผู้ให้บริการ จะยืนรวมตัวรอบกองไฟ และมีห้องบริการไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการเข้ามาใช้บริการ
ปัจจุบันการค้าประเวณีในประเทศไทยเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ก็ยังคงปล่อยให้มีการเปิดสถานบริการอาบอบนวด ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในส่วนของสถานบริการทั่วไปกระจายอยู่ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ๆ นอกจากนี้ยังมีสถานบันเทิง คาเฟ่ ร้านคาราโอเกะ สปา หรือร้านตัดผม บางแห่ง มีการบริการพิเศษเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าอีกด้วย โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่เป็นที่รับรู้กันว่าเป็นเรื่องที่แอบแฝงไปด้วยการให้บริการความสุขทางเพศด้วย ราคาค่า(ทอด)ตัว ก็ตกลงกันเองระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ไม่เกี่ยวข้องกับทางสถานบริการ ตั้งแต่ 50 บาท จนถึงหลายหมื่นบาท
จากการประมาณผู้ขายบริการทางเพศ ทั้งชายและหญิงในประเทศไทยมีประมาณ 130,000 คน
  อู้!! ไม่ใช่น้อยกันเลยทีเดียว
  ขอขอบคุณข้อมูล+รูปภาพอ้างอิงบางส่วน จาก วิกิพีเดีย 

แฟชั่น ที่คุณกินได้

 
 
 
 
 

10 เรื่องร้อน ในวงการบันเทิง เอเชีย ปี 53 ( ที่ผ่านมา )

ถือเป็นปีที่มีข่าวฉาวร้อนแรงที่สุดเลยก็ว่าได้สำหรับข่าวคราวในวงการ บันเทิงเอเชียในช่วงปี 53 ที่ผ่านมา เพราะในปีนี้มีกระแสข่าวด้านลบของบรรดาศิลปิน-ดาราออกมาอย่างคลาคล่ำ โดยเฉพาะปมลับฉาวโฉ่ที่ขุดออกมาแฉกันไม่เว้นแต่ละวัน ที่เรียกว่าไม่น้อยหน้าวงการบันเทิงฮอลลีวู้ดเลยทีเดียว งานนี้เลยขอถือโอกาสรวบรวม 10 เหตุการณ์อื้อฉาวที่คนสนใจมากที่สุดมาฝากกันอีกครั้งค่ะ 
 
ความลับแตก ''จ้าวเหว่ย'' เบนโล 
 
ด้าน ''จ้าวเหว่ย'' ที่มีข่าวฉาวช็อกวงการตั้งแต่ต้นปี 2553 เลยทีเดียว เมื่อนางเอกสาวตาโตได้ตั้งครรภ์ 5 เดือนกับนักธุรกิจชาวสิงคโปร์ โดยงานนี้นางเอกสาวคนดังลงทุนบินไปหลบข่าวฉาวถึงเมืองลอดช่องกันเลยทีเดียว ซึ่งเธอปิดปากเงียบไม่ยอมปริปากใดๆ กับกระจอกข่าวท้องถิ่นเลยแม้แต่น้อย โดยหลังจากคลอกดลูกสาวได้ไม่นานเธอก็ได้เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนถึงเรื่อง ที่เธออยากจะรีเทิร์นวงการอีกครั้ง ซึ่งทำให้มีกระแสข่าวลือออกมาอีกว่าที่นางเอกสาวต้องวิ่งวุ่นหาเลี้ยงลูก เพราะถูกสามีทิ้ง และจนถึงตอนนี้นักแสดงสาวดีกรีนางเอกซูเปอร์สตาร์ก็ยังไม่ยอมปริปากเอ่ยถึง เรื่องครอบครัวของเธอเลยแม้แต่น้อย โดยให้เหตุผลว่าเธอไม่อยากพูดถึงเนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัว

  
เม้าท์สนั่น ''จางซิยี่'' อมเงินบริจาค 
 
เริ่ม ต้นที่ข่าวแรกกับข่าวคาวที่โด่งดังที่สุดในปี 53 ของนางเอกสาวชาวจีนที่ดังที่สุดในเอเชียของ ''จางซิยี่'' เกี่ยวกับการงุบงิบเงินจำนวน 5 ล้านบาทที่เหล่าคนดังได้ร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ครั้งใหญ่ในมณฑลเสฉวน โดยให้นางเอกสาวเป็นตัวตั้งตัวตีจัดทำกองทุน แม้ว่านางเอกสาวจะออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง แต่ข่าวด้านลบเกี่ยวกับการยักยอกเงินของผู้ประสบภัยทำให้คนบางกลุ่มเกิดการ แอนตี้เธออยู่อย่างหนัก จนเกือบทำให้นักแสดงสาวคิดสั้นฆ่าตัวตาย ซึ่งช่วงนั้นนักวิเคราะห์หลายคนต่างลงความเห็นว่าดาราสาวคนดังอาจจบชีวิตใน วงการบันเทิงเลยทีเดียว


เมื่อ ปีที่แล้ววงการบันเทิงฮ่องกงต้องช็อกไปตามๆ กันเมื่อพระเอกตลอดกาล ''หลิวเต๋อหัว'' อยู่ๆ ก็ออกมาเปิดตัวว่าเขามีภรรยาแล้ว และอยู่กินด้วยกันมานานแล้ว ในปีนี้ก็ต้องช็อกวงการอีกครั้งเมื่อนักร้องนักแสดงภาพลักษณ์ใสวัย 28 ปี ''ชาร์ลีน ชอย'' หรือ ''อาซา'' แห่งวง ''ทวินส์'' ควงแขนสามี ''เจิ้งจงจี'' ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าพวกเขากำลังจะหย่ากันหลังจากที่อยู่กันฉันสามี ภรรยามาร่วม 4 ปีแล้ว ซึ่งประเด็นร้อนที่ทำให้หลายคนตกใจมากกว่าการเลิกรากันก็คือ การที่ได้ทราบว่านักร้องสาวคนดังที่มีภาพลักษณ์ดีที่ก้าวสู่วงการมาถึง 10 ปีมีสามีมานานหลายปีแล้ว โดยที่ไม่มีใครระแคะระคายเลยแม้แต่นิดเดียว นี่ถ้า ''อาซา'' เป็นดาราไทยล่ะก็คงไม่พ้นถูกตั้งฉายา ''แอ๊บตีนปลาย'' เป็นแน่

ปล่อยคลิปพริตตี้สาวดัง ''ไจ๋หลิง'' หวานใจนักว่ายน้ำทีมชาติจีน 
 
''ไจ๋ห ลิง'' นางแบบและพริตตี้สาวชื่อดังชาวจีนวัย 22 ปี ถูกอดีตแฟนหนุ่มเผยแพร่คลิปลับกระจายทั่วอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นวิดีโอที่บันทึกไว้ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว โดยในคลิปฉาวดังกล่าวคลิปภาพการประกอบกิจกรรมทางเพศอันร้อนแรงแพร่กระจาย อย่างรวดเร็ว และถูกพูดถึงไปทั่ว ระหว่างหนุ่มนิรนาม และสาวสวยคนหนึ่งที่ชาวจีนหลายๆ คนจดจำใบหน้าได้ว่าคือ ไจ๋หลิง นางแบบชื่อดังที่ชาวจีนรู้จักกันดี มีรายงานข่าวจากเมืองจีนว่านางแบบสาวชาวจีน ไจ๋หลิง ได้พยายามฆ่าตัวตาย แต่นับเป็นโชคดีที่เพื่อนคนหนึ่งมาพบเข้า และช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ก่อนนำตัวของเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที โดยขณะนี้นางแบบคนดังกล่าวยังอยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล


หนังโป๊สามมิติเรื่องแรกของโลก 
 
เพียง แค่ ''สตีเฟ่น เซียว'' ประกาศสร้าง ''3DSex and Zen'' ภาพยนตร์อีโรติกรสามมิติเรื่องแรกของโลกที่ใช้ทุนสูงถึง 30 ล้านเหรียญฮ่องกง ก็ทำเอาบรรดาเหล่าเสือหิวทั้งหลายตื่นเต้นดีใจอย่างออกนอกหน้าเลยทีเดียว อีกทั้งเมื่อช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา มีการบวงสรวงเปิดกล้องภาพยนตร์อย่างเป็นทางการพร้อมกับเปิดตัว 4 นักแสดงใจกล้าที่จะมารับบทเด่นในเรื่องนี้ ซึ่งแต่ละคนนั้นมีดีกรีเป็นถึงกราเวียร์สุดฮอตขวัญใจหนุ่มแดนปลาดิบเลยที เดียว ไม่ว่าจะเป็น ''ซาโอริ ฮาระ'', ''ซูโอะ ยูกิโกะ'' รวมถึงสองสาวสุดร้อนแรงจากแดนมังกรอย่าง ''หลี่ไห่เหยียน'' และ ''หลันเหยียน'' ด้วย โดยขณะที่ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวได้เดินเครื่องเปิดกล้องถ่ายทำก็ได้รับความ สนใจจากสื่อมวลชนทั้งในและนอกประเทศเดินทางมาทำข่าวและเจาะลึกเบื้องหลังการ ถ่ายทำอย่างเข้มข้นจวบจนถึงวันสิ้นสุดของการถ่ายทำ เรียกว่าเป็นภาพยนตร์ในปี 2011 ที่หนุ่มๆ หลายคนตั้งตารอชมกันเลยทีเดียว

เรียกร้องลงโทษดาราสาวอินโดฯ ถึงตายหลังมีคลิปสยิวหลุด 
 
เป็น หนึ่งในข่าวที่ถูกเกาะติดความเคลื่อนไหวตั้งแต่กลางปีจนถึงปลายปีเหมือนกัน สำหรับกรณีคลิปสยิวขณะกำลังร่วมกิจกรรมทางเพศของ 3 ดาราดังจากอินโดนีเซีย ''ลูน่า มายา'', ''คัต ตาริ'' และหนุ่ม ''นาซริล เอเรียล'' ที่ถูกศาลอิเหนาตัดสินให้ถูกดำเนินคดี ภายใต้กฎหมายต่อต้านภาพลามก อนาจารฉบับปี 2008 โดยนอกจากนี้บรรดากลุ่มมุสลิมคลั่งศาสนายังได้มีการออกมาเรียกร้องให้ลงโทษ อย่างหนักกับพิธีกรสาว ''คัต ตาริ'' ที่แต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว กลุ่มมุสลิมเรียกร้องให้เธอรับโทษด้วยการถูกปาหินจนตายฐานคบชู้สู่ชาย


ลือให้แซด''อาชีพแม่เล้า'' ลำไพ่เสริมของภรรยา "เหลียงเฉาเหว่ย'' 
 
ส่วน คนนี้ก็มีข่าวฉาวขึ้นหน้าหนึ่งไม่น้อยหน้าเหล่ดารารุ่นน้องเลยเหมือนกัน สำหรับนักแสดงสาวมากฝีมือค่าตัวแพง ''หลิวเจียหลิง'' ภรรยาของพระเอกตลอดกาล ''เหลียงเฉาเหว่ย'' เพราะมีกระแสข่าวในปีนี้ออกมาอย่างอื้ออึงว่าที่นักแสดงสาวคนดังเข้าไป พัวพันกับการค้าประเวณี หลังจากที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่เธอเคยเป็นพรีเซนเตอร์และมีความสนิทสนมกับ กรรมการบริหารถูกทางการสั่งปิดกิจการเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ และพบว่าโรงแรมแห่งนี้มีการลักลอบค้าประเวณีอย่างโจ่งแจ้ง 


  
ชาวอิเหนาประท้วงห้ามดาวโป๊ยุ่นเข้าประเทศ 
 
ส่วน อีกหนึ่งข่าวที่ฮอตสุดๆ ในแดนอิเหนาคงไม่พ้นเรื่องราวของนางเอกหนังโป๊คนดังของญี่ปุ่น ''มาเรีย โอซาว่า'' หรือที่หลายคนคุ้นเคยกันในชื่อ ''มิยาบิ'' เพราะหลังจากที่ชาวท้องถิ่นทราบว่าภาพยนตร์เรื่อง ''Hantu Tanah Kusir'' เตรียมส่งบทให้กับนักแสดงสาวผู้นี้มาร่วมแสดงก็ทำเอาเกิดการประท้วงอย่างยก ใหญ่ โดยให้เหตุผลว่าเธอคือคนที่จะมาเผยแพร่พฤติกรรมต่ำทรามในประเทศแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าอินโดนีเซียขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศเคร่งศาสนาขนาดไหน จึงไม่แปลกที่พลเมืองส่วนใหญ่จะออกมาต่อต้านเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรุนแรง


ซุปตาร์ ''เรน'' ถูกฟ้องเบี้ยวหนี้ 
 
ฟาก หนุ่มหล่อล่ำซูเปอร์สตาร์จากเกาหลีใต้อย่าง ''เรน'' ก็ต้องเจอกับเรื่องราวชวนปวดหัวถึงขนาดขึ้นโรงขึ้นศาลอยู่หลายครั้งหลายครา กับการถูกผู้จัดคอนเสิร์ตในอเมริกาฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนมหาศาล โดยกล่าวอ้างว่านักร้องหนุ่มยกเลิกการแสดงคอนเสิร์ตในฮาวายอย่างดื้อๆ และเมื่อไม่นานมานี้นักร้องหนุ่มถูกนักธุรกิจในอเมริกาที่อ้างตัวว่าเป็น เจ้าหนี้ฟ้องร้องเพราะเบี้ยวหนี้สินจำนวน 4.5 ล้านบาท ที่หยิบยืมไปใช้เล่นการพนันในบ่อนพนันที่เขาติดอย่างงอมแงม หลังจากเดินทางไปที่ลาสเวกัส แถมงานนี้หนุ่มนักธุรกิจยังได้แฉอีกว่าซูเปอร์สตาร์แดนโสมพยายามให้เขาติด สินบนเจ้าพนักงานเพื่อขอวีซ่าถาวรในสหรัฐฯ อีกด้วย


รักติดจรวดของ''ต้าเอส'' 
               
เป็นข่าวที่ร้อนแรงส่งท้ายปลายปีกันเลยทีเดียวสำหรับข่าวรักติดจรวดของ ''ต้าเอส'' นางเอกสาวคนดังที่แจ้งเกิดจนเป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียกับเรื่อง ''รักใสใสหัวใจสี่ดวง'' โดยหลังจากที่เมื่อช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวลือหนาหูว่านางเอกคนดังกำลังคบหาดูใจกับทายาทเศรษฐีดังในเมือง จีน โดยหลังจากนั้นชายได้โพสต์ข้อความลงในเว็บไซต์ส่วนตัวว่าเขาจะเข้าพิธีหมั้น กับนางเอกสาวคนดัง แม้ว่าจะคบหาดูใจกันได้เพียง 20 วันเท่านั้น งานนี้เลยทำให้ขาเม้าท์ซุบซิบกันอย่างอื้ออึงว่าที่ฝ่ายชายตัดสินใจด่วนจี๋ ถึงขนาดนี้เป็นเพราะสาว ''ต้าเอส'' อาจเบนโลแล้วนั่นเอง

ติดตาม เรื่องแปลก ใหม่ ตลก สนุก เซ็กซี่ sexy น่าสนใจอื่น ๆ หรือแวะมาทักทายกัน ได้ที่
www.facebook.com/somphon http://gplus.to/somphon www.twitter.com/samaphon www.facebook.com/somphon.me http://samaphon.blogspot.com/

          ขอขอบคุณที่มา : email