เรื่องแปลก ใหม่ น่าสนใจ ข่าวสาร บันเทิง สนุก เซ็กซี่ sexy ที่คุณ อยากรู้ ที่นี่ครับ ^^

SAMAZshop

Translate

บ้านหลังน้อยของ”มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” เจ้าของ Facebook

                

  

แม้ว่าตอนนี้ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุค จะกลายเป็นคนดังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ชายหนุ่มวัย 26 ปี ก็ยังคงใช้ชีวิตแบบสมถะ ในบ้านที่สร้างอย่างเรียบง่าย ในเมืองพาโล อัลโต้ รัฐ
แคลิฟอร์เนีย
ก่อนหน้านี้เขาเคยเปิดให้สื่อต่างๆเยี่ยมบ้าน และเคยเปิดให้เจ้าแม่ทอล์คโชว์อย่างโอปราห์ วินฟรีย์เข้าเยี่ยมชมมาแล้ว เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขาได้ยอมรับสถานะความ
เป็น “เซเล็บ” ของตนเองได้เสียที เขาก็ไม่รอช้าที่จะย้ายหนีเหล่าปาปาราซซีที่อาจจะบุกเข้าบ้านของเขาเมื่อไหร่ก็ได้ ไปยังบ้านหลังใหม่ที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่อึดใจ ซึ่งเต็มไปด้วยระบบ
รักษาความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิดอย่างแน่นหนา เพียง 3 เดือนหลังจากนั้น


วิมานหลังใหม่ของเขามีขนาดไม่แตกต่างจากบ้านหลังเก่านัก ซึ่งมีขนาด 4 ห้องนอน และถูกปล่อยเช่าไปเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมา และอยู่ห่างจากบ้านเดิมในย่านคอลเลจ เทอร์เรซ
 ไปเพียง 7 ช่วงตึกและใกล้กับสำนักงานใหญ่ของเฟซบุค ซึ่งเป็นที่ทำงานของเขามากกว่าเดิม ซึ่งนั่นทำให้เขาสามารถเดินทางไปทำงานได้ง่ายยิ่งกว่าเดิม เพราะว่าหนุ่มบ้างานอย่างเขาทำ
งานถึงวันละ 16 ชม.

การย้ายบ้านที่มีระยะห่างกันเพียงครึ่งไมล์ (800 เมตร) กลายเป็นที่สนใจของประชาชนที่อาศัยอยู่ในย่านนั้นเป็นการใหญ่ “ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงการมาถึงของเขา” เพื่อนบ้านรายหนึ่งกล่าว


บ้านหลังใหม่ของซัคเคอร์เบิร์กยังคงเป็นบ้านที่ยัง”เช่าอาศัย” เช่นเดียวกับบ้านหลังเก่า ซึ่งมีขนาด 4 ห้องนอน และมีพื้นที่เพียง 211.5 ตารางเมตร โดยเพิ่มขึ้นมาเป็น 5 ห้องนอน และมีพื้นที่
เพิ่มขึ้นเป็น 342 ตารางเมตร และเต็มไปด้วยจานดาวเทียมไม่น้อยกว่า 3 จาน บนหลังคาบ้าน ขณะที่หน้าบ้านมีรถยี่ห้ออาคูร่าสีดำจอดอยู่

กล้องวงจรปิดจำนวนมากซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณหน้าบ้านของเขา อาจเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้บ้านธรรมดาๆของมหาเศรษฐีรุ่นเยาว์รายนี้ แตกต่างจากบ้านของผู้คนในแถบนั้น เพื่อนบ้านรายหนึ่ง
กล่าวว่า มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดมากมาย ก่อนที่ซัคเคอร์เบิร์กจะย้ายเข้ามาเพียงไม่นาน 
                                                                                            
 

NASA ชี้แจง! 2012 วันโลกาวินาศ ??


ในเวบไซต์ต่างๆ มีการนำเรื่องราว 2012 วันสิ้นโลก ไปกล่าววิพากษ์วิจารณ์ไว้มากมายว่าเป็นเรื่องที่กุขึ้นมา หาข้อเท็จจริงไม่ได้
แม้ในเวบไซต์ของ NASA (องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ) อันเป็นหน่วยงานรัฐ ของสหรัฐฯ ก็เปิดพื้นที่ เพื่อชี้แจงให้ประชาชนอเมริกา และ ทั่วโลก ทราบว่า ข่าวลือดังกล่าว ปราศจากพื้นฐานความจริงใดๆ ทั้งสิ้น
คำถาม มีภัยคุกคามใดๆต่อโลกมนุษย์ในปี 2012 หรือไม่ ? เวบไซต์ในอินเตอร์เนตจำนวนมากระบุว่า โลกจะถึงการอวสานต์ ในเดือนธันวาคม 2012
คำตอบ ไม่มีอะไรร้ายแรงจะเกิดขึ้นกับโลกมนุษย์ในปี 2012 ดาวพระเคราะห์ซึ่งพวกเราอาศัยอยู่กันนี้ อยู่มาด้วยดีเป็นเวลากว่าสี่พันล้านปี และนักวิทยาศาสตร์ซึ่งทรงความน่าเขื่อถือทั้งหลายในโลก ไม่พบเหตุของความคุกคามใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับปี 2012 นี้แต่อย่างใด
คำถาม อะไรเป็นจุดเริ่มต้นของคำพยากรณ์ว่าโลกจะสิ้นสุดในสิ้นปีของปี 2012
คำตอบ เรื่องมันเริ่มต้นด้วยการกล่าวอ้างว่า ดาวนิบิรุ (Nibiru)  ซึ่งเป็นดวงดาวที่กล่าวกันว่า ชาวสุเรเมียน(Suremians) เป็นผู้ค้นพบกำลังพุ่งเข้าหาโลก ในเบื้องต้น คำพยากรณ์กล่าวว่า ความหายนะจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2003 แต่เนื่องจากไม่เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น วันโลกาวินาศจึงถูกเลื่อนไปเป็นเดือนธันวาคม 2012  หลังจากนั้นจึงมีการนำนิทานทั้งสองเรื่องมาเชื่อมโยงเข้ากับกับจุดจบของวงวัฎจักรในปฎิทินโบราณของมายัน และนำมาสู่คำพยากรณ์ว่าวันโลกาวินาศคือ วันที่ 21 ธันวาคม 2012
คำถาม จริงหรือที่ว่าปฎิทินของมายันสิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2012
คำตอบ ปฏิทินของพวกเราที่แปะอยู่ในห้องครัว ไม่ได้สิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม ปฏิทินของมายันก็ไม่ได้จบสิ้นในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 เช่นเดียวกัน วันที่ 21 ธันวาคมดังกล่าว เป็นวันสุดท้ายของรอบวงปฏิทินของมายัน ดังนั้น เมื่อปฏิทินของพวกเรา เริ่มใหม่อีกครั้งในวันที่ 1 มกราคม ปฏิทินมายัน ก็เริ่มต้นนับใหม่ ภายหลัง 21 ธันวาคม            
คำถาม มีดาวที่ชื่อว่านิบิรุ หรือ ดาว X หรืออีริส (Eris)ที่กำลังพุ่งเข้าหาโลก และ คุกคามที่จะทำลายดาวเคราะห์ซึ่งพวกเราอาศัยอยู่นี้หรือไม่
คำตอบ นิบิรุ และเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่พุ่งเข้าหาโลก เป็นเรื่องซึ่งกุขึ้นมาในอินเตอร์เนต ไม่มีพื้นฐานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างเหล่านี้เลย หากคำอ้างที่ว่านิบิรุ หรือ ดาว X กำลังมุ่งหน้าที่จะพุ่งชนโลกในปี 2012 เป็นจริง นักดาราศาสตร์คงจะทำการติดตามดาวดวงนี้มาอย่างน้อยเป็นสิบปีมาแล้ว และ หากเรื่องนี้เป็นจริง วันนี้ เราย่อมสามารถมองเห็นดาวดังกล่าวด้วยตาเปล่าในวันนี้แล้ว ความเป็นจริงก็คือ มันไม่มีดาวดังกล่าว สำหรับ Eris นั้นเป็นเรื่องจริง แต่ดาวดวงนี้เป็นดาวดวงเล็กขนาดเท่าดาวพลูโต และดาวดวงนี้จะอยู่ในวงโคจรรอบนอกของระบบสุริยะ ระยะใกล้ที่สุดซึ่งดาวดวงนี้จะเข้ามาใกล้ ก็คือประมาณ สี่พันล้านไมล์
คำถาม เป็นความจริงหรือไม่ ที่ว่ามีอันตรายที่โลกจะถูกพุ่งชนจากอุกาบาตในปี 2012
คำตอบ โลกมีโอกาสถูกพุ่งชนจากดาวหางหรืออุกาบาตตลอดเวลา แต่การพุ่งชนซึ่งมีความรุนแรงมีน้อยมาก การพุ่งชนที่มีผลกระทบใหญ่เกิดขึ้นเมื่อ 65 ล้านปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไป ปัจจุบันนี้ นาซาได้ดำเนินการสำรวจที่เรียกว่า การสำรวจเพื่อปกป้องอวกาศ เพื่อมองหาอุกาบาตขนาดใหญ่ซึ่งอยุ่ใกล้โลก เป็นเวลานานก่อนที่มันจะพุ่งถึงโลก ผลการศึกษา นาซาสรุปว่ายังไม่พบอุกาบาตขนาดใหญ่เช่นที่เคยทำลายไดโนเสาร์มาก่อน งานการสำรวจนี้ ทำกันอย่างเปิดเผย และมีการนำขึ้นเวบทุกวันที่ NEO Program Office website ซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปดูได้
คำถาม นักวิทยาศาสตร์นาซา รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการกล่าวอ้างถึง วันโลกาวินาศซึ่งจะมาถึง
คำตอบ คำกล่าวอ้างเกี่ยวกับภัยพิบัติหรือการเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันในปี 2012 นั้น มันมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์อย่างไร หลักฐานบ่งชี้อยู่ที่ไหน เราไม่พบเห็นอะไรเหล่านั้นเลย
สำหรับการนำเสนอต่างๆ ทั้งในรูปหนังสือ ภาพยนต์ สารคดี หรือในอินเตอร์เนต ต่างๆนั้น ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้ ไม่มีหลักฐานที่พอเชื่อถือใดเลย สำหรับการยืนยันว่าจะเกิดเหตุการณืผิดปรกติขึ้นในเดือนธันวาคม 2012
คำถาม มีอันตรายใดๆที่จะเกิดจากพายุสุริยะขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะมีในปี 2012
คำตอบ การปรับเปลี่ยนของพายุสุริยะเกิดเป็นวัฎจักร ซึ่งจะขึ้นถึงจุดสุดยอดทุก 11 ปี เมื่อใกล้ถึงจุดสุดยอดนี้ การปะทุในดวงอาทิตย์อาจทำให้ระบบสื่อสารดาวเทียมได้รับผลกระทบ แม้ในปัจจุบันวิศวกรกำลังเรียนรู้ที่จะพัฒนาระบบอิเล็กตรอนิกส์ที่สามารถทำงานได้ภายใต้พายุสุริยะใดๆก็ได้ แต่ไม่มีความเสี่ยงพิเศษใดๆในปี 2012 จุดสุดยอดของการเปลี่ยนแปลงครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นประมาณปี 2012-2014 และก็เป็นที่คาดว่าจะเป็นวงวัฎจักรสุริยะตามปรกติ ไม่มีความแตกต่างใดจากวัฎจักรซึ่งเคยเกิดมาในประวัติศาสตร์

"แคท อิงลิช" ทูพีช จัดเต็ม ทั้งแรง ทั้งสวย















บรรยากาศ สงกรานต์ ถนนข้าวเหนียว















ญี่ปุ่นยกระดับวิกฤต นิวเคลียร์ฟูกูชิมะถึงขั้น 7

ภาพความเสียหายของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะเมื่อวันที่ 10 เมษายน จากบริษัทเท็ปโก
        เอเอฟพี/เอเจนซี - สำนักงานความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น วันนี้ (12) ประกาศยกระดับความรุนแรงของวิกฤตนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านฟูกูชิมะ ไดอิจิ จากระดับ 5 สู่ระดับ 7 ผู้เชี่ยวชาญชี้ เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และสถานการณ์ไม่ร้ายแรงถึงขนาดนั้น 
        
       อย่างไรก็ตาม การยกระดับขั้นสูงสุดของอุบัติเหตุนิวเคลียร์ตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ (INES) ครั้งนี้เป็นเพียงภาพสะท้อนความรุนแรงเบื้องต้นของวิกฤต แต่ไม่ใช่สถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งระดับกัมมันตรังสีลดลงอย่างรวดเร็ว 
        
       “นี่เป็นเพียงการประเมินขั้นต้น และต้องการมีการสรุปขั้นสุดท้ายโดยทบวงการพลังงานปรมาณูสากลอีกครั้ง” เจ้าหน้าที่ของเอ็นไอเอสเอ หน่วยงานตรวจสอบดูแลด้านนิวเคลียร์ของรัฐบาลญี่ปุ่นแถลงร่วมกับคณะกรรมการความปลอดภัยนิวเคลียร์ 
        
       โฆษกสำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์กล่าวว่า จากการประเมินแสดงให้เห็นว่าระดับสารกัมมันตรังสีที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะนั้นเป็นเพียง 10% ของสารรังสีที่ถูกปล่อยจากเชอร์โนบิล หรือราว 370,000 เทราเบกเคอเรล โดยมาตรฐานการวัดรังสี 1 เทราเบคเคอเรลเท่ากับ 1 ล้านล้านเบคเคอเรล 
        
       ส่วนคณะกรรมการด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นคณะผู้เชี่ยวชาญกึ่งอิสระที่คอยให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลญี่ปุ่นนั้นกลับประเมินปริมาณรังสีที่ถูกปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้มากกว่า ถึง 630,000 เทราเบคเคอเรลทีเดียว 
        
       อย่างไรก็ดี ฮิเดฮิโกะ นิชิยามะ รองอธิบดีสำนักงานความปลอดภัยดังกล่าวชี้ว่า เหตุการณ์ทั้งสองแห่งแตกต่างกันมาก เนื่องจากอุบัติเหตุที่เชอร์โนบิลเป็นการระเบิดของเตาปฏิกรณ์ ที่ปล่อยกัมมันตภาพรังสีระดับสูงจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 29 ราย ขณะที่ฟูกูชิมะ เป็นการระเบิดจากไฮโดรเจนภายในอาคาร แต่เตาปฏิกรณ์ยังไม่บุบสลาย แม้จะพบการรั่วไหลบ้าง 
        
       ขณะที่ เมอร์เรย์ เจนเนกซ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยซานดิเอโก ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ แสดงความเห็นแย้งประกาศดังกล่าวว่า “ผมคิดว่าการยกระดับความรุนแรงเทียบเท่ากับเชอร์โนบิลนั้นมากเกินไป” 
        
       เขาระบุว่า เหตุการณ์ที่เชอร์โนบิลร้ายแรงเนื่องจากมีการระเบิด และไม่มีอาคารคลุมเตาปฏิกรณ์ แต่โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะของญี่ปุ่นนั้นมีอาคารคลุมในสภาพดีอยู่ แม้บ่อแช่แท่งเชื้อเพลิงเกิดไฟลุกไหม้ 
        
       “ผมไม่เห็นว่าทั้งสองแห่งนี้เป็นเหตุการณ์เดียวกัน หากพวกเขาต้องการยกระดับเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ผมคิดว่าพวกเขามองโลกในแง่ร้ายมากเกินไป” เขาเสริม 
        
       นอกจากนี้ เคนจิ ซูมิตะ อาจารย์มหาวิทยาลัยโอซากา ชี้ว่าการยกระดับขึ้นถึงขั้น 7 นั้นมีนัยทางการทูตร้ายแรง ซึ่งเท่ากับเป็นการบอกประชาชนว่าอุบัติเหตุดังกล่าวอาจสร้างปัญหาให้กับประเทศเพื่อนบ้านของพวกเขาได้ “ผมคิดว่าระดับ 7 นั้นรุนแรงเกินไป” 









ภาพหลุด! น้องเพ้นท์กับกิ๊กเก่า ก่อนจะมาเป็นพี่โดม เค้าว่างั้นนะ





เริ่มแล้ว สงครามน้ำ..

ไต้หวันเปิดฉาก “สงครามน้ำ” เย็นฉ่ำชื่นใจ
ผู้คนนับพันแห่เล่น สงกรานต์สาดน้ำอย่างสนุกสนาน ณ ชุมชนชาวพม่า หรือ เหมี่ยนเฉียวเจีย(缅侨街) ในเมืองซินเป่ย ไต้หวัน เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2554
        เทศกาล สงกรานต์ในไทยกำลังจะมาถึงในไม่ช้า(13เม.ย.) แต่ทว่า ในชุมชนชาวพม่า หรือ เหมี่ยนเฉียวเจีย(缅侨街) ในเมืองซินเป่ย ไต้หวัน ผู้คนจำนวนมาก ทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนท้องถิ่น ต่างเปิดฉากเล่น “สงครามน้ำ” เมื่อวันที่ 10เม.ย.ที่ผ่านมา บ้างก็ใช้ถังน้ำสาดกันเต็มที่ บ้างก็ใช้ขันน้ำสาดกันพอสนุก หรือบางคนก็ใช้ปืนฉีดน้ำตามสะดวก 
       
        ทั้ง นี้ เทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ของประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนเม.ย.ของทุกปี สำหรับในประเทศไทย จะตรงกับวันที่ 13-15 เม.ย. 
       
        ชมภาพการเล่นสงกรานต์ ณ ชุมชนชาวพม่า ในเมืองซินเป่ย ไต้หวัน เมื่อวันที่ 10 เม.ย.(ภาพเฟิ่งหวง) 
        
      
        
        
        
        
        
หมวยน้อยโดนฉีดน้ำแกล้ง

     

เทศกาลสงกรานต์ กับถนนสารพัดข้าว

ใคร คิดจะไปเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ที่ไหนกันบ้างครับ สำหรับวัยรุ่นคงจะเป็นสถานที่ยอดนิยม  ถนนสารพัด "ข้าว" ทั้งหลาย อย่างเช่น ในกรุงเทพฯ หนีไม่พ้น ต้อง "ถนนข้าวสาร"    
สำหรับจังหวัดอื่นๆ เพื่อเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยว จึงมีถนนสารพัด "ข้าว" ขึ้นมาหลายแห่ง เพื่อต้อนรับเทศกาลสงกรานต์โดยเฉพาะ ส่วนใหญ่จะตั้งชื่อตามของดีประจำจังหวัดของตนเอง เพื่อเป็นเอกลักษณ์ จนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดัง

ถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร

          ถนน ข้าวสาร เป็นถนนเดียวที่เป็นชื่อถนนจริง ๆ และยังเป็นถนนที่ได้รับความนิยมในการเล่นน้ำในวันสงกรานต์มากที่สุดในประเทศ ก็ว่าได้ ทุก ๆ วันสงกรานต์จะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจากทั่วทุก มุมโลก แวะเวียนมาเล่นน้ำวันสงกรานต์ให้คลายร้อน ซึ่งการเล่นสงกรานต์บน ถนนข้าวสาร เริ่มเมื่อประมาณ พ.ศ. 2533 เหตุเพราะบน ถนนข้าวสาร มีเกสต์เฮ้าส์จำนวนมาก และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมักเดินทางมาพักกายพักใจที่นี่ ดังนั้น ประเพณีการเล่นน้ำสงกรานต์จึงเกิดขึ้น เพื่อแสดงถึงประเพณีปีใหม่ไทยให้ออกสู่สายตาชาวโลก ซึ่งแต่เดิมการเล่นสงกรานต์ ถนนข้าวสาร ในช่วงแรก ๆ ก็เป็นแค่เล่นสาดน้ำกันธรรมดาเท่านั้น ต่อมาได้รับความสนใจจากผู้คนมาก ทำให้ตามห้างร้านและเกสต์เฮ้าท์ที่ตั้งอยู่บริเวณรอบ ๆ รวมตัวกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ ขึ้น ทำให้ ถนนข้าวสาร กลายเป็นที่สถานที่สุดฮอตอีกแห่งหนึ่งในวันสงกรานต์

ถนนข้าวยำ จังหวัดปัตตานี

          ถนนข้าวยำ หรือชื่อทางการว่า ถนนมะกรูด จังหวัดปัตตานี ซึ่งถนนสายนี้เดิมทีเป็นตลาดสด มีประชาชนมาจับจ่ายซื้อของ แต่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มักมีประชาชนขับรถหรือตั้งป้อมเล่นน้ำกันบนถนนสายนี้ จนเป็นที่มาของ ถนนข้าวย้ำ เพื่อให้คล้ายคลึงกับ ถนนข้าวสาร อีกทั้ง ข้าวยำ เป็นของดีปัตตานีอีกด้วย

ถนนข้าวหลาม จังหวัดชลบุรี

          ถนนข้าวหลาม หรือที่ชาวชลบุรีรู้จักกันในนาม หนองมน (จริง ๆ แล้ว ถนนข้าวหลาม มีชื่ออยู่จริง แต่ตั้งอยู่ในเขตสัมพันธ์วงศ์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร) ทุกปีทางเทศบาลหนองมนจะจัดงานวันสงกรานต์ มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย อีกทั้งยังมีผู้คนเดินทางแวะเวียนมาเล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างเนืองแน่น จึงทำให้เรียกกันติดปากว่า “ถนนข้าวหลาม” เพราะเป็นสินค้าขึ้นชื่อของ หนองมน

ถนนข้าวสุก จังหวัดอ่างทอง

          จังหวัดอ่างทองมีที่เล่นสงกรานต์ที่ขึ้นชื่ออยู่ที่หนึ่งคือบริเวณ ถนนสายวิเศษ-บางจัก โดยจะมีประชาชนในท้องที่และใกล้เคียงจะมาสาดน้ำเล่นสงกรานต์กันนับเป็นพันคน ซึ่งประชาชนที่มาเล่นจะเรียกว่าถนนนี้ว่า ถนนข้าวสุก
ถนนข้าวเหนียว จังหวัดขอนแก่น

          ถนนข้าวเหนียว เป็นชื่อเรียกในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ถนนข้าวเหนียว ก็คือ ถนนศรีจันทร์ โดย ถนนข้าวเหนียว จะเริ่มตั้งแต่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปถึงจนแยกถนนศรีจันทร์ ตัดกับถนนหน้าเมือง ซึ่งเรียกได้ว่า ถนนข้าวเหนียว มีบรรยากาศคล้ายคลึงกับ ถนนข้าวสาร เป็นอย่างมาก บริษัทห้างร้านหลายแห่งได้จัดตั้งเวทีคอนเสิร์ต และจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศการเล่นน้ำให้มีสีสันต้อน รับวันสงกรานต์ 

ถนนข้าวปุ้น จังหวัดนครพนม

          ถนนข้าวปุ้น แต่เดิมชื่อ ถนนเลาะริมโขง ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม เป็นอีกถนนหนึ่งที่ผู้คนเดินทางแวะเวียนมาเที่ยวเล่น หรือสาดน้ำสงกรานต์ ซึ่ง ถนนข้าวปุ้น มีมาตั้งแต่ปี 2548 และเหตุที่ใช้ชื่อ ถนนข้าวปุ้น เนื่องจากจังหวัดนครพนมขึ้นชื่อเรื่องขนมจีน และมีน้ำยาหลากหลายสูตร จึงตั้งชื่อถนนให้ตรงตามของขึ้นชื่อ

ถนนข้าวหอมมะลิ จังหวัดร้อยเอ็ด 

          ถนนข้าวหอมมะลิ หรือ ถนนเพลินจิต ตั้งอยู่บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ กลางเมืองร้อยเอ็ด เริ่มตั้งชื่อเมื่อปีที่แล้ว 2549 โดย ถนนข้าวหอมมะล จะจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์ที่เน้นไปทางด้านการเรื่องส่งเสริมประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่น สำหรับเหตุผลที่ตั้งชื่อว่า ถนนข้าวหอมมะลิ เนื่องจากจังหวัดร้อยเอ็ดมีพันธุ์ข้าวหอมมะลิที่ขึ้นชื่อ

ถนนข้าวเปียก จังหวัดอุดรธานี 

          ถนนข้าวเปียก คือบริเวณ ถนนเทศาภิบาล หน้าหน่วยบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งเทศบาลนครอุดรธานีจัดงานเทศกาลสงกรานต์ขึ้น โดยมีประชาชนนิยมเดินทางมาเล่นสาดน้ำ รวมถึงลงน้ำที่หนองประจักษ์ และร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ 

ถนนข้าวกล่ำ จังหวัดกาฬสินธุ์

          ถนนข้าวกล่ำ หรือ ถนนอนรรฆนาค ในเขตเทศบางเมืองกาฬสินธุ์ ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2550 ใช้เป็นที่จัดกิจกรรมสงกรานต์

ถนนข้าวแช่ จังหวัดปทุมธานี

          ถนนเทศปทุม หรือ ถนนข้าวแช่ อยู่บริเวณหน้าศาลากลาง จังหวัดปทุมธานี (หลังเก่า) โดยเหตุที่ตั้งชื่อว่า ถนนข้าวแช่ เนื่องจากจังหวัดปทุมธานีเป็นเมืองที่มีชาวมอญอพยพมาอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่ง ข้าวแช่ ถือเป็นของดีของเด่นของชาวมอญ จึงนำมาตั้งเป็นที่ชื่อ ถนนข้าวแช่ และมีกิจกรรมทั้งการสรงน้ำพระ การเล่นน้ำตามประเพณี

ถนนข้าวทิพย์ จังหวัดจันทบุรี

          ถนนข้าวทิพย์ หรือที่ชาวจันทบุรีรู้จักในชื่อ ถนนท่าแฉลบ ตั้งอยู่บริเวณถนนหน้าวัดใหม่ จนถึงสามแยกทุ่งนาเชย แต่ละปีจะมีประชาชนหลั่งไหลมาเล่นสงกรานต์กันเป็นจำนวนมาก และที่ตั้งชื่อว่า ถนนข้าวทิพย์ เพราะวัดใหม่ อำเภอเมืองจันทบุรี เป็นวัดที่มีพิธีกวนข้าวทิพย์เป็นประจำทุกปี จะทำในวันพิธีเปิดงานประเพณีวัดสงกรานต์ของจังหวัด จึงตั้งชื่อถนนตามพิธีกวนข้าวทิพย์

ถนนข้าวแต๋น จังหวัดน่าน    

          ถนนข้าวแต๋น หรือ ถนนสุมนเทวราช โดยเทศบาลเมืองน่านนำร่องจัด ถนนวัฒนธรรมปี๋ใหม่ เมืองบริเวณถนนสุมนเทวราช เป็นปีแรกระยะทางประมาณ 500 เมตร เป็นถนนปลอดเหล้าเบียร์ ซึ่งเทศบาลสนับสนุนการจัดซุ้ม ถังน้ำ พร้อมให้รถน้ำออกมาเติมให้ตลอดเวลาทั้งวัน โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวออกมาเล่นน้ำสงกรานต์กันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การจราจรบนถนนหลายสายรถติดกันยาวตลอดสาย

ถนนสายข้าว เพิ่มเติมครับ 
นอกจากนี้ยังมีถนนสาย "ข้าว" อื่นๆ ที่ทีมงานวิชาการดอทคอมรวบรวมข้อมูล ได้ดังนี้
ถนนข้าวเหนียว จังหวัดอุดรธานี (นอกเหนือจาก จังหวัดขอนแก่น)
ถนนข้าวหลาม จังหวัดชลบุรี, จังหวัดราชบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเลย และจังหวัดกรุงเทพฯ
ถนนข้าวแดง จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดเลย
ถนนข้าวต้มและถนนข้าวเจ้า จังหวัดนครราชสีมา
ถนนข้าวโพดและถนนข้าวเปลือก จังหวัดเพชรบูรณ์

ใครมีถนนสาย "ข้าว" ในจังหวัดตัวเอง หรือพอทราบ ส่งมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกันได้นะครับ

สำหรับ สงกรานต์ในปีนี้ ขอให้มีความสุขกับการอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาของคนในครอบครัว และมีความสุขกับการทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น รับประทานอาหารร่วมกัน ไปวัดทำบุญ หรือเล่นน้ำสงกรานต์ร่วมกันนะครับ

อย่า ลืมเล่นน้ำสงกรานต์อย่างสุภาพ อย่าสาดน้ำเข้าหูเข้าตา หรือปาน้ำแข็งใส่กัน รักษาสุขภาพด้วยนะครับ และที่สำคัญประหยัดน้ำกันด้วยนะครับ จะได้มีน้ำใช้กันไปนานๆ คร้าบบบ 
ติดตาม เรื่องแปลก ใหม่ ตลก สนุก เซ็กซี่ sexy น่าสนใจอื่น ๆ หรือแวะมาทักทายกัน ได้ที่
www.facebook.com/somphon http://gplus.to/somphon www.twitter.com/samaphon www.facebook.com/somphon.me http://samaphon.blogspot.com/

          ขอขอบคุณที่มา : email