วันเด็กแห่งชาติ ตรงกับ วันเสาร์ที่สองเดือนมกราคม เป็นประจำทุกปี สำหรับ วันเด็กแห่งชาติปี 2555 นี้ ตรงกับ วันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 โดยมี คำขวัญวันเด็กปี 2555 จาก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยว่า "สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี" แน่นอนว่าวันนี้เป็นวันสำคัญและวันสนุกของเด็กๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอย หลายหนาวยงานทั้งภาครัฐและอกชน จึงได้เตรียมเปิดพื้นที่ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขในวันเด็กแห่งชาติ เอาใจน้องๆ หนูๆ กันแล้ว งานนี้ สนุก! ท่องเที่ยว จึงได้คัดสรรสถานทีท่องเที่ยวสำหรับเด็กๆ มาฝากพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ตั้งใจจะพาเจ้าตัวน้อยออกไปเที่ยวกันครับ
1.พิพิธภัณฑ์เรือพระที่นั่ง
กระบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารคในลำน้ำเจ้าพระยาที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลกแต่ละครั้งแสดงให้เห็นถึงมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทย ที่มีวิถีชีวิตอันผูกพันกับสายน้ำและฝีมือในการสร้างเรือที่วิจิตรงดงาม ตลอดจนศิลปะแห่งการพายเรือที่อาศัยจังหวะและบทขับเห่ หลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เรือหลวงล้วนถูกทำลายไปหมดสิ้น มาสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเรือขึ้นใหม่เพื่อใช้ในการรบ ครั้นในสมัยรัตนโกสิทร์ ร.1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเรือพระที่นั่งและเรือประกอบขบวนขึ้นอีกทั้งหมดรวม 67 ลำด้วยกัน และในรัชกาลต่อ ๆ มาได้มีการสร้างขึ้นทดแทนยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เรือทั้งหวดถูกเก็บไว้ในโรงบเรือพระราชพิธีของกองทัพเรือ ซึ่งต่อมาคือพิพิธภัณฑ์ฯ เรือพระราชพิธีแห่งนี้ ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรือพระที่นั่ง จำนวน 8 ลำ อาทิ เรือนารายณ์ทรงสุบรรณ ร.9 เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชฯลฯ พร้อมเครื่องประกอบและสิ่งของเครื่องใช้ในกระบวนเรือพระราชทาน
โทรศัพท์: 02 466 3167, 02 465 7742, 02 462 3762
รถโดยสารประจำทาง: 19, 57,79,80,81,91,123,124,127,147, 149, ปอ. 509, ปอ.511
เวลาทำการ: ทุกวัน 09.00-17.00 น.
ค่าธรรมเนียมเข้าชม: 20 บาท
2. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)
สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหลังสวนจตุจักร มีอาณาเขตกว้างขวางถึง 375 ไร่ เป็นสวนที่เหมาะสำหรับทำกิจกรรมแบบครอบครัว ไม่ส่าจะเป็นการออกกำลังกาย เช่น เล่นฟุตบอล าสเก็ตบอล แบดมินตัน ว่ายน้ำ พายเรือคายัค และเต้นแอโรบิค รวมทั้งยังมีกิจกรรมสันทนาการต่างๆๆ ให้ทำอีกมากมาย อาทิ ดูนก ปั่นจักรยานชมสวนบนเส้นทางจักรยานยาว 3.2 กิโลเมตร ภายในสวนยังมีการจำลองถนนในกรุงเทพฯ ให้เด็กๆ ได้สนุกกับการเรียนรู้กฎจราจรขณะขี่จักรยานอีกด้วย และจุดเด่นของสวนแห่งนี้คือมีน้ำพุสูงที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งสูงถึง 72 เมตร สวนรถไฟเปิดให้ประชนทั่วไปใช้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 05.00 น. - 21.00 น.
3. หอเกียรติภูมิรถไฟไทย
ตั้งอยู่ด้านเหนือของสวนจตุจักรใกล้บริเวณลานจอดรถอเนกประสงค์ประตู 2 ถ.กำแพงเพชร 3 เป็นอาคารเก่าแก่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ 30 กว่าปีมาแล้ว เพื่อใช้เป็นที่เก็บขบวนรถไฟพระที่ทั่งของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่ หัว ร.7 และหัวรถจักรประวัติศาสตร์บางคัน ต่อมาได้ถูกปิดไประยะหนึ่ง ภายหลังได้รับการปรับปรุงอละเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ เมื่อปีพ.ศ. 2533 เป็นสถานที่รวบรวมและให้ความรู้เกี่ยวกับรถไฟ มีการจัดแสดงรถจักรไอน้ำ รถจักรจำลอง ขบวนรถไฟเล็กขนาดต่างๆ ภาพถ่ายและภาพวาดเกี่ยวกับเกียรติภูมิของการรถไฟโลกรวมทั้งสิ่งที่น่าสนใจ ต่างๆ อีกมากมาย หอเกียรติภูมิรถไฟไทยเปิดให้เข้าชมเฉพาะวัน เสาร์-อาทิตย์ 07.00 - 12.00 น. โดยไม่เก็บค่าเข้าชม
4.ดรีมเวิลด์
สวนสนุกที่มีสิ่งก่อสร้างจำลองดินแดนเทพนิยาย และเครื่องเล่นต่างๆ อาทิ เช่น รถไฟเหินเวหา ไวกิ้งส์ รถโกคาร์ท เรือบั๊ม เฮอริเคน ปลาหมึกยักษ์ พรมวิเศษ เป็นต้น นอกจากนี้คุณยังจะได้เพลิดเพลินกับลีลาการโยกย้ายส่ายสะโพก ของนักแสดงสาวสวยบนขบวนรถฮาวาย และชมการเต้นแท้งโก้สุดมันส์กับขบวนรถเม็กซิโก ประทับใจกับลีลาการท้าดวล กระทิงยักษ์ของมาธาดอร์จอมลวดลายจากสเปน และความยิ่งใหญ่อีกหลากหลายขบวน ที่จะมาสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
เวลาเปิด - ปิด: จันทร์ - ศุกร์ เวลา 10.00 - 17.00 น. เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 10.00 - 19.00 น.
ค่าเข้าชม: เด็ก 120 บาท ผู้ใหญ่ 150 บาท
บัตรรวมเครื่องเล่น 365 บาท เล่นได้ 25 เครื่องเล่น
บัตรดรีมเวิลด์วีซ่า 395 บาท เล่นได้ 25 เครื่องเล่น ไม่จำกัดรอบ
หรือ
www.dreamworld-th.com
5. พิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิม ทอมป์สัน
บ้านเรือนไทยตามสถาปัตยกรรมไทยภาคกลาง ตั้งตร่ะหง่านท่ามกลางหมู่ไม้ที่ร่มรื่น ด้วยความงามทางธรรมชาติที่น่าอภิรมย์แบบวิถีไทยสะท้อนรสนิยมของผู้เป็นเจ้า ของ นายจิมเดินทางมายังประเทศไทยครั้งแรกในฐานะทหารอาสาของกองทัพสหรัฐอเมริกา และย้ายมาประจำการในประเทศไทย ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามยุติเขาได้เดินทางกลับประเทศของตนและตัดสินใจกลับมาอยู่ในประเทศ ไทยเป็นการถาวรเขาได้เริ่มดำเนินธุรกิจการค้าผ้าไหมไทยในช่วงปี พ.ศ. 2502 - 2510 ได้ซื้อบ้านเรือนไทยภาคกลาง 6 หลัง จากจังหวัดอยุธยามาปลูกบริเวณริมคลองแสนแสบ กรุงเทพมหานคร ตัวบ้านแบ่งเป็น 2 ชั้น ตกแต่งภายในด้วยศิลปวัตถุโบราณแบบวัฒนธรรมเอเชีย บริเวณชั้นล่างของเรือนจัดแสดงเครื่องเบญจรงค์ เครื่องเคลือบดินเผา รวมถึงภาพเขียนของช่างไทยสมัย 2403 นายจิม ทอมป์สัน เป็นชาวต่างชาติที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมศิลปะผ้าไทย ซึ่งมิใช่เป็นเพียงธุรกิจการค้า แต่แฝงด้วยคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ได้จากการสะสมเมื่อคราวท่องเที่ยวไปในพื้นที่ชนบท และต่อมาได้ส่งเสริมให้ชาวไทยเชื้อสายมุสลิม "บ้านครัว" ที่ตั้งถิ่นฐานเดิมบริเวณริมคลองแสนแสบ ในการผลิตและออกแบบผ้าไหมไทย โดยเขาได้เข้าไปส่งเสริมการผลิต เช่น การนำวัตถุดิบหรือเส้นไหมไปให้ ส่งเสริมการขายโดยการรับซื้อผ้าทอจากชาวบ้านครัวและส่งขายภายใต้ยี่ห้อจิม ทอมป์สัน ต่อมานายจิม ได้เดินทางไปประเทศมาลเซียและหายสาบสูญไป ปัจจุบันลูกหลานของนายจิม ซึงสืบทอดกิจการมิได้รับซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยจากชาวบ้านครัวแล้ว แต่ที่ยังคงอยู่และสืบทอดความมุ่งมั่น สืบสานศิลปวัฒนธรรมด้านหัตถกรรมไทยและตะวันตกอย่างกลมกลืน
6.องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (อพวช.) หรือ NSM (National Science Museum)
ตื่นตากับตัวอาคารลูกบาศก์ 3 ลูก เกาะเกี่ยวกันอย่างสวยงาม เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ ที่ต้องการให้ผู้ชมเข้าถึงสาระทางวิทยาศาสต์และเทคโนโลยีง่ายแบบง่ายๆ สนุกสนาน พร้อมทดลอง สัมผัส และค้นหาคำตอบจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง
เปิดให้บริกา ร วันอังคาร - วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.30 - 16.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.30 - 17.00 น. (หยุดวันจันทร์)
7. นิทรรศน์รัตนโกสินทร์
ไล่เรียงนับวันเวลาตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานีมาจนถึงวันนี้ กรุงรัตนโกสินทร์ของพวกเราทุกคนก็มีอายุยาวนานกว่า 2 ศตวรรษแล้ว ทว่าในช่วงเวลาหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านไปนั้น เรื่องราวบางอย่างที่เกิดขึ้นอาจสูญหายไปตามกาลเวลา บางเรื่องราวอาจถูกเลือนไปกับบรรพบุรุษในอดีต... แต่เชื่อมั๊ยว่าคุณพ่อคูณแม่สามารถพาลูกๆ มาเดินเที่ยวในอาคารการเรียนรู้แบบใหม่ภายใต้ชื่อ ‘นิทรรศน์รัตนโกสินทร์' คุณ ค่าแห่งยุคสมัย สัมผัสได้ใน 1 วัน ซึ่งให้ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจเหมือนได้พาตัวเองย้อนกลับไปสู่สมัยนั้นอีกครั้งหนึ่ง เพราะอาคารหอนิทรรศนรัตนโกสินทร์แห่งนี้ นับเป็นศูนย์การเรียนรู้ข้อมูลและแหล่งรวบรวมความรู้ทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรมของกรุงรัตนโกสินทร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเมืองไทย อีกทั้งยังใช้เทคนิคสื่อผสมเสมือนจริงนำมาประยุกต์ใช้ในการนำเสนอเป็นครั้งแรกในเมืองไทยด้วย
8. พระที่นั่งอนันตสมาคม
พาลูกเดินทางไปดเที่ยวไม่ยากเลยกับสถานที่ท่องเที่ยวใจกลางเมืองหลวง สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบอิตาเลียนเรอเนสซองส์ ภายนอกประดับด้วยหินอ่อนซึ่งสั่งมาจากประเทศอิตาลี องค์พระที่นั่งเป็นอาคารหินอ่อนสองชั้น มีโดมสูงใหญ่อยู่ตรงกลาง และมีโดมเล็ก ๆ โดยรอบอีก 6 โดม ชั้นบนเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ แบ่งเป็นท้องพระโรงหน้าและท้องพระโรงหลัง บนเพดานโดมของพระที่นั่ง มีภาพเขียนสีปูนเปียกขนาดใหญ่ที่สวยงามจำนวน 6 ภาพ แสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของพระบรมราชจักรีวงศ์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลที่ 6 โดยฝีมือเขียนภาพของศาสตราจารย์แกลิเลโอ คินี และนาย ซี.ริกุลี ส่วนประตูทางเข้าชมนั้นจะอยู่ด้านหลัง ซึ่งจะเข้าได้จากทางถนนอู่ทองใน ตรงข้ามเขาดิน หรือทางถนนราชวิถี คือเข้าผ่านทางพระที่นั่งวิมานเมฆแล้วเดินชมพระที่นั่งอื่นมาเรื่อย ๆ แต่ถ้ามีเวลาไม่มากและต้องการชมพระที่นั่งอนันฯ อย่างเดียว แนะนำให้เข้าประตูทางฝั่งถนนอู่ทองใน (ที่เขียนว่า พระที่นั่งอภิเศกดุสิต)
พระที่นั่งอนันตสมาคม เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ทุกวัน ปิดวันจันทร์ วันหยุดเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2628 6300-9 หรือ
www.vimanmek.com
9. พระที่นั่งวิมานเมฆ
อยู่ใกล้ๆ กับ
พระที่นั่งอนันตสมาคม เดินไปแค่นิดเดียว เป็นพระที่นั่งที่สร้างด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่งดงามประณีตและได้รับอิทธิพลการก่อสร้างแบบตะวัน ตก องค์พระที่นั่งเป็นรูปอักษรตัวแอลในภาษาอังกฤษ คือสร้างเป็นรูปสองแฉกตั้งฉากกัน แต่ละด้านยาว 60 เมตร สูง 20 เมตร เป็นอาคาร 3 ชั้นเฉพาะที่ประทับซึ่งเรียกว่า "แปดเหลี่ยม" มี 4 ชั้น ชั้นล่างสุดก่ออิฐถือปูน ชั้นถัดขึ้นไปสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหมด มีห้องจัดแสดงรวมทั้งสิ้น 31 ห้อง การจัดแสดงบางห้องยังคงลักษณะบรรยากาศในอดีตไว้ เช่น หมู่ห้องพระบรรทม ท้องพระโรงและห้องสรง เป็นต้น บางห้องจัดแสดงศิลปวัตถุแยกตามประเภทเช่น ห้องจัดแสดงเครื่องเงิน ห้องจัดแสดงเครื่องกระเบื้องลายคราม ห้องจัดแสดงเครื่องแก้วเจียระไน และห้องจัดแสดงเครื่องงา เป็นต้น
พระที่นั่งวิมานเมฆ เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดนักชัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 09.30-16.00 น. อัตราค่าเข้าชมพระที่นั่งวิมานเมฆ คนไทยผู้ใหญ่ 75 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะต้องทำหนังสือแจ้งล่วงหน้า
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2628- 6300-9 หรือ
www.vimanmek.com
10. สวนสตว์ดุสิต
สถานที่ท่องเที่ยวที่โดนใจเด็กๆ มาทุกยุคทุกสมัย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ภายในบริเวณพระราชวังดุสิต เป็นสวนพฤกษชาติส่วนพระองค์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 8 ได้ทรงให้ทางเทศบาลกรุงเทพฯ จัดสร้างให้เป็นสวนสัตว์และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชนทุกระดับชั้น และมีการปรับปรุงพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ ตลอดมา เขาดิน เป็นสวนสัตว์ใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ มีพื้นที่ 118 ไร่ มีสัตว์ป่าราว ๆ 2,000 ตัว ทั้งที่หายากและเกือบจะสูญพันธุ์แล้ว มีต้นไม้นานาชนิดที่ให้ความร่มรื่นและบึงน้ำขนาดใหญ่ที่สวยงาม เหมาะเป็นที่ศึกษาเรียนรู้ชีวิตสัตว์สำหรับนักเรียน นักศึกษา และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับครอบครัว นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป หลังจากที่ได้เดินแวะชมสัตว์ต่าง ๆ หลากหลายแล้ว บริเวณอื่น ๆ ในเขาดินจะมีบึงน้ำขนาดใหญ่ มีเรือถีบที่เรียกว่า จักรยานนาวาให้เช่าถีบกันอย่างสนุกสนาน อีกจุดที่น่าเข้าไปชม นั่นคือ หลุมหลบภัยสาธารณะ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หนึ่งในโปรแกรม Unseen in Thailand ก็ลองแวะเยี่ยมชมกันดูได้
เปิดให้เข้าชมทุกวัน 08.00-18.00 น
อัตราค่าเข้าชม สำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ - 70 บาท ปวส. , นักศึกษา - 30 บาท ครู ทหาร ตำรวจ (ในเครื่องแบบ) - 30 บาท ปวช. , นักเรียน , เด็ก - 10 บาท พาหนะ - 60 บาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2281 2000, 0 2282 9245
วันเด็ก พาเด็ก ๆเที่ยวไหนดี..? ที่นี่มีคำตอบ
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ (Find me on)