เรื่องแปลก ใหม่ น่าสนใจ ข่าวสาร บันเทิง สนุก เซ็กซี่ sexy ที่คุณ อยากรู้ ที่นี่ครับ ^^

SAMAZshop

Translate

ฮานาโกะ ช้างไทยไปดัง ในสวน สัตว์ญี่ปุ่น

 

 ช้างฮานาโกะที่ข้าพเจ้าจะเล่าถึงนี้อยู่ในสวนสัตว์ที่ญี่ปุ่นนานถึง 2 ชั่วอายุคน คือตั้งแต่รุ่นคุณพ่อเป็นเด็กไปเที่ยวสวนสัตว์ก็เคยเห็น พอมีลูกพาลูกไปสวนสัตว์ ฮานาโกะก็ยังเฉิดฉายให้เห็นแม้จะแก่ชราไปมากแล้วก็ตาม และเรื่องราวของเจ้าหล่อนตัวนี้ก็กระฉ่อนมากในญี่ปุ่น ทั้งเป็นหนังสือให้อ่าน รึกึ่งสารคดีทางทีวีให้ดูก็มี

        มามะข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟัง.... ที่ญี่ปุ่น ช้างจัดว่าเป็นสัตว์ที่ผู้คนให้ความชื่นชอบมากเป็นพิเศษ ช้างไปโผล่ที่ไหนเป็นได้ถูกรุมกรี๊ดกร๊าดปานซุปเปอร์สตาร์เลยทีเดียว น่าจะพอๆกับบ้านเราที่เห่อหมีแพนด้ากันนั่นแหล่ะ

        ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยได้ส่งช้างไปให้ญี่ปุ่นเพื่อเจริญความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

        หนึ่งในนั้นคือ ช้างพังวันดี ไปถึงญี่ปุ่นตั้งแต่กลางปีพ.ศ. 2478 ตอนนั้นอายุ 18 ปีแล้ว .... พังวันดีไปถึงญี่ปุ่นก็ถูกขนานนามใหม่ว่า "ฮานาโกะ" ฮานะแปลว่าดอกไม้ ส่วนโกะแปลว่าเด็กน้อย ชื่อดูอ่อนหวานน่ารักมาก และฮานาโกะก็ดังมากที่ญี่ปุ่นทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ต่างชื่นชอบฮานาโกะกันทั้งนั้น เพราะญี่ปุ่นไม่มีช้างเป็นสัตว์ประจำถิ่นให้พบเห็น

* สำหรับชื่อวันดีนี้ข้าพเจ้าได้ยึดตามข้อมูลของสถานเอกอัคราชทูต ณ โตเกียว แต่ไปอ่านเจอบางข้อมูลเขียนว่า wanli (วัลลี)

ฮานาโกะ(Wanli)ตัวทางซ้าย ส่วนทางขวามือชื่อ Tonky เมื่อ พ.ศ.2486 ไม่นานก่อนฮานาโกะจะเสียชีวิต


        ฮานาโกะประจำการอยู่ ณ สวนสัตว์อุเอะโนะที่เมืองหลวงกรุงโตเกียว เป็นขวัญใจชาวประชาได้ไม่กี่ปีก็เกิดสงครามโลกครั้งที่2ขึ้น(พ.ศ. 2482 - พ.ศ. 2488)ระหว่างสงครามนั้นเองฮานาโกะก็ได้ล้มลง(เสียชีวิต)ในปีพ.ศ.2486 บอกสาเหตุอย่างคลุมเครือว่าล้มเพราะขาดอาหารในสภาวะสงคราม ส่วนข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับนโยบายของกองทัพญี่ปุ่นในขณะนั้นค่อยๆเล่าทีหลังแล้วกัน (ข้าพเจ้าอยากให้เรื่องราวยังน่ารักต่อเนื่องอยู่ก่อน...)

        พอฮานาโกะจากไปอย่างไม่หวนกลับ เด็กๆที่โตเกียวก็ร่ำร้องอยากได้ช้างตัวใหม่ ทางรัฐบาลก็เอาใจเด็กๆโดยติดต่อกับทั้งทางไทยและอินเดียเพื่อขอช้างเชือกใหม่ไปไว้ที่สวนสัตว์ ช้างพังคชาจากเมืองไทยอายุ 2 ปี และพังอินทิราจากอินเดีย ทั้งคู่ต่างลงเรือจากคนละที่มุ่งสู่แดนอาทิตย์อุทัย เมื่อปี พ.ศ.2492 ช้างทั้งสองไปถึงก็มีการเฉลิมฉลองรับขวัญช้างกันอย่างเอิกเกริก แต่ดูเหมือนว่าในตอนนั้นพังอินทิราจะได้รับความนิยมมากกว่า

ที่ท่าเรือโกเบ คนมารอรับเพียบ พังคชาดูอยากรู้จักผู้คนมาก ไม่เก้อเขินเลย


ภายในสวนสัตว์อุเอะโนะ งานเลี้ยงต้อนรับพังคชาอย่างใหญ่โต


        ตอนแรกๆผู้ดูแลชาวญี่ปุ่นเรียกพังคชาว่า คชาโกะ ซึ่งต่อมาทางสวนสัตว์อุเอะโนะจัดโครงการให้ชาวญี่ปุ่นช่วยกันตั้งชื่อให้ ใหม่ในภาคภาษาญี่ปุ่นและชาวประชาต่างก็โหวตให้กับชื่อ "ฮานาโกะ" อีกครั้งชื่อเดียวกับช้างตัวเดิมที่จากไปเมื่อครั้งสงครามที่ผ่านมา และณ บัดนี้ ความน่ารักของฮานาโกะน้อยก็เริ่มต้นขึ้น

         ฮานาโกะโชว์ตัวอยู่ที่สวนสัตว์อุเอะโนะได้ 5 ปี(ฮานาโกะ 7 ปี)ก็ย้ายไปที่สวนสัตว์ Inokashira(ยังคงอยู่ในโตเกียว) ที่นี่ในโซนช้างแล้วมีเพียงฮานาโกะเชือกเดียวเป็นดาวเด่นอยู่ยาวนานจนปัจจุบัน ตอนนี้คุณยายฮานาโกะอายุ 62 ปีแล้วค่ะ

         มาดูบ้านหลังใหญ่ของฮานาโกะที่ทางสวนสัตว์สร้างให้ อาจช่วยบรรเทาอาการร้อนรุ่มของหลายๆคนที่เห็นเหล่าแพนด้าทั้งหลายถูกประคบประหงมราวไข่ในหิน ฮานาโกะเราก็ถูกเอาใจไม่ต่างกันเลยค่ะ โดยมีพื้นที่ 260 ตร.ม. แบ่งเป็นลานกลางแจ้งเอาไว้โชว์ตัวกับห้องพักในร่ม


ภายในที่พักของฮานาโกะ ที่นอนปูด้วยหญ้าบด


เล่นน้ำโชว์ในหน้าร้อน สนุกจริงๆเชื่อฮานาโกะเหอะ


        มุกเด็ดของฮานาโกะน่าจะเป็นรายการ"ชวนมาเล่นน้ำกับฮานาโกะ" โดยยื่นสายยางให้ผู้ชม น่าจะเรียกเสียงฮาได้ดีทีเดียว เล่นแบบนี้แล้วจะไม่หลงรักได้ไง เนอะ

        หนึ่งในนิสัยของฮานาโกะคือชอบเป็นจุดสนใจ ชอบให้คนมามุงดู มีคนเล่าว่าเวลาฮานาโกะมายืนโชว์ตัว นอกจากเล่นสายยางแล้วก็จะตดเสียงดังมาก คนก็เฮฮากันลั่นเลยสิ ไม่รู้ว่าเป็นธรรมชาติของฮานาโกะรึเป็นการเรียกร้องความสนใจด้วยการสร้างภาพและเสียงประกอบนะคะ ฮ่า

         โชว์กินกล้วย อาจดูไม่ใช่ความสามารถพิเศษอะไร ทว่ากิจกรรมประจำวันนี่แหล่ะที่ข้าพเจ้าว่าน่ารักน่าใคร่กว่าโชว์ยากๆเป็นไหนๆ ป้อนให้จับกินทีละลูกไม่ทันใจ มีเร่งพี่เลี้ยงด้วยนะคะ เลยเพิ่มเป็นใช้งวงจับทีละสามสี่ลูกซะเลย อาจเป็นการโชว์การใช้งวงก็ได้นะ

พี่ขาอย่าช้า ฮานาโกะยังไม่อิ่มเลย เอาอีกเยอะๆได้ป่าว


         อายุเลยแซยิดมาแล้วจะไม่มีเหตุการณ์สะเทือนใจสำหรับฮานาโกะเลยก็จะสมบูรณ์แบบไป ในปีพ.ศ.2499 (อายุ 9 ปีเทียบกับในคนก็เรียกว่ากำลังจะก้าวจากเด็กเล็กไปเป็นเด็กวัยรุ่น) เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นคือ ฮานาโกะทำร้ายคนเมาที่แอบเข้ามาในโรงเลี้ยงช้างตอนกลางคืนจนเสียชีวิต และต่อมาพ.ศ.2503 ฮานาโกะก็ทำร้ายพี่เลี้ยงเสียชีวิตไปอีกคน

         ครั้งแรกอาจเพราะเป็นคนนอกเข้ามาในยามวิกาลทำให้ฮานาโกะตกใจกลัว( ฮานาโกะมีนิสัยขี้ตกใจ) และเผลอทำร้ายเข้า แต่ครั้งที่สองที่ทำร้ายพี่เลี้ยงที่คุ้นเคยกัน บวกกับฮานาโกะมีอาการหวาดระแวง สูญเสียความเชื่อใจคน ทางสวนสัตว์จึงลงโทษและหมายหัวว่าเป็นตัวอันตรายด้วยการล่ามโซ่ทั้งสี่ขา สุขภาพจิตเลยย่ำแย่ ซึมเศร้ามาก ร่างกายก็ซูบผอมลงไปมาก คนที่มาเยี่ยมชมก็เริ่มรับไม่ได้และสงสารฮานาโกะ มีคนเขียนจดหมายมาขอร้องให้ทางสวนสัตว์ดูแลฮานาโกะให้ดีเหมือนเดิม

ช่วยกรุณาดูแลฮานาโกะดีๆนะคะ ฮานาโกะน่าสงสารมาก


         โลกอึมทึมของฮานาโกะกลับสดใสขึ้นอีกครั้งเมื่อคุณเซอิโซ ยามาคาวะ มาเป็นพี่เลี้ยงให้ฮานาโกะ ดูแลฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของฮานาโกะให้กลับมาวางใจคนได้อีกครั้ง

        แม้ฮานาโกะจะจะไม่ถูกล่ามแล้ว คืนดีกับคนก็แล้วแต่ฮานาโกะยังผอมมากเพราะช่วงตรอมใจร่างกายย่ำแย่คงส่งผลกระทบถึงฟัน ฮานาโกะฟันร่วงจนเกือบหมดตั้งอายุเพียง 36 ปี (พ.ศ.2526)ทางสวนสัตว์ต้องจัดเมนูอาหารให้เหมาะกับสภาพของฮานาโกะ กินอาหารที่เคี้ยวง่ายๆชิ้นเล็กๆ
จนสภาพร่างกายกลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง พี่เลี้ยงต้องดูแลใกล้ชิดมากตลอดเวลาอาจเป็นสาเหตุให้ฮานาโกะติดคนมากอยู่ตัวเดียวไม่ค่อยได้ ขี้เหงาใช้ได้เลยนะเนี่ย

อาหารพอคำของฮานาโกะ แม้แต่เพื่อนนกก็ติดใจ


        อีกทั้งเท้าของฮานาโกะก็ต้องได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษ ในสัตว์ใหญ่ๆใช้เท้ารับน้ำหนักตัวตลอด เท้าจึงสำคัญมาก ฮานาโกะหนักถึง 3000 กิโลกรัมยืนตลอดวันและคืน อาจล้มตัวนอนบ้างสัก 1/2-1 ชั่วโมง แต่ส่วนใหญ่จะยืนหลับ ถ้าเท้าเจ็บทรงตัวยืนไม่ได้นั่นหมายถึงอันตรายถึงชีวิตเลยล่ะค่ะ พี่เลี้ยงจะตรวจเท้าและทำความสะอาดเท้าและเล็บ ตัดเล็บ ทาน้ำมันให้ฮานาโกะทุกวัน กิจวัตรนี้จึงกลายเป็นโชว์น่ารักๆอย่างหนึ่งของฮานาโกะ โดยจะคอยยกเท้าให้พี่เลี้ยงตรวจทีละข้างแบบรู้งานมาก คือจัดให้ไม่ต้องสั่ง

ท่านผู้ชมคะ อย่าคิดไปเชียวว่าเท้าของฮานาโกะตัวเบิ้มแบบนี้จะหนาตามภาระอันหนักอึ้ง ตรงกันข้าม เท้าเค้าบอบบางมาก หนังที่หลังของช้างต่างหากที่หนามากเป็นพิเศษ
แต่ข้าพเจ้าว่ายังบางกว่าพวกโกหกออกทีวีรายวันอีกนะคะ ฮ่า...เอิ๊ก


         พี่เลี้ยงคนปัจจุบันของฮานาโกะเล่าถึงนิสัยของฮานาโกะที่คล้ายๆคนเข้าไปทุกที เช่นว่าตกใจกลัวและไม่ชอบเสียงดังๆของรถพยาบาล หรือฟ้าร้อง เจอเป็นต้องวิ่งไปรอบๆลาน ที่กลัวอีกอย่างคือกลัวถูกทิ้งให้อยู่ตัวเดียว ชอบให้คนอยู่ใกล้ๆ ฮานาโกะเคยเจอเพื่อนช้างตอนเด็กๆเท่านั้น พอย้ายมาที่นี่ก็อยู่ตัวเดียวมาตลอด เจอแต่คน จึงนับคนเป็นพวกเดียวกันไปซะแล้ว

         เวลาถูกพี่เลี้ยงดุและตำหนิบางทีก็แสดงอาการเศร้าสำนึกผิด บางทีก็ทำเสียงฟึดฟัดแสดงอาการไม่พอใจก็มี (อันนี้เหมือนหมาของชั้นมากกก)

         ฮานาโกะระงับอารมณ์บางอย่างได้ด้วยนะ อย่างเวลามีคนที่ฮานาโกะไม่ชอบอยู่ใกล้ๆ จะทำหน้าเฉยๆ แต่พอลับตาก็แสดงอาการที่เก็บกดทันที ทำไงน่ะรึ ก็ใช้งวงคุ้ยขยะ ปาข้าวของว่อนเลยน่ะสิ 555 อันนี้จะมากไปมั้ยฮานาโกะ ช่างทำจริง แบบชั้นเกลียดแกมากแต่ชั้นผู้ดีนะยะไงไม่รู้ เนอะ

         บางเรื่องก็อย่าไปหาเหตุผลอะไรกับฮานาโกะเลย เช่นว่าฮานาโกะจะเหลืออาหารชิ้นสุดท้ายไว้เสมอ ...อยากได้แฟนหล่อมั้ย 5555 รึเป็นชิ้นเกรงใจกลัวหมดกลัวไม่ผู้ดีมั้ยฮึ รึอยากแบ่งให้พี่เลี้ยงตอบแทนที่ดูแลกัน

         แล้วที่กวนมากอีกเรื่องคือ ไอ้ประตูที่เค้าจัดไว้ให้เดินเข้าออกที่นอนกับลานโชว์ตัว เจ้าหล่อนก็ไม่ใช้ จะอ้อมไปเข้าออกทางประตูด้านนอกเท่านั้น อาจไม่ชอบให้ใครมากำหนดกฎเกณฑ์ให้มั้ง อยากตัดสินใจเอง(หลายคนก็แบบนี้เลยนะคะ 5555)

         เดี๋ยวนี้ฮานาโกะสุขสบายตามอัตภาพ ของช้างสูงวัย 62 ปี ฟันซี่เดียว สูงวัยที่สุดในบรรดาช้างด้วยกันในญี่ปุ่นแล้วค่ะ เพราะเมื่อ 17 ก.ย. พ.ศ.2552ที่ผ่านมาช้างอุเมโกะ(จากไทย)อายุ 62 ปีเพิ่งเสียชีวิตไป ตำแหน่งนี้เลยตกแก่ฮานาโกะโดยปริยาย

ฮานาโกะก็รักทุกคน อย่าลืมแวะมาเยี่ยมฮานาโกะด้วยนะคะ


เพิ่มเติมเพื่อการันตีความโด่งดังของฮานาโกะ 

         ลูกชายของคุณยามาคาวะ ได้เรียบเรียงเรื่องราวที่น่าประทับใจระหว่างพ่อของเค้ากับฮานาโกะ เป็นหนังสือชื่อ "ฮานาโกะ ช้างที่พ่อรัก" ในปีพ.ศ.2549 ค้นได้ชื่อหนังสือภาษาญี่ปุ่นมา Chichi ga Aishita Zou no Hanako (Hanako the elephant that my father loved) Koji Yamakawa

        และมีเป็นสารคดีทางทีวีฟูจิชื่อ Zou no Hanako (2007)(Those Poor Elephants)เป็นเรื่องราวของฮานาโกะทั้งสองสมัยเลย ข้าพเจ้าก็ยังไม่มีโอกาสได้ดูเรื่องนี้เลยแต่คาดว่าจะคล้ายกับที่ข้าพเจ้าเล่ามาทั้งหมด

ติดตาม เรื่องแปลก ใหม่ ตลก สนุก เซ็กซี่ sexy น่าสนใจอื่น ๆ หรือแวะมาทักทายกัน ได้ที่
www.facebook.com/somphon http://gplus.to/somphon www.twitter.com/samaphon www.facebook.com/somphon.me http://samaphon.blogspot.com/

          ขอขอบคุณที่มา : email