Samaphon.blogspot.com: วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 15, 2011

ผลสำรวจเผยคนกว่า 33% ถูกบอกเลิกผ่านเฟซบุ๊ก

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตกลายเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารอันดับแรกของคนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นกับสังคมภายนอก เพื่อน หรือแม้แต่คนรัก อินเทอร์เน็ตก็มักจะมาวินแซงหน้าช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเครือข่ายสังคมออนไลน์มาเป็นตัวช่วย ในการติดต่อสื่อสารกันอย่างกว้างขวางและรวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะพูดจะคุยอะไรกัน ก็มักจะไปลงที่เครือข่ายสังคมออนไลน์อยู่เสมอ แต่ผู้คนเหล่านี้จะใช้ช่องทางสื่อสารที่ว่ามานี้แบบไหนกันบ้าง มาลองติดตามงานสำรวจชิ้นล่าสุดที่เพิ่งได้รับการเปิดเผยมาพร้อม ๆ กัน

          องค์กรวิจัยการตลาดออนไลน์ "Lab42" ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับช่องทางสื่อสารเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ของผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ พบว่า มีผู้คนกว่า 33% ถูกบอกเลิกผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ อีเมล และการส่งข้อความทางอินเทอร์เน็ต ขณะที่ 40% มองเห็นความเป็นไปได้ของว่าจะถูกบอกเลิกผ่านช่องทางการสื่อสารเหล่านี้

          โดยทาง Lab42 ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ช่วงอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 550 คน โดยสอบถามในหลาย ๆ ประเด็นที่น่าสนใจ เช่น คุณเคยถูกบอกเลิกผ่านเฟซบุ๊กหรืออีเมลหรือไม่ ถ้าคุณต้องการชวนใครสักคนไปออกเดทจะใช้ช่องทางการสื่อสารใด คุณใช้ช่องทางใดสื่อสารพูดคุยกับคนรัก เป็นต้น ซึ่งผลการสำรวจก็ปรากฎออกมาดังนี้...

33% ถูกบอกเลิกผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ อีเมล หรือแม้แต่โปรแกรมแชทในอินเทอร์เน็ต

40% มีแนวโน้มว่าจะใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ อีเมล ข้อความ เป็นช่องทางในการยุติความสัมพันธ์กับคนรัก

57% จะตามหาคนที่ตัวเองสนใจในเฟซบุ๊ก จากนั้นก็รีบส่งคำขอเป็นเพื่อน

24% มักจะชวนคนที่ชอบไปออกเดทแรก โดยใช้เฟซบุ๊ก อีเมล แชท เป็นช่องทางการสื่อสาร

52% จะรีบเปลี่ยน Status ในเฟซบุ๊กทันทีที่อกหัก หรือเพิ่งเลิกกับคนรัก

38% จะรีบเปลี่ยน Status ในเฟซบุ๊กทันทีที่มีรักใหม่

67% ติดต่อพูดคุยกับคนรักผ่านโทรศัพท์มือถือในแต่ละวัน

45% ติดต่อพูดคุยกับคนรักผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก

64% โพสต์ข้อความสุดโรแมนติกลงบนวอลล์ของคนรักในเฟซบุ๊ก

อย่างไรก็ดี ผลการสำรวจดังกล่าว เป็นเพียงแค่ความเห็นของคนในกลุ่มตัวอย่างเพียง 550 คนเท่านั้น เชื่อว่าในหลายสังคม และหลายโอกาส คนเราคงมีการใช้ช่องทางการสื่อสารที่แตกต่างกันไป เอ? ว่าแต่คุณล่ะ เป็นหนึ่งในกลุ่มคนกลุ่มไหนบ้างน้า

ผลสำรวจเผยคนกว่า 33% ถูกบอกเลิกผ่านเฟซบุ๊ก
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ (Find me on)

เตรียมมื้อเที่ยง กับ เมนู สุด อร่อย ทอดมันกุ้ง ทำไงไปดู ( น่ากิน มว๊าก )

เวลาไปร้านอาหารทีไร ลูกเด็กเล็กแดงก็มักจะชอบสั่ง "ทอดมันกุ้ง" มาทานกันใช่ไหมล่ะ แต่สั่งทีไรก็แอบรู้สึว่า มันไม่ค่อยเป็น "ทอดมันกุ้ง" จริง ๆ ซักที กัดไปก็เจอแป้ง เจอแต่มันหมู แล้ว "กุ้ง"อยู่ไหนหว่า ??? แหม...ถ้าทำ "ทอดมันกุ้ง" กินเองได้ล่ะก็ คงจะดีไม่น้อย...ว่าแล้ว กระปุกดอทคอม ก็ขอนำเสนอสูตรทอดมันกุ้งจาก คุณตะโกครับ สมาชิกห้องก้นครัว เว็บไซต์พันทิป ที่รับรองว่า คุณจะได้ทานทอดมันกุ้งที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อกุ้ง แถมอร่อยถูกปากอีกด้วย เอ้า...ถ้าอยากชิมทอดมันกุ้งแบบเต็มปากเต็มคำแล้วล่ะก็ ตามมาจดสูตรกันเล้ยยยย...

อันดับแรกมาดูส่วนผสมของทอดมันกุ้งกันก่อน ประกอบด้วย

เนื้อกุ้ง

รากผักชี - พริกไทย

มันหมู 70 กรัม

วิธีทำ

นำพริกไทย รากผักชี มาใส่ครก ตำให้ละเอียด ๆ

นำกุ้งมาแกะหัว หาง ออกทั้งหมด แล้วแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเก็บไว้ก่อน อีกสองส่วนที่เหลือเอามาผ่าหลัง ดึงไล้ออก

ค่อย ๆ ทยอยนำกุ้งที่ผ่าหลังแล้วใส่ครก หลังจากพริกไทย และรากผักชีละเอียด (อย่าเอากุ้งใส่ครกทีเดียวนะครับ ค่อย ๆ เอาลงไปแล้วตำให้เนียนก่อน ค่อยใส่กุ้งลงไป)

พอกุ้งที่ใส่ครั้งแรกเนียนแล้ว ก็ค่อย ๆ ใส่ทีเหลือลงไปเหมือนเดิม ทิ่มให้เนียน

ทิ่มจนเนื้อเนียน เป็นเนื้อเดียวกันแบบนี้ครับ (กุ้งเวลาละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันแล้วจะเหนียว ยกสากแทบไม่ขึ้นครับ)

เนื้อกุ้งเหนียวดีแล้วก็พอครับ

ใช้ทัพพีตักใส่จานพักไว้ก่อนครับ เอาเข้าตู้เย็นไว้ยิ่งดี สังเกตนะครับ เนื้อกุ้งละเอียดจนตั้งยอดได้

ทีนี้ก็มาดูมันหมูกันบ้าง เอาไปต้มก่อนนะครับ ต้มพอสุก แล้วหั่นเป็นลูกเต๋าเล็ก ๆ หยาบ ๆ มันหมูจะช่วยให้ทอดมันกุ้งนุ่มขึ้น และเป็นตัวประสานโครงสร้างเนื้อกุ้งให้จับก้อนตามที่เราต้องการ

กลับมาที่กุ้งส่วนแรกที่เราแบ่งรอไว้ จับมาหั่นแบบนี้เลยครับ หั่นเป็นท่อน ๆ ตะโกหั่น 4-5 ท่อน เพราะกุ้งตัวค่อนข้างใหญ่ ที่ต้องหั่นแบบนี้ เพราะต้องการให้รสสัมผัสของทอดมันกุ้งอร่อยมากกว่าเนื้อกุ้งตำ

หั่นกุ้งเสร็จก็นำไปแช่เย็นไว้ในตู้เย็นก่อนครับ รวมถึงมันหมูด้วย ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมงก็ได้ครับ ประมาณว่า บ่มให้เย็น ก่อนจะมาผสมกับเครื่องปรุง

เครื่องปรุงทอดมันกุ้ง นี่สำคัญนะครับ การใช้เครื่องปรุงให้ถูกต้องกับอาหาร จะช่วยให้อาหารมีรสชาติที่ดี มีกลิ่นที่ต้องการ ตะโกจะไม่ใช้น้ำปลาเป็นตัวทำเค็มนะครับ ใช้เกลือครับ ครึ่งช้อนชา

ซอสอะไร ก็อย่าไปใส่นะครับ เพราะจะไปเพิ่มความชื้นให้ตัวทอดมัน อีกทั้งสีก็จะไม่สวยเมื่อโดนความร้อนตะโกใช้ น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา น้ำตาลจะช่วยเพิ่มให้ทอดมันมีรสชาติครับผงรสดี 2 ช้อนชา จะช่วยปรับรสชาติให้ดียิ่งขี้น แล้วนำส่วนผสมมาคนให้เข้ากันทั้งน้ำตาล และผงรสดี จะไม่ทำให้กลิ่นของทอดมันกุ้งเพี้ยนไปครับ

นำส่วนผสมทั้ง3อย่าง คนให้เข้ากันครับ

นำกุ้ง และมันหมู ออกจากตู้เย็น มาใส่ภาชนะเพื่อปรุงรสครับ เทส่วนผสมลงไป แล้วคลุกให้เข้ากัน ถ้าใช้มือจับฟาด ๆ ลงในภาชนะก็จะดีครับ ช่วยให้เนื้อเหนียวขึ้น ต้องทำขณะที่เนื้อกุ้งเย็น ๆ หลังออกจากตู้เย็นใหม่ ๆ ครับ

ขั้นตอนการผสมนี้ ถ้าชอบกลิ่นน้ำมันงา ก็สามารถเหยาะลงไปได้ครับ 2 ช้อนชา เอาแค่ให้พอมีกลิ่น ใส่มากจะเหม็นครับ แต่ของตะโกไม่ใส่ครับ เพื่อความมั่นใจในรสชาติ เทสต์ก่อนดีที่สุด ตักมาช้อนนึงครับ

เอาไปเข้าไมโครเวฟเพื่อชิมรสชาติ ใช้ไฟแรง เวลา 30 วินาทีครับ

เอาช้อนแบ่งออกเพื่อชิม รสชาติของทอดมันกุ้งต้องไม่เค็มครับ ห้ามเค็มเด็ดขาด ใส่ตามที่ตะโกบอกแล้วชิมนะครับ ส่วนที่ตะโกชิมนี้ ไม่ต้องเติมอะไรครับ ตัวกุ้งเด้งสู้ลิ้น รสชาติอ่อนพอดี มีกลิ่นของกุ้งให้ชื่นใจครับ

ครบเครื่องหอม รากผักชี พริกไทยอ่อน ๆ เค็ม หวาน ได้ตามต้องการครับ ทอดมันกุ้ง เน้นที่กุ้งครับ ตามร้านอาหาร เค้าไม่กลัาทำแบบนี้ครับ เชื่อตะโกไหมครับว่า บางร้านเอาเนื้อปลามาผสม บางร้านก็ใส่แป้งต่าง ๆ ลงไป เพื่อเพิ่มความเหนียว แล้วกลบกลิ่นด้วยน้ำมันงาครับ จะเห็นได้ว่าตะโกไม่ใช้เลยครับ แป้งต่าง ๆ

ทีนี้ก็ใช้ไข่ขาวทา หลังจากปั้นขึ้นรูปแล้วจึงโรยด้วยเกล็ดขนมปังครับ ไข่ขาวจะช่วยยึดเกาะให้เกล็ดขนมปังติดตัวทอดมันมากขึ้น แต่ตะโกไม่ใช้นะครับ เอาแค่นี้ เกล็ดขนมปังก็ติดเนื้อพอแล้วครับ จากนั้นก็เอาเกล็ดขนมปังใส่ภาชนะ แล้วเอามือแตะน้ำ หรือน้ำมันพืช ป้องกันเนื้อติดมือ ก่อนปั้้นขึ้นรูป แล้วเอาเกล็ดขนมปังโรยเกล็ดขนมปังทั้งบน ล่าง และรอบ ๆ