เรื่องแปลก ใหม่ น่าสนใจ ข่าวสาร บันเทิง สนุก เซ็กซี่ sexy ที่คุณ อยากรู้ ที่นี่ครับ ^^

SAMAZshop

Translate

ฮือฮา ภาพปาปาราซซี่ บิกินี่นางเอกเซ็กซี่เจ้าของตำแหน่งอึ๋มอกอึ๋มใจ "อุ้ม" ลักขณา วัธนวงส์ศิริ



ฮือฮาภาพปาปาราซซี่บิกินี่นางเอกเซ็กซี่เจ้าของตำแหน ่งอึ๋มอกอึ๋มใจ "อุ้ม" ลักขณา วัธนวงส์ศิริ ที่เผลอโชว์เซ็กซี่ส่วนตัวกับเพื่อนทอมบอยริมสระน้ำค อนโดฯ หรูที่หัวหิน แต่กลับสะดุดเลนส์ปาปาราซซี่เต็มเปา! 

เกี่ยวกับเรื่องราวนี้เองที่ผู้สื่อข่าวได้รับฟอร์เว ิร์ดภาพถ่ายปาปาราซซี่ ระบุข้อความว่าเป็นภาพบิกินี่ของเซ็กซี่สตาร์ อุ้ม-ลักขณา เมื่อเปิดดูก็พบภาพที่เป็นลักษณะทั้งแอบถ่ายทีเผลอ และการโพสท่าถ่ายแบบประหนึ่งนางแบบของ อุ้ม-ลักขณา มากมาย และเมื่อมีการสอบถามข้อมูลจากเจ้าของภาพถ่าย ทราบว่า สาวอุ้ม ได้เดินทางไปเที่ยวพักผ่อนส่วนตัวกับเพื่อนสาวทอมราย หนึ่ง และเข้าพักที่คอนโดฯ หรูแห่งหนึ่งในหัวหินด้วย 

ช่วงเวลาหนึ่งที่พักอยู่ในคอนโดฯ อุ้ม-ลักขณา และเพื่อนทอมได้ออกมาถ่ายรูปเล่นกันที่บริเวณสระว่าย น้ำด้วยกัน ซึ่ง สาวอุ้ม ที่อยู่ในชุดบิกินี่วาบหวิว ได้โพสท่าให้เพื่อนทอมซึ่งรับหน้าที่เป็นตากล้องจำเป ็น กดชัตเตอร์ถ่ายรูปเพลินกันอยู่พักใหญ่ๆ อีกทั้งทางด้าน อุ้ม-ลักขณา เอง ยังมีการเปลี่ยนชุดบิกินี่ที่ดูเหมือนจะเตรียมมาเพื่ อการถ่ายรูปเล่นในครั้ง นี้หลายชุด ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นจุดสนใจของผู้ที่พักอาศัยในคอนโ ดฯ แห่งนี้ไม่น้อย ขณะที่ปาปาราซซี่พลอยอาศัยจังหวะทีเผลอของ อุ้ม-ลักขณา และเพื่อนทอม แอบแชะภาพในอิริยาบถต่างๆ มาด้วย 














ร้าน ก๋วยเตี๋ยวบ้านแม่ยาย....ใครนะ



วันนี้เราทีมงาน ตามรอยนักชิม ได้มุ่งหน้าไปตามหาร้านอาหารประเภทเส้น..เส้นอย่างเดียวเลยจริงๆนะ  อิอิ. ในระหว่างทางที่เรากำลังขับรถไปนั้น จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  กริ้งๆๆ ทางสายลับของเราแอบแจ้งเบาะแสเข้ามาว่าร้านที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะเจ๋งจริงได้แก่ ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านแม่ยายที่เปิดมาปีกว่าๆแล้ว   เราทีมงานตามรอยนักชิมจึงรีบมุ่งหน้าไปยังที่เกิดเหตุความอร่อยนั้นทันที.....
     

....เมื่อเรามาถึงก็ต่างตื่นตาตื่นใจนึกไม่ถึงว่าภายในซอยเล็กๆนี้จะมีร้านที่ตกแต่งได้อย่างสวยงามและเรียบง่ายบวกกับเพลงเบาๆที่ทางร้านเปิดบรรยากาศที่ร่มรื่นลมพัดเย็นสบายเหมาะแก่การนั่งโซ้ยก๋วยเตี๋ยวแบบชิวๆเป็นที่สุดพอรู้สึกตัวอีกทีก็ซัดไปหลายล่ะ หุหุ    บรรยากาศภายในร้านจะเน้นสีโทนอ่อนทำให้สบายตาและรู้สึกกว้างกินเท่าไหร่ก็ไม่อึดอัดเลย

ส่วนที่มาของชื่อร้านนั้นตัวเราทีมงานเองก็สงสัยและงงๆ อิอิ ว่ามีที่มายังไงเน้อ  ทันทีที่เราได้เจอกับผู้ดูแลร้านทำให้เราอดที่จะถามถึงความเป็นมาของชื่อว่ามีที่มาอย่างไร......ปรากฏว่าถามไปถามมา “แม่ยาย”คนนี้เป็นแม่ยายของเพื่อนคุณป้าง(นครินทร์  กิ่งศักดิ์) อีกทีนั้นเอง  คือเจ้าของจริงๆนั้นชื่อว่าคุณ แมนพงษ์ เสนาณรงค์ และ คุณ พวงรัตน์ เสนาณรงค์ และที่ๆใช้เปิดร้านก็เป็นที่ดินของแม่ยายด้วย เค้าก็เลยนำชื่อนี้มาตั้งนั้นเองจร้า

และแล้วก็ถึงเวลาแห่งการรอคอยกับเมนูเด็ดยอดฮิตประจำร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านแม่ยาย เมนูที่ทางร้านจัดมาให้ก็จะเป็น 3เมนูหลักที่ใครๆมาก็จะต้องสั่งขณะที่เรานั่งรอ... เจ้ากลิ่นของก๋วยเตี๋ยวนั้น ก็ฟุ้งอบอวนไปทั่วบริเวณไปหมดทำให้น้ำย่อยตัวดีของเรามันเริ่มทำงานแล้วสิ  จนอดใจรอไม่ไหวต้องคอยชะเง้อมองว่าจะมาเสิร์ฟที่โต๊ะเรายังน้า....หอมๆ


ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเปื่อย ….



เป็นจานแรกที่เราจะได้ลิ้มรสกัน อิอิ ดีใจๆ  รสชาติของชามนี้บอกได้เลยว่ากลมกล่อมแต่อาจจะต้องปรุงเองสักนิดเพราะทางร้านจะทำรสชาติแบบดั้งเดิมคือไม่เน้นปรุงมาให้แน่นอนว่ารสชาติปากแต่ล่ะคนนั้นไม่เหมือนกัน...

เรื่องเส้นของก๋วยเตี๋ยวเองเค้าก็พีถีพิถันในการทำจนนิ่มไม่แข็งกะด้างจนเกินไป ทันทีที่เราใช้ตะเกียบคีบเนื้อเปื่อยขึ้นมา บอกได้เลยว่ากลิ่นมันเตะจมูกอย่างแรงและชวนให้รีบนำเข้าปาก อิอิ เนื้อเปื่อยของที่นี่จะมีลักษณะเป็นชิ้นยาวๆนิดนึงเค้าตุ๋นจนมีความเปื่อยและนิ่มมากจริงๆยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งมันพะย่ะค่ะ

เนื้อเปื่อยปิ้งจิ้มแจ่ว



จานที่สองตามมาเสิร์ฟติดๆกับเนื้อเปื่อยปิ้งจิ้มแจ่ว จ้า กลิ่นหอมสดชื่นดีจริงๆ (อิอิไม่ใช่ดอกไม้) เนื้อเปื่อยที่นำไปปิ้งนั้นก็ยิ่งเพิ่มรสชาติให้อร่อยขึ้นเป็นทวีคูณต่างจากการตุ๋นเพราะการปิ้งจะช่วยให้มีความกรอบนอกนุ่มในและเนื้อออกมันหน่อยๆ นอกจากตัวเนื้อเองแล้วน้ำจิ้มก็เด็ดไม่แพ้กัน คือสองอย่างนี้พูดได้เลยว่าลงตัวจริงๆแนะนำให้เพื่อนๆไปลองอย่างยิ่ง  ของเขาอร่อยดีจริงๆ
ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรโบราณ

  

 จานที่สามรูปร่างหน้าตาก็คงจะไม่แปลกสักเท่าไหร่เพราะมันก็คือก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่เราเห็นขายกันอยู่ทั่วๆไปแต่เมนูนี้เค้าภูมิใจเสนอ...... และย้ำกับเราว่ามันเป็นสูตรโบราณจริงๆ ฉะนั้นจะประมาทมองแค่เปลือกนอกไม่ได้ซะแล้ว อิอิ

ต้องลิ้มรสให้เข้าถึงเนื้อในพอตักเข้าปากเท่านั้นแหละ .. ตาดำเปิดกว้างเหงื่อหยดติ้งๆเลย ฮ่า ฮ่าอร่อยจริงๆ คือไม่ต้องปรุงเพิ่มรสชาติลงตัวมากๆหอมกลิ่นต้มยำแท้ๆเน้นรสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดด้วยมะนาวแท้ โดยมีรสเค็มรสหวานตามใส่ถั่วแขกและถั่วลิสงบวกกับเกี้ยวทอดและ  เครื่องอื่นๆมีหมูสับ ตับ หมู อีกด้วยเรียกว่าครบเครื่องจริงๆ
และนอกจากของคาวแล้วเรามาดูของหวานกันบ้าง ก็จะมีให้เลือกสรรหลากหลาย  แต่บังเอิญวันนั้นทางร้านค่อนข้างจะยุ่งเราก็เลยไม่ได้นำภาพมากฝากกันจร้า ใครที่อยากเห็นก็ต้องไปลิ้มลองด้วยตัวเองถึงจะหายข้องใจ ....
1.ลอดช่องน้ำกะทิ
2.รวมมิตรกะทินมสด
3. ลูกตาลลอยแก้ว
4.สละลอยแก้ว
5. เต้าทึง

  หน้าตานามบัตรและแผนที่ของร้าน ก๋วยเตี๋ยวบ้านแม่ยาย …. 


ประเมินรอยยิ้มชิมรสกับทีมงาน..ตามรอยนักชิมจร้า 

คาเนะโมจิ - ขนมโมจิญี่ปุ่นสอดไส้ไอศกรีม


  


ทริปนี้ไปเดินเล่น เซ็นทรัลลาดพร้าว มาเจอร้านขายของทานเล่นดีๆมาร้านนึงครับ

นั่นคือไอครีมโมจิจากร้าน kane mochi



มีให้ชิมก่อนได้ด้วย^^
มีหลายรสให้เลือกเลยครับแถมเพิ่มทอปิ้งได้อีกด้วย



พอได้ชิมแล้วรู้สึกได้เลยว่าอร่อยครับ


แต่พอหันไปถ่ายบรรยากาศร้านหันมาอีกทีไอศรีมโมจิที่โต๊ะก็หายไปซะแล้วครับอดถ่ายเลย

โมจิไอศกรีม Kane ปั้นสูตรลับญี่ปุ่นสู่ขนมรสชาติไทย



คาเนะโมจิ เป็นแบรนด์ที่ถูกตั้งขึ้นภายใต้ความตั้งใจของ 3 ผู้ก่อตั้ง ผู้ซึ่งชื่นชอบการทานโมจิไอศกรีม รวมถึงขนมที่มีลักษณะแปลกใหม่เป็นชีวิตจิตใจ โดยมีความฝันที่จะทำขนมที่อร่อยและแปลกใหม่ เพื่อให้คนไทยทุกท่านได้มีโอกาสลิ้มลอง ในราคาที่ไม่แพง
ขณะนี้ขนมโมจิไอศกรีมเป็นขนมสุดฮิตใน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ตามขนมตัวนี้เป็นที่ทำและเก็บรักษายากมาก ราคาสินค้าที่ขายตามท้องตลาดจึงสูงมากเช่นกัน ขนมโมจิไอศกรีมบางยี่ห้อในเมืองไทยมีราคาสูงถึงชิ้นละ 40-80 บาท เราตระหนักดีว่าราคาดังกล่าวแพงไปสำหรับคนไทย จึงนำเสนอขนมโมจิไอศกรีมของเราที่ราคาชิ้นละ 19-25 บาทเท่านั้น เพื่อให้คนไทยทุกท่านได้มีโอกาสลิ้มลอง (และเราเชื่อว่าถ้าหากท่านเปรียบเทียบขนมดังกล่าวกับขนมของเรา ท่านจะทราบว่าขนมของเราทั้งแป้งโมจิและไอศกรีมมีรสชาติดีกว่า และยังขายราคาต่ำกว่าอีกด้วย)
คำว่า " คาเนะโมจิ " ในภาษาญี่ปุ่น หมายถึง ร่ำรวย มีเงินทองไหลมาเทมา ซึ่งเราหวังว่าลูกค้าที่ทานขนมของเราจะมีความสุข ประสบแต่ความโชคดี และร่ำรวย ต้นตอของคำนี้ได้มาจาก คำว่า "ไดฟุกุ" (ขนมโมจิญี่ปุ่นไส้ถั่วแดง) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของไอศกรีมโมจิของเรา ซึ่งแปลว่า "โชคดีอย่างที่สุด" ฉะนั้นชาวญี่ปุ่นจึงนิยมทานขนมไดฟุกุในงานเทศกาลต่างๆเป็นประเพณี ด้วยความเชื่อที่ว่าจะทำให้พวกเขาโชคดี
เราคัดสรรแต่วัตถุดิบคุณภาพดีมาใช้ในการผลิต รวมถึงมีการควบคุมการผลิตอย่างใส่ใจทุกชั้นตอน จนได้ขนมคาเนะโมจิแสนอร่อย หากท่านได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติขนมคาเนะโมจิของเรา ท่านจะทราบถึงความอร่อยที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างไอศกรีมชั้นเยี่ยมกับ แป้งโมจิชนิดพิเศษของเรา
เราทราบดีว่าการรักษาคุณภาพของขนมคาเนะโมจิเป็นเรื่องที่ยากมาก เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์จำพวกเดลี่ฟู้ด แบบพิเศษ ซึ่งต้องการความเย็นในการเก็บรักษาสูงกว่าปกติ
เราสัญญาว่าจะไม่ทำให้ลูกค้าของเราผิดหวัง โดยเราใส่ใจทุกขั้นตอนในการผลิต รวมถึง ขั้นตอนต่างๆในการขนส่งและเก็บรักษา จนกระทั่งถึงมือลูกค้าของเรา
**สิ่งเดียวที่ลูกค้าต้องทราบคือเรื่องอุณหภูมิและการเก็บรักษาไว้รับประทานที่บ้าน เท่านั้น**
วิธีการเก็บรักษา โมจิไอศกรีม
โมจิไอศกรีมเป็นขนมพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ดังนั้นการเก็บรักษา และอุณหภูมิเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อรสชาติและอายุของขนม
การเก็บรักษาขนมโมจิไอศกรีม จะต้องใส่ในช่องฟรีซเซอร์ที่มีอุญหภูมิต่ำกว่า -15'c เท่านั้น
- ที่อุณหภูมิ -15 ถึง -18'c ขนมจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 วีน (ตู้เย็นฝาเดียว)
- ที่อุณหภูมิ -18 ถึง -20'c ขนมจะอยู่ได้ประมาณ 3-5 วีน (ตู้เย็น 2 ฝา)
- ที่อุณหภูมิ -20 ถึง -24'c ขนมจะอยู่ได้ประมาณ 7-25 วีน (ตู้แช่ไอศกรีม)
- ที่อุณหภูมิต่ำกว่า -25'c ขนมจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน
** หมายเหตุ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในตู้เย็นไม่ควรเกิน 3 องศา
ก่อนรับประทานให้นำขนมโมจิไอศกรีมออกจากช่องแข็ง ฟรีซเซอร์)มาวางที่อุณหภูมิห้อง ประมาณ 4-8 นาที เพื่อให้แป้งเกิดการคลายตัวก่อนรับประทาน จะทำให้ตัวแป้งและไอศกรีมนิ่ม รับประทานได้รสชาติ และอร่อย
** หากออกจากน้ำแข็งแห้งให้นำออกมาวางที่อุณหภูมิห้องประมาณ 15 นาที **

สูตรขนมที่มีต้นกำเนิดในต่างประเทศ เรื่องความลับของสูตรถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ไม่มีทางที่เจ้าของจะเปิดเผยกันง่ายๆ ดังนั้นหากเราติดรสชาตินั้นๆ แล้ว คงต้องดั้นด้นไปหารับประทานกันที่ถิ่นกำเนิด ซึ่งผิดกับหนุ่มนักเรียนนอก ที่ได้มีโอกาสลิ้มรสขนมโมจิไอศกรีม ของญี่ปุ่น ในสหรัฐฯ เมื่อครั้นเดินทางกลับมาเมืองไทยก็อดไม่ได้ที่ลองหาร้านที่มีขนมลักษณะนี้จำหน่าย ซึ่งมีเพียงเจ้าเดียว ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมขนมโมจิไอศกรีมจึงไม่มีคนไทยทำขาย สุดท้ายจึงก่อเกิดเป็นธุรกิจ ที่เด็กหนุ่มรายนี้ท้อแท้ และคิดที่จะเลิกทำหลายต่อหลายครั้ง

Kane Mochi ( คาเนะโมจิ) แบรนด์ที่มีสำเนียงตามแบบฉบับภาษาญี่ปุ่น ที่ไม่ได้ตั้งชื่อให้สื่อว่าเป็นขนมโมจิเท่านั้น แต่แฝงไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง และเป็นมงคล ซึ่งคำว่า คาเนะ แปลว่า เงิน ส่วนคำว่า โมจิ แปลว่า คนถือ เมื่อทั้ง 2 คนมารวมกันจะแปลว่า เศรษฐี โดยทั้งความหมายที่ดี กับการสื่อถึงสินค้า เรียกได้ว่าลงตัวเป็นที่สุด

สำหรับการเริ่มต้นของธุรกิจนี้ มาจากการสังเกต และหัวคิดทางการค้า ของ ชานน อนันต์วิโรจน์ ที่ครั้งหนึ่งเพื่อนชวนให้ลองชิมขนมโมจิไอศกรีม ย่านไชน่า ทาวน์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จนกลายเป็นลูกค้าขาประจำ จนกระทั่งเรียนจบกลับมาเมืองไทยก็เข้าทำงานบริษัทเอกชน และอยากรับประทานขนมดังกล่าว จึงลองหาร้านที่ทำหรือนำเข้ามาขายในไทย ซึ่งมีเพียงร้านเดียวที่นำเข้ามา และขายในราคาลูกละ 45 บาท ถือเป็นราคาที่แพงมาก ทำให้นายฉุกคิดว่าทำไม่มีคนไทยคิดทำขนมชนิดนี้มาขายบ้าง ซึ่งน่าจะได้รับการตอบรับดี เนื่องจากเป็นสินค้าที่ยังไม่มีในตลาดเมืองไทย

“หลังจากที่ผมเกิดไอเดียจะทำขนมโมจิไอศกรีม ขั้นตอนแรกผมได้ทำการวิจัยสำรวจตลาดความต้องการของลูกค้าในเรื่องการตอบรับ และความกล้าที่จะลิ้มลอง ซึ่งผลการวิจัยที่ออกมาก็ค่อนข้างดี ทำให้เสริมความมั่นใจของเรายิ่งขึ้นในการทำธุรกิจนี้อย่างเต็มที่ โดยผม เริ่มจากการค้นคว้าข้อมูล และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร ในสถาบันการศึกษาชั้นนำของไทยในเรื่องทำอย่างไรให้แป้งที่เมื่อนำไปแช่แข็งพร้อมกับไอศกรีมแล้ว เมื่อนำออกมาไว้ในอุณหภูมิประมาณ 3-5นาที ก็รับประทานได้ไม่แข็งจนเกินไป รวมถึงแป้งยังคงความเหนียวนุ่ม ซึ่งในช่วงแรกอาจารย์ก็ไม่ทราบวิธีการทำขนมลักษณะนี้ แต่เมื่อได้ลองผิดลองถูกทำให้ผมรู้ว่าจะต้องใช้แป้งอะไร มีส่วนผสมอะไรบ้าง และได้ลองมาทำเองแต่ก็เป็นเรื่องที่ยากมากกว่าจะได้สูตรขนมอย่างในปัจจุบัน ซึ่งผมรู้แล้วว่าทำไมที่ผ่านมายังไม่มีคนไทยทำขนมไอศกรีมโมจิออกมาจำหน่าย เพราะยากมาก ทุกขั้นตอนต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ”

จากความเชื่อ ที่ว่าแม้ขนมโมจิไอศกรีมจะทำยาก แต่หากทำได้จะต้องขายได้อย่างแน่นอน ทำให้ ชานน ที่เคยคิดท้อจากความล้มเหลวของขนมที่ทำออกมาตามที่ตั้งใจไว้ไม่ได้ เคยคิดว่าตนเองคิดถูกหรือไม่ที่ลาออกจากงานประจำมาทำขนมไอศกรีมโมจิที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่สุดท้ายก็อดทนต่อสู้ ภายใต้ความเชื่อที่ว่าสักวันต้องเป็นวันของเราพร้อมทั้งได้กำลังใจที่ดีจากครอบครัว ที่ไม่เคยว่ากล่าว แต่กลับสนับสนุนให้ลงมือทำอย่างเต็มที่ เพราะถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ลูกชายหาไม่ได้จากในตำราเรียน ซึ่งการได้ลองผิดลองถูก คิดแก้ปัญหา ฝึกคิดหากลยุทธ์ด้านการตลาด สิ่งเหล่านี้คุ้มค่ากว่าการส่งเรียนต่อในต่างประเทศเสียอีก ซึ่งหากธุรกิจนี้ล้มเหลวก็ถือว่าคุ้มแล้ว ที่ลูกชายได้ลงมือทำด้วยตัวเอง


และแล้วไอศกรีมโมจิ ที่ ชานน ทุ่มเทแรงกายและใจมากว่า 1 ปี ก็เป็นผลสำเร็จ จึงต้องการลองตลาด และการตอบรับของลูกค้า จนเมื่อเพื่อนแนะนำให้ไปออกบูธงานเทศกาลไอศกรีม ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพระราม 3 ก็สนใจ และนำสินค้าไปให้ผู้บริหารได้ลองลิ้ม ซึ่งผู้บริหารประทับใจมาก และบอกให้นำสินค้าไปออกบูธในเทศกาลไอศกรีมทุกสาขาในเครือห้างเซ็นทรัล โดยข้อเสนอที่ได้มานั้น ชานน บอกว่า ทั้งดีใจ และเครียดไปพร้อมๆ กัน เนื่องจากการจะนำสินค้าไปอออกบูธต้องผลิตให้ได้ 5,000 ลูก/วัน/สาขา แต่ขณะนั้นทำได้เพียง 200 ลูก/วันเท่านั้น แต่ก็ไม่ย่อท้อเพิ่มกำลังการผลิตอย่างเต็มที่ จนได้ 2,000 ลูก/วัน และเป็นตนเองเป็นผู้ขายเอง ทำให้เรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภค การคิดต้นทุน กำไร ขาดทุน


“การที่เราไปออกบูธครั้งแรก ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากเทศกาลไอศกรีมผ่าน 3 เดือน ผมรู้ว่าสินค้าชนิดนี้ไปได้อย่างอย่างแน่นอน จึงคิดเปิดร้านถาวร โดยเช่าพื้นที่ที่ห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว เพราะเชื่อว่าเป็นสาขาที่มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ทำให้สามารถเรียนรู้พฤติกรรมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ ส่วนในเรื่องของรสชาติขณะนี้เรามีประมาณ 9 รสชาติ เช่น ชาเขียว นมสด (ขายดี) สตรอเบอรี่ ชานม วนิลา กาแฟ และมะนาว เป็นต้น โดยขายในราคาลูกละ 24 บาท สามารถเก็บไว้ในช่องแช่แข็งตู้เย็นตามบ้านได้นาน 4 วัน แต่หากเก็บอุณหภูมิ -25 ํC จะอยู่ได้นานเป็นเดือน ”


ปัจจุบันร้าน Kane Mochi มี สาขา ได้แก่ สาขาเซ็ลทรัลลาดพร้าวชั้น 1, สยามสแควร์ซอย และสีลม คอมเพล็กซ์ ชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นสาขาในรูปแบบของแฟรนไชส์ ซึ่งในอนาคตชานนจะขยายสาขาแฟรนไชส์อีก สาขา คือ ยูเนียน มอลล์ ชั้น 2, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ชั้น และเสรีเซ็นเตอร์ ชั้น 1



วิธีการรับประทาน โมจิไอศกรีม
มีลูกค้าหลายท่านเมื่อนำขนมกลับบ้านแล้วรับประทานบอกว่าตัวขนมแข็ง จึงเรียนถึงวิธีการที่ถูกต้องดังนี้
ก่อนรับประทานให้นำขนมโมจิไอศกรีมออกจากช่องแข็ง ฟรีซเซอร์)มาวางที่อุณหภูมิห้อง ประมาณ 4-8 นาที เพื่อให้แป้งเกิดการคลายตัวก่อนรับประทาน จะทำให้ตัวแป้งและไอศกรีมนิ่ม รับประทานได้รสชาติ และอร่อย
*หากออกจากน้ำแข็งแห้งให้นำออกมาวางที่อุณหภูมิห้องประมาณ 15 นาที
วิธีทดสอบขนมว่าพร้อมรับประทานหรือยัง
ให้ใช้มือบีบขนมเบาๆแล้วสังเกตว่าแป้งเริ่มจะนิ่มหรือยัง ถ้านิ่มพอประมาณแล้วแสดงว่ารับประทานได้ หากยังไม่นิ่มให้รออีกสักพักจนสังเกตเห็นผิวแป้งด้านนอกเป็นมันๆ สีของแป้งจะเริ่มเด่นชัดขึ้น หลังจากนั้นให้ใช้มือบีบเบาๆอีกครั้ง หากขนมนิ่มแล้วจึงค่อยรับประทาน
วิธีการเก็บรักษา โมจิไอศกรีม
โมจิไอศกรีมเป็นขนมพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ดังนั้นการเก็บรักษา และอุณหภูมิเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อรสชาติและอายุของขนม
การเก็บรักษาขนมโมจิไอศกรีม จะต้องใส่ในช่องฟรีซเซอร์ที่มีอุญหภูมิต่ำกว่า -15'c เท่านั้น
- ที่อุณหภูมิ -15 ถึง -18'c ขนมจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 วีน (ตู้เย็นฝาเดียว)
- ที่อุณหภูมิ -18 ถึง -20'c ขนมจะอยู่ได้ประมาณ 3-5 วีน (ตู้เย็น 2 ฝา)
- ที่อุณหภูมิ -20 ถึง -24'c ขนมจะอยู่ได้ประมาณ 7-25 วีน (ตู้แช่ไอศกรีม)
- ที่อุณหภูมิต่ำกว่า -25'c ขนมจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน
** หมายเหตุ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในตู้เย็นไม่ควรเกิน 3 องศา
 

***สนใจติดต่อ 0-2977-9038 หรือที่ www.kanemochiicecream.com***


       



ติดตาม เรื่องแปลก ใหม่ ตลก สนุก เซ็กซี่ sexy น่าสนใจอื่น ๆ หรือแวะมาทักทายกัน ได้ที่
www.facebook.com/somphon http://gplus.to/somphon www.twitter.com/samaphon www.facebook.com/somphon.me http://samaphon.blogspot.com/

          ขอขอบคุณที่มา : email