เรื่องแปลก ใหม่ น่าสนใจ ข่าวสาร บันเทิง สนุก เซ็กซี่ sexy ที่คุณ อยากรู้ ที่นี่ครับ ^^

SAMAZshop

Translate

กว่า 100 ปีที่โดดเดี่ยวเดียวดาย ไร้คู่กาย เวียดนามคิดโคลนนิ่ง "ย่าเต่า"






ภาพวันที่ 12 พ.ย.2554 "ย่าเต่า" โผล่เหนือน้ำขึ้นมาให้เห็นถี่ๆ อีกแล้วโดยยังไม่ทราบสาเหตุ แต่เป็นการสางสัญญาณความไม่ปรกติภายในสระคืนดาบ- ฮว่านเกี๊ยม (ho Hoan Kiem) หรือ "สระกระบี่ - โห่เกือม (H Guom) อาศัยอยู่อย่างเดียวดายไร้คู่เคียงในบึงน้ำตำนานแห่งกรุงฮานอยมานานกว่าศตวรรษ และอาจจะจากชาวเวียดนามไปเมื่อไรก็ได้ นักวิทยาศาตร์กลุ่มหนึ่งได้เสนอแนวทาง "โคลน" เพื่อให้เต่าโบราณได้อยู่คู่บึงศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ต่อไปนานเท่านานภาพ: VN Express
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- นักวิทยาศาสตร์เวียดนามจำนวนหนึ่ง กำลังคิดแผนทำโคลนนี่ง "ย่าเต่า" ที่อยู่ในสระกระบี่ สระแห่งตำนานในย่านใจกลางกรุงฮานอยมานานกว่า 100 ปี และ เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าไม่มี "ปู่เต่า" อยู่ด้วย จึงมิอาจจะมีลูกหลานเหลนโหลนสืบวงศ์ต่อไปได้

หลายฝ่ายเริ่มวิตกกังวลว่าเต่าศักดิ์สิทธิ์ แห่งตำนานคู่บ้านคู่เมืองซึ่งเป็นพันธุ์หายาก อาจจะจากทุกคนไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง

ความกังวลเพิ่มทวีเมื่อ "ย่าเต่า" ดำผุดดำว่ายขึ้นเหนือน้ำให้เห็นบ่อยครั้งยิ่งขึ้น ไม่ต่างกับเมื่อต้นปีนี้ที่ป่วยหนัก อันเนื่องมาจากมลพิษภายในบึงใหญ่ และทางการต้องระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือเยียวยา ทำความสะอาด จัดระบบบำบัดน้ำให้ใหม่ รวมทั้งเติมปลานานาชนิดที่เป็นอาหารโปรดลงไปในบึง แต่ถึงกระนั้นชาวฮานอยก็ยังสมัครใจเรียกขานเป็น "เต่า" (Rùa) ต่อไป และแม้ว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่เต่าหากเป็นตะพายน้ำขนาดใหญ่ก็ตาม

นั่นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่มีการจับเต่าในตำนานขึ้นมาให้ปรากฏแก่สายตาของชาวเวียดนามทั้งประเทศ และเป็นครั้งแรกเช่นกันที่ปรากฏว่า เต่าศักดิ์สิทธิ์มิใช่เพศผู้ แม้จะเรียกกันว่า "ปูเต่า" หรือ "กุหรั่ว" (cụ Rùa) มานานหลายนับร้อยๆ ปี

ตามรายงานของสำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรส มีผู้พบเห็น “ย่าเต่า” โผล่ขึ้นเหนือน้ำอย่างน้อย 12 ครั้งในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา และอีกหลายครั้งในช่วงต้นเดือน ธ.ค.ศกนี้ โดยยังไม่ทราบสาเหตุ

เต่าศักดิ์สิทธิ์อาจจะหิวเนื่องจากจำนวนปลาในสระลดลง หรือ ไม่สามารถออกล่าอาหารได้อีกแล้ว เพราะเคยชินกับการให้อาหารตลอดเวลา 3 เดือนที่ถูกกักบริเวณเพื่อเยียวยารักษาแผลอักเสบเรื้อรัง

หรือบางทีก็อาจจะเป็นเพราะน้ำใน “สระคืนดาบ” (Hoan Kiem) เริ่มเน่าเสียอีกก็เป็นได้

แต่ทั่งนี้และทั้งนั้นมันอาจจะเป็นสัญญาณว่า ถิ่นที่อยู่อาศัยมานานกว่าศตววรรษ อาจจะไม่ใช่บ้านอันอบอุ่นอีกแล้ว และ “ย่าเต่า” อาจจะจากเวียดนามไปได้ทุกเมื่อ ดร.เลดี่งเลือง (Lê Đình Lương) แห่งศูนย์วิเคราะห์ดีเอ็นเอ ในกรุงฮานอยกล่าวว่า การทำโคลนนิ่งเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่และควรจะกระทำอย่างเร่งด่วน

เวียดนามยังไม่เคย “โคลน” อะไรเป็นเรื่องเป็นราว แต่เทคโนโลยีนี้ไม่มีใครหวง และเชื่อว่าสามารถขอความร่วมมือช่วยเหลือจากต่างประเทศได้
 _

นายเหวียนบ่าต๋วน (Nguyen Ba Tuan) ชาวประมงที่อยู่ชานกรุงฮานอย นำตะพาบน้ำ (Amyda Cartilagineus) ซึ่งมีขนาดใหญ่ 
ชนิดหนึ่ง ที่เขาจับขึ้นมาได้จากแม่น้ำแดง ออกอวดผู้สื่อข่าวในวันที่ 14 ต.ค.2554 วัดความยาวตลอดลำตัว 108 ซม. หนัก 25.6 กก. 
ไม่ใช่ตะพาบน้ำพันธุ์ใหญ่ที่สุด หากแต่มีหน้าตาคล้าย "ย่าเต่า" 
แห่งสระกระบี่กรุงฮานอย ด้วยคุณลักษณะเช่นนี้เขาขาย "หรั่ว" 
ตัวนี้ได้ 4,500 ดอลลาร์ แต่ความจริงแล้ว "ย่าเต่า" ในตำนาน 
ยังไม่มีทายาท และอาจจะไม่สามารถมีได้ เพราะอายุกว่า 100 ปีแล้ว REUTERS/Kham


“ตราบเท่าที่ยังไม่อาจจะหาเต่าเพศผู้สายพันธุ์เดียวกันเพื่อเป็นคู่ได้ การทำโคลนนิ่งเป็นทางเลือกเดียว” ดร.เลืองกล่าว

ความคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจาก กร.เลซวนแก๋ง (Lê Xuân Cảnh) แห่งสถาบันทรัพยากรทางนิเวศวิทยาและชีววิทยาเวียดนาม ซึ่งเรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อรีบเก็บดีเอ็นเอของย่าเต่าเอาไว้ เพื่อให้สามารถนำไปใช้โคลนได้ทันทีเมื่อถึงคราวจำเป็น

นักวิทยาศาสตร์ในซีกนี้อีกหลายคนบอกว่า ถึงแม้จะมีเต่าเพศผู้พันธุ์เดียวกันเพื่อสืบพันธุเผ่าก็ตาม แต่อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผสมพันธุ์เต่าที่มีอายุกว่า 100 ปีแล้ว

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วย เช่น ศ.ดร.ห่าดี่งดึ๊ก (Hà Đình Đức) ที่เฝ้าติดตามเต่าโบราณในสระแห่งจำนานมานานกว่า 20 ปีกล่าวว่า การโคลนก็อาจจะไม่สามารถช่วยอะไรได้เช่นกัน เพราะการนำเอายีนของเตาอายุ 100 ปีที่ร่างกายอ่อนแอไปโคลนให้ออกมาเป็นตัวใหม่นั้น ก็อาจจะได้ความอ่อนแอแบบเดิมๆ และภูมิต้านทานโรคก็จะยิ่งลดน้อยถอยลง

ดร.ดึ๊กชี้ไปยังแกะ “ดอลลี” สัตว์ตัวแรกของโลกที่เกิดจากการโคลน กับสัตว์อีกหลายชนิดที่เติบโตขึ้นมาและเสียชีวิตลงในอีกไม่กี่ปีเนื่องจากสืบยีนตัวเดิมจากร่างเดิมที่มีอายุมากแล้ว ซึ่งธรรมชาติยังคงรักษากฎเกณฑ์นี้เอาไว้

นักวิทยาศาสตร์อีกจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่เริ่มออกคัดค้านการโคลนนิ่งเต่าโบราณคู่บ้านคู่เมือง เพราะมีแต่จะสร้างความยุ่งยากติดตามมา รวมทั้งเงินงบประมาณอีกมหาศาล แต่จะไม่สามารถรักษาย่าเต่าเอาไว้ได้ในที่สุด


กว่า 100 ปีที่โดดเดี่ยวเดียวดาย ไร้คู่กาย เวียดนามคิดโคลนนิ่ง "ย่าเต่า"
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ (Find me on)

ข่าวดังคำทำนายถึง"ภัยพิบัติ "ในปี 2555 และประวัติ ของเด็กชายปลาบู่

ภาพสีน้ำมันของ  "เด็กชายปลาบู่"

คำทำนายของ เด็กชายปลาบู่
ตามรอยพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์
ประวัติเด็กชายสุทัศน์คำสี"ปลาบู่
 

           เป็นที่น่าสนใจว่า ผู้ที่ใช้ชื่อว่า "MahasuraSinghanat" ได้โพสต์คลิปวีดีโ ผ่านเวบไซต์ยูทูปเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2554 หัวข้อ "ตามรอยพระศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์"ซึ่งเป็นสารคดีตามรอยพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ และมหาภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยและทั่วโลกในอนาคตอันใกล้ ผ่านเด็ชายอายุ 5 ขวบ ซึ่งงเสียชีวิต 37 ปีมาแล้ว (ปัจจุบัน 2554) ชื่อปลาบู่ (เด็กชายสุทัศน์ คำสี) ความยาว 51:09 นาที (คลิปแรก) โดยอ้างถึงคำทำนาย ของ "เด็กชายปลาบู่" ก่อนจะมีการเผยแพร่ออกไป หรือถูกส่งต่ออย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีเนื้อหาอ้างถึงภัยพิบัติต่างๆ โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก จะแตกในวันที่ 31 ธ.ค. นี้


ในคลิป นายทองใบ คำสี อายุ 73 ปี ชาว จ.จันทบุรี ได้เล่าประวัติเด็กชายปลาบู่ ณ สวนศรีมหาโพธิ์ เลขที่ 234/2 หมู่ 1 บ้านตามูล ต.ทรายขาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี


คำบอกเล่าก็คือ ปลาบู่ เป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด รูปร่างหน้าตาดี ใครเห็นใครก็รัก ตอนอายุได้ประมาณ 3 - 4 ขวบ เริ่มระลึกชาติได้ มีตาทิพย์ หูทิพย์ สามารถพูดได้หลายภาษาโดยไม่ได้ร่ำเรียนจากตำราหรือครูอาจารย์ที่ไหนเลย


นอกจากยี้ ยังได้อ้างคำพูดของ เด็กชายปลาบู่ ที่ได้บอกเอาไว้ว่า สมัยพุทธกาลตนเองชื่อ "อชิตะภิกษุ" ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทำนายไว้ว่าจะได้เป็น "พระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรย" ในอนาคต สาเหตุที่มาเกิดเพราะต้องการให้พ่อเป็น "สื่อ" ให้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องเขื่อนพังจากแรงแผ่นดินไหวและอื่นๆ ในปีที่ 38 หลังจากตนเองเสียชีวิต (ตรงกับ พ.ศ.2555) จะมาเกิดอีกครั้ง


คลิปที่ 2 ความยาว 1:29:17 ชั่วโมง เป็นการเลาประวัติของ เด็กชายปลาบู่ มีคำอธิบายระบุว่า "ชีวประวัติ เด็กชายสุทัศน์ คำสี (ปลาบู่)" พร้อมปรากฎภาพของเด็กชายปลาบู่ เป็นบันทึกวิดีโอจากคำบอกเล่าคุณตาทองใบ มีเนื้อหาชีวประวัติของปลาบู่ตั้งแต่เกิดมาจนเสียชีวิต โดยอ้างอิงจากชีวิตของคุณตาทองใบ พระโพธิสัตว์ผู้ถูกวางหน้าที่ให้เป็นผู้เชื่อมโยงและพยานบุคคลว่า พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติคือใคร


ที่น่าแปลกก็คือ มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลและพยานสถานที่ ถึงการกลับมาของพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ในชาติใหม่ที่สัญญาไว้ว่า ตัวโตเท่านี้จะบวชเณรและจะมาหาพร้อมกับแม่ใหม่


ท้ายคลิปได้บรรยายว่า สารคดีรามรอยพระศรีฯ จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลสำคัญ แก่ผู้ที่ติดตามและรอคอยการจุติของพระศรีฯ ..._  ตลอดจนการเตือนภัยพิบัติล่วงหน้า


มีจดหมายที่ "ทองใบ คำสี" บิดาของเด็กชายปลาบู่ เขียนบอกเล่าไว้ โดยมีเนื้อหาพูดถึงคำทำนายของ เด็กชายปลาบู่ ดังนี้
 
          "คำทำนายเด็กชายปลาบู่
          บ้านเลขที่ 234/2 หมู่ 1 บ้านตามูล
          ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว
          จังหวัดจันทบุรี 2 2 1 8 0
          วันที่ 28 กันยายน 2554
         

สวัสดีครับ ผู้ที่รักผืนแผ่นดินไทย ทุกท่าน

กระผม ชื่อนายทอง ใบคำสี เกิดวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2481 อายุ 73 ปี เป็นชาวอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี กระผมมีลูกทั้งหมด 5 คน เป็นผู้หญิง 4 คน ผู้ชาย 1 คน บุตรชายของผมคนเดียวชื่อ "ปลาบู่" ซึ่งได้เสียชีวิตมาแล้ว 37 ปี ตอนเขามีอายุได้ 5 ปี 8 เดือน กับอีก 15 วัน


ก่อนตายบุตร ชาย บอกกับผมว่า อีก 15 วันหนูจะตายแล้ว หนูอยากคุยกับพ่อ และให้ผมไปซื้อเทปมาบันทึกเสียงเขา แต่ผมไม่ได้ทำตาม เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะตายจริงๆ


กระผมได้ฟังหลายๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอนที่บุตรชายได้เล่าเมื่อ วันที่ 23-25 มิถุนายน พ.ศ.2517 เป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว เรื่องสำคัญๆ ที่เขาเล่าคือ เรื่องอดีตชาติของเขา และบุคคลสำคัญๆ เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยและโลกในอนาคต เรื่องราวในอนาคตของประเทศไทย เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 เรื่องดวงอาทิตย์ โลก จักรวาล ธาตุ เหล็กไหล มีความเป็นมาอย่างไร เรื่องขุมทรัพย์ในแผ่นดินที่พระแม่ธรณีเก็บเอาไว้หลายๆ แห่ง ฯลฯ


รวมถึงต้องการให้พ่อเป็น "ทูต" หรือ "สื่อ" ให้มีการเตรียมการป้องกันเขื่อนที่จะพังจากแรงแผ่นดินไหว การวางท่อใหญ่ๆ เพื่อระบายน้ำจากตัวเขื่อนลงทะเลเพราะน้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และเรื่องการขุดคลองลัดคอคอดลูกน้ำเต้าเพื่อระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้ ไหลเร็วขึ้น (ปัจจุบันเป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว)


ในเรื่องอดีตชาติของเขา เขาบอกว่า หนูระลึกชาติได้จริงๆ เป็นปู่ของปู่ทวด เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้มั้ย ตาเป็นทิพย์ หูเป็นทิพย์ หมดทั้งตัวเป็นไพฑูรณ์ เมื่อชาติก่อนโน้นหนูเคยเกิดเป็นพระชื่อ "อชิตะ" ตอนพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตได้บอกว่าหนูจะได้เป็น "พระศรีอาริยเมตไตรย" ไง ไม่ต้องมีตำรา ไม่ต้องมีคัมภีร์ก็เทศน์ได้


อยากให้พ่อช่วยเป็นทูตทางวิญญาณบอกให้ท่านทราบ จะได้ป้องกันไว้ก่อนที่เขื่อนจะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว "แผ่นดินแยก เขื่อนแตกขาด" เขื่อนกักเก็บน้ำที่จังหวัดตาก จะพังเสียก่อนจะแก้ไขไม่ได้ โดยการเอาเหล็กรางรถไฟไปหุ้มให้แข็งแรงเป็นเขื่อนเหล็ก จะได้พังไม่มาก จากหนักจะได้เป็นเบา


"หนูมองเห็นความเสียหาย มีคนตายมากมาย อำเภอสามเงา ตากนครสวรรค์ อโยธยา ปทุมธานี นนทบุรี โรงพยาบาลศิริราช ท่าเรือคลองเตย เครื่องบินโดยสารไอพ่นจมน้ำด้วย"


เขาถามผมว่า "รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มั้ยพ่อ?"  "รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั้ยพ่อ?" (ปีพ.ศ.2517 ยังไม่มีรถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดิน) ใต้กรุงเทพฯ - ธนบุรี ไม่มีลูกรัง - หิน มีแต่ทรายทับถมโคลนตมอยู่ลึกๆ คนโบราณก่อสร้างเมืองไม่ต้องตอกเสาเข็ม เอาซุงมาทำแพบก จึงทำได้มั่นคงแข็งแรง


แม่น้ำเจ้าพระยาถูกขุดลอกให้ลึกๆ เป็นอันตรายมากๆ เพราะทรายทับถมตมเลนเหลือบางมากๆ ทำให้ตมเลนปูดทะลักขึ้นมาในแม่น้ำเจ้าพระยา ตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างที่มีน้ำหนักมากๆ จมดินยังไม่พอ เพราะเสาเข็มยังจมยังไม่ถึงดินดาน รถไฟยังวิ่งสะเทือนเขย่าเม็ดทรายที่หุ้มเสาเข็ม ทำให้เสาเข็มทรุดตัว

หนูอยากให้รัฐบาลทำเขื่อนใต้น้ำ ดักทรายเป็นระยะเพื่อให้แม่น้ำเจ้าพระยาตื้นขึ้นเหมือนเดิม เพราะเมื่อขุดแม่น้ำเจ้าพระยาลึกๆ ก้นแม่น้ำก็จะมีแต่ตมเลนน้ำหนักของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำจะกดตมเลนในแม่น้ำ ให้ปูดขึ้นมา ทำให้เกิดการทรุดตัวของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำ


ตึกราม บ้านช่อง สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว น้ำในตัวเขื่อนที่พังยังไหลมาท่วมซ้ำเติม ทุกข์ยาก ลำบากมากๆ การสร้างเขื่อนใหญ่อยู่เหนือพระนคร เป็นอันตราย เพราะแรงแผ่นดินไหวแรงมาก เหมือนเมื่อก่อน ครั้งนานๆ โน้น ที่ไดโนเสาร์ตายหมด!!


เขียนถึงตรงนี้เด็กอายุเพียง 5 ขวบ 8 เดือน 15 วัน บ่นว่า เขื่อนที่สร้างเสร็จแล้วยังไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้วางท่อใหญ่ๆ เพื่อเอาน้ำออกสู่ทะเล ไม่มีท่อปล่อยน้ำออกจากเขื่อน เพราะถ้าระดับน้ำในเขื่อนเต็มขึ้นมา ก็จะมีการปล่อยน้ำออกจากตัวเขื่อน น้ำก็จะท่วมบ้านเรือนที่อยู่ใต้ตัวเขื่อน แต่ถ้ามีการวางท่อใหญ่ๆ จากตัวเขื่อนลงสู่ทะเลเลย น้ำก็จะระบายลงท่อไปสู่ทะเล ไม่ท่วมบ้านเรือนและแผ่นดินที่อยู่ข้างบน น้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ในระยะยาว

ปลาบู่ถามผมว่าอีก 27 ปี พ.ศ.อะไร ? (2544) จะมีเครื่องบินชนตึก อีก 30 ปี พ.ศ.อะไร ? (2547) จะเกิดคลื่นยักษ์คนจะตายกันมาก อีก 35 ปี พ.ศ.อะไร? (2552) จะเกิดแผ่นดินไหวในต่างประเทศ แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง "ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน เกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย" (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00 –24.00 น.)


กระผม ได้ฟังหลายๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอน ตามเรื่องที่ปลาบู่เล่าเป็นเวลา 37 ปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้กระผมอายุ 73 ปีแล้ว เป็นห่วงประเทศชาติ เชื่อว่าต้องเป็นความจริงตามที่ปลาบู่เล่า เพราะที่ผ่านมาเกิดขึ้นมาหมดแล้ว เหลือแต่ที่ยังไม่ถึง


ปลาบู่บอกว่า พ่อครับที่ดินแปลงนี้ยกให้หนูนะ (ที่สวนศรีมหาโพธิ์ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ได้ปลูกต้นโพธิ์ตามที่ลูกชายขอไว้กว่า 200 ต้น เป็นเวลา 36 ปีแล้ว) และให้ทำถนนให้รอบเหมือนกับสนามหลวง ให้ปลูกต้นโพธิ์ให้ด้วย หากหนูตายไปแล้วพ่อจะรู้เอง.. ให้จำปานของหนูไว้ให้ดี.. หนูจะกลับมาเกิดอีกครั้งเป็นลูกของ... ตัวโตเท่านี้จะบวชเณร ออกธุดงค์มาช่วยพ่อสร้างวัด "สุทัศน์เทพไพฑูรย์" (สวนศรีมหาโพธิ์) พร้อมกับแม่ใหม่ จะมาทำปาฏิหารย์เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา (ลูกชายบอกว่าต่อไปประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างแก่ประเทศอื่นๆ ต่างประเทศจะมาพึ่งพาประเทศไทย และพระพุทธศาสนาจะเป็นอันดับหนึ่งของโลก ขณะที่ประเทศอื่นๆ จะเสียหายเพราะภัยพิบัติและการสู้รบจากสงคราม) จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ในปีที่ 40 หลังจากเสียชีวิต (ตรงกับ พ.ศ. 2557)


ที่สวนศรีมหาโพธิ์จะเป็นสถานปฏิบัติธรรมของผู้หญิง และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและคนชรา (ในยุคที่เกิดความทุกข์ยากเพราะภัยพิบัติ) บนเขาลับแล (โครงการจัดตั้งฯ วัดป่าร่มโพธิ์ศรีฯ) จะเป็นวัดที่อยู่ของพระภิกษุและสามเณร จะมีพระองค์หนึ่งมีบุญบารมีมาก จะมาช่วยพ่อสร้างวัด จะมีคนมาถวายให้สร้างโน่นสร้างนี่จนสร้างไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งในปัจจุบันผมได้สร้างรอลูกชายตามที่สัญญาไว้ว่าจะมาหาทั้งสองที่ และได้เฝ้ารอคอยการกลับมาของบุตรชายในชาติใหม่มาเป็นเวลา 37 ปีแล้ว


กระผมขอวิงวอนรัฐบาลและผู้ที่รับผิดชอบช่วยพิจารณาเรื่องการนำรางรถไฟที่ไม่ใช้แล้วเพราะสับเปลี่ยนเป็นรางใหม่ (ซึ่งปัจจุบันวางกองๆ ไว้มากมายตามสถานีรถไฟ) นำไปเสริมตัวเขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตาก และเขื่อนเจ้าพระยา ที่จังหวัดชัยนาท เพื่อให้มีความแข็งแรง เพียงพอที่จะรับแรงแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักในการเขียนจดหมายของกระผมในครั้งนี้ และท่านคงทราบดีว่าในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงในด้านธรณีวิทยาทำให้เกิด แผ่นดินไหวบ่อยครั้ง และสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั่วทั้งโลก การป้องกันเตรียมการไว้ก่อน เมื่อเกิดปัญหาจะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา


          ขอแสดงความนับถือ
          ทองใบ คำสี
          ป.ล. มีพยานหลักฐานทั้ง พยานบุคคล และสถานที่ (อ.สอยดาว จ.จันทบุรี)"


อย่างไรก็ตาม น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุถึงคำทำนายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนทั่วไปดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท โดยในทางวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถคำนวณล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นเมื่อใด โดยยืนยันว่า เขื่อนภูมิพลและเขื่อนต่างๆ ในประเทศไทยมีความมั่นคงแข็งแรง สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ถึง 7.5 ริกเตอร์  ดังนั้น ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกกับข่าวลือต่างๆ แต่ขอให้เตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างมีสติ


ด้านนายณรงค์ ไทยประยูร ผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล ได้แถลงข่าวหลังจากเกิดข่าวลือในโซเชียลมีเดียว่า ได้สร้างความแตกตื่นแก่ประชาชนในจังหวัดตาก และจังหวัดใกล้เคียง เช่น กำแพงเพชร นครสวรรค์ ฯลฯ ทั้งนี้ทางเขื่อนภูมิพล การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ขอยืนยันและให้ความมั่นใจว่า เขื่อนภูมิพล มีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัย เนื่องจากเขื่อนภูมิพลถูกออกแบบให้ทนต่อการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ถึง 7.5 ริกเตอร์ โดยที่เขื่อนไม่ได้ตั้งอยู่ในแนวรอยเลื่อนหลักที่จะเกิดแผ่นดินไหว และปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนลดลงอย่างต่อเนื่อง

บทความจาก มติชนออนไลด์ 

ข่าวดังคำทำนายถึง"ภัยพิบัติ "ในปี 2555 และประวัติ ของเด็กชายปลาบู่ 
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ (Find me on)

แซนต้า ที่มาแจกของขวัญเมื่อคืน ( โอ้ว เค้าอยากได้ ขอด้วย ฮา )







แซนต้า ที่มาแจกของขวัญเมื่อคืน ( โอ้ว เค้าอยากได้ ขอด้วย ฮา )
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ (Find me on)
ติดตาม เรื่องแปลก ใหม่ ตลก สนุก เซ็กซี่ sexy น่าสนใจอื่น ๆ หรือแวะมาทักทายกัน ได้ที่
www.facebook.com/somphon http://gplus.to/somphon www.twitter.com/samaphon www.facebook.com/somphon.me http://samaphon.blogspot.com/

          ขอขอบคุณที่มา : email