เรื่องแปลก ใหม่ น่าสนใจ ข่าวสาร บันเทิง สนุก เซ็กซี่ sexy ที่คุณ อยากรู้ ที่นี่ครับ ^^

SAMAZshop

Translate

ขอไว้อาลัย!! "ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง, เกียรติมันต์ รอดอารีย์" และเหยื่อมรณะรถตู้ 8 ศพ


จากเหตุการณ์สุดสลด เก๋งซิ่งชนรถตู้บนโทลล์เวย์บริเวณหน้ามหาวิยาลัยเกษตรศาสตร์ ฝั่งถ.วิภาวดีรังสิต เมื่อช่วงค่ำวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา ล่าสุด วานนี้ ญาติผู้เสียชีวิตได้ทยอยเดินทางมารับศพแล้วที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ และทันทีที่ได้เห็นศพผู้เสียชีวิตก็ต่างกอดกันร่ำไห้ ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า 
         นายดุสิต เชาว์ไกรหัก วัย 19 ปี น้องชายต่างพ่อของ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง นักวิจัยอดีตนักศึกษาทุน ก.พ. ปริญญาเอกจากประเทศอังกฤษ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า พี่ชายถือเป็นเสาหลัก เป็นความภาคภูมิใจของบ้าน ถึงแม้ว่าแม่จะมีอาชีพร้อยพวงมาลัยขายในตลาดเมืองราชบุรี แต่ก็สามารถส่งเสียพี่ชายให้เรียนจนจบ และพี่ชายก็เป็นคนที่เรียนเก่งมาก จบจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ตอนอยู่ ม.5 ก็สอบเทียบเข้าคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ได้แต่สละสิทธิ์ เนื่องจากอยากไปเรียนต่อต่างประเทศ จึงสอบทุน ก.พ. และได้ทุนไปเรียนที่ประเทศอังกฤษและเรียนจบเมื่อ 3 ปีที่แล้วก็กลับมาเป็นนักวิจัยที่ สวทช.จนถึงปัจจุบัน 

         นายดุสิต เล่าต่อว่า พี่ชาย เป็นคนเรียบง่ายและขยันทำงานมาก ยังเป็นคนโสดที่ตั้งใจเก็บเงินสร้างฐานะ ซื้อคอนโดมิเนียมและส่งเงินให้แม่มาโดยตลอดตั้งแต่เรียนจบ อีกทั้งยังตั้งใจซื้อบ้านใหม่ให้แม่ด้วย ตนเองเคยบอกให้พี่ชายซื้อรถ แต่พี่ชายก็ไม่ซื้อเพราะไม่อยากมีภาระเพิ่ม จึงต้องใช้บริการรถตู้โดยสาร ต้องออกจากบ้านแต่เช้าและกลับดึกทุกวัน และเมื่อครอบครัวต้องมาสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป ก็รู้สึกรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งแม่ก็ยังทำใจไม่ได้จนถึงขณะนี้ แต่ก็ยังต้องร้อยพวงมาลัยขายเหมือนเดิม เพราะยังต้องทำงานหารายได้ต่อไป 
 ขณะที่นางถวิล เช้าเที่ยง มารดาของ ดร.ศาสตรา กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง เป็นบุตรชายของลูกผู้พี่ เมื่อพ่อแม่ของ ดร.ศาสตรา แยกทางกัน จึงได้ขอมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมและเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียนหนังสือ ยิ่งเมื่อได้ไปเรียนเมืองนอก กลับมาก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ส่งเงินให้แม่ตลอด ไม่เคยขอเงินแม่เลย ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้มาก ๆ และจากเหตุการณ์สะเทือนใจดังกล่าวนั้น ทำให้ครอบครัวของตนต้องขาดเสาหลักของครอบครัวไป โดยบุตรชายคนนี้ เป็นเด็กดี และเรียนเก่ง เป็นที่ภาคภูมิใจของตนมาก ส่วนตนนั้นประกอบอาชีพร้อยพวงมาลัย และพยายามประหยัดอย่างมาก เพื่อส่งเสียบุตรชายคนนี้เรียนจนจบดอกเตอร์

         สำหรับ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง บ้านเกิดอยู่ที่ จ.ราชบุรี จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมต้นจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดราชบุรี และจากผลการเรียนที่ดี จึงสามารถสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ที่กรุงเทพฯ ได้สำเร็จ ด้วยความที่ ดร.ศาสตรา เป็นคนที่เรียนเก่ง ขยัน และประหยัด จึงสามารถสอบชิงทุนเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษจนจบปริญญาเอก และกลับมาทำงานใช้ทุนที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ฯ เมื่อสามปีก่อน  

          ด้าน นายวิศรุต พลสิทธิ์ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว กล่าวว่า ตนเองได้โดยสารรถตู้คันดังกล่าวเพื่อกลับบ้านย่านแจ้งวัฒนะ โดยจะมาต่อรถที่หมอชิต ซึ่งพอขึ้นรถแล้วก็นั่งหลับ ๆ ตื่น ๆ มาโดยตลอด จนมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รถตู้ถูกกระแทกก่อนจะหมุนคว้างจนรู้สึกงง ก่อนจะกระแทกกับราวกั้นทางด่วนอย่างแรง และตนก็ค่อย ๆ คลานออกมาจากรถ มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย คือ ศีรษะแตก มีรอยกระแทกช้ำบวมที่แขนลำตัว และที่รอดชีวิตมาได้เพราะปาฏิหาริย์ นั่งอยู่แถวกลางของรถ จึงทำให้ไม่กระเด็นออกมานอกรถเหมือนคนอื่น 

          ด้าน นางนฤมล นิลวรรณ ดาราสาวรุ่นใหญ่ ป้าของ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ นิสิตชั้นปี 3 คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดัวกล่าว กล่าวว่า ก่อน เกิดเหตุ หลานสาวกำลังจะเดินทางไปสถานีขนส่งหมอชิต เพื่อกลับบ้านที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งพ่อแม่ที่บ้านได้เตรียมทำกับข้าว เพื่อต้อนรับลูกสาวที่มาเรียนในกรุงเทพฯ แต่ก็มาเกิดเหตุร้ายขึ้นก่อน โดยตอนแรกที่ทราบว่าเกิดอุบัติเหตุก็คิดว่าหลานได้รับบาดเจ็บเท่านั้น เพราะไม่มีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้เสียชีวิต แต่พอไปดูที่โรงพยาบาลวิภาวดีกลับไม่มี จึงไปติดต่อที่ สน.วิภาวดี ก็พบศพหลานสาว และไม่อยากจะเชื่อในภาพศพหลานสาวที่เห็นตรงหน้าเลย 

          นางนฤมล กล่าวต่อว่า หลานสาวเป็นเด็กน่ารัก เรียนเก่ง ช่วยเหลือตัวเอง ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน และฝันอยากจะเป็นผู้พิพากษา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจเพราะหลานสาวรวมถึงผู้โดยสารที่โดยสารมาในรถ ตู้คันนี้ก็เป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติในวันข้างหน้า แต่ต้องมาเสียชีวิตก่อน และตนคิดว่าผู้ที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องขอบกั้นโทลล์เวย์ต่ำไปหรือไม่ และควรจะมีนโยบายที่เคร่งครัดเกี่ยวกับการคาดเข็มขัดนิรภัยในรถ เพราะมันสามารถป้องกันกรณีเกิดอุบัติเหตุได้

          ส่วน นายอิทธิกร จินันทุยา อายุ 33 ปี น้องชาย นายภิญโญ จินันทุยา ผู้เสียชีวิต กล่าวว่าพี่ชายเป็นคนเรียนเก่งหลังจากจบ ม.ปลาย ที่ จ.นครสวรรค์ ก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นจนจบปริญญาโทด้านสถาปัตย์ ก็กลับมาใช้ทุนที่ ม.ธรรมศาสตร์ และกำลังเตรียมขอทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษแต่ต้องมาจบชีวิตก่อน ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเลย ส่วนศพของพี่ชายจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.ชัยนาท 

เกียรติมันต์ รอดอารีย์ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุ รถเก๋งชนรถตู้ บนโทลล์เวย์
 

         ทั้งนี้ คุณเกียรติมันต์ มีความสนใจในเรื่องวิศวกรรมนาโนฯ มาตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และระหว่างศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เข้ามาฝึกงาน และทำโครงงานวิจัยตั้งแต่ปี 2552 ที่ Lab MEM ก่อนจะจบจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 1 สาขา Nano Engineering (International Program) ด้วยคะแนน 3.90 เมื่อเดือนมิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา รวมทั้งเพิ่งได้รับทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ และอยู่ระหว่างการเตรียมตัวเดินทางเพื่อไปศึกษาต่อในต่างประเทศ  การสูญเสียครั้งนี้ จึงถือเป็นการสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่า และบุคคลที่จะเป็นกำลังสำคัญด้านงานวิจัยของประเทศในอนาคต และในนามของผู้บริหารเนคเทค ผมจึงขอไว้อาลัยกับการจากไปของคุณเกียรติมันต์ และขอให้บุญกุศลที่ คุณเกียรติมันต์ ได้ทำมา นำพาให้คุณเกียรติมันต์ไปสู่สุคติด้วยเทอญ 
          ขณะที่ นางนฤมล นิลวรรณ ดาราสาวรุ่นใหญ่ ป้าของ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ หรือ นุ่น นิสิตชั้นปี 3 คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดัวกล่าว กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ หลานสาวกำลังจะเดินทางไปสถานีขนส่งหมอชิต เพื่อกลับบ้านที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งพ่อแม่ที่บ้านได้เตรียมทำกับข้าว เพื่อต้อนรับลูกสาวที่มาเรียนในกรุงเทพฯ แต่ก็มาเกิดเหตุร้ายขึ้นก่อน โดยตอนแรกที่ทราบว่าเกิดอุบัติเหตุ ก็คิดว่าหลานได้รับบาดเจ็บเท่านั้น เพราะไม่มีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้เสียชีวิต แต่พอไปดูที่โรงพยาบาลวิภาวดีกลับไม่มี จึงไปติดต่อที่ สน.วิภาวดี ก็พบศพหลานสาว และไม่อยากจะเชื่อในภาพศพหลานสาวที่เห็นตรงหน้าเลย 

          นางนฤมล กล่าวต่อว่า น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ สาวเป็นเด็กน่ารัก เรียนเก่ง ช่วยเหลือตัวเอง ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน และฝันอยากจะเป็นผู้พิพากษา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะหลานสาวรวมถึงผู้โดยสารที่โดยสารมาในรถ ตู้คันนี้ก็เป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติในวันข้างหน้า แต่ต้องมาเสียชีวิตก่อน และตนคิดว่าผู้ที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องขอบกั้นโทลล์เวย์ต่ำไปหรือไม่ และควรจะมีนโยบายที่เคร่งครัดเกี่ยวกับการคาดเข็มขัดนิรภัยในรถ เพราะมันสามารถป้องกันกรณีเกิดอุบัติเหตุได้

          ขณะที่เพื่อน ๆ ของ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ กล่าวว่า นุ่นเป็นเพื่อนคนอัธยาศัยดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นจึงเป็นคนที่เพื่อน ๆ รัก เวลาว่างชอบออกค่ายเพื่อช่วยเหลือสังคม และมีความใฝ่ฝันที่เป็นผูพิพากษาตามบิดา ซึ่งทุกคนต่างเสียใจและเสียดายที่นุ่นได้จากไปก่อนวัยอันควร 

          ส่วน นายอิทธิกร จินันทุยา อายุ 33 ปี น้องชาย นายภิญโญ จินันทุยา ผู้เสียชีวิต กล่าวว่าพี่ชายเป็นคนเรียนเก่งหลังจากจบ ม.ปลาย ที่ จ.นครสวรรค์ ก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นจนจบปริญญาโทด้านสถาปัตย์ ก็กลับมาใช้ทุนที่ ม.ธรรมศาสตร์ และกำลังเตรียมขอทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษแต่ต้องมาจบชีวิตก่อน ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเลย ส่วนศพของพี่ชายจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.ชัยนาท 


หลับให้สบายนะเพื่อนเอย
ซ้าย : นุ่น นิติศาสตร์ ปี 3 ขวา : ต้น นิติศาสตร์ ปี 3


ผลงานวิจัยไบโอเทคได้รับรางวัล Excellent Paper Award for Overseas Researchers 2010 

นี่คือหนึ่งในผู้เสียชีวิต( ผู้ชายสูง) เป็นรุ่นพี่ Biotechnology ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
เป็นบุคลากรคนหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ 


น.ส.ตรอง สุดธนกิจ หรือพี่ซีตรอง สิงห์แดงรุ่น57 จบรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ปีการศึกษา 2551 อดีตนักเรียนมาแตร์เดอีวิทยา
เป็นสาวหน้าใสที่อัธยาศัยดี เป็นที่รักของเพื่อนๆและพี่น้องใน คณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ทุกคน
วันนั้นเธอมาหาแฟน (เรียนแพทย์อยู่ ยังไม่จบ) และเธอก็กำลังจะแต่งงานในอีกไม่ช้านี้
แต่ก็ต้องมาจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุครั้ง...นี้เสียก่อน

เหยื่ออีก 1 ราย คือนักศึกษาจากเมืองเชียงใหม่
นายปรัชญา(ต้น) คันธา อายุ 21 ปี ศึกษาอยู่ชั้นปีที่3 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อยู่บ้านเลขที่ 105/29 หมู่ 1 ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 
จ้องจบชีวิตลงเพราะความประมาทเลินเล่อของคนบางคน
อีกหนึ่งเหยื่อของเหตุการณ์นี้
นุ่น สุดาวดี นิลวรรณ นักศึกษานิติศาสตร์ ปี 3 ม.ธรรมศาสตร์
นุ่น เปนคนอัธยาศัยดี ช่วยเหลือคนอื่น เธอคือคนที่เพื่อนรัก
นุ่น มีเวลาชอบไปออกค่ายช่วยเหลือชุมชนกับเพื่อนๆ
นุ่น กำลังจะเรียนจบนิติ และอยากจะสอบเป็นผู้พิพากษาให้พ่อ
นุ่น เรียนเก่ง จบมาต้องได้เป็นผู้พิพากษาอย่างที่หวังไว้แน่ๆ
นุ่น แม้จะอยู่ไกลเพื่อน แต่นุ่นก็โทรมาร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้เพื่อนถึงขอนแก่น

เพื่อนบอกว่าเวลานุ่นไปดูดวง มีคนบอกว่านุ่นเปนคนมีบุญ ทำบุญมาเยอะ
เพราะว่านุ่นเปนคนมีบุญ เลยจากพวกเราไปเรว เพราะกรรมนุ่นหมดแล้ว
นุ่นชอบบอกว่้าตัวเองเปนนางฟ้าตกมาจากสวรรค์
ถึงตอนนี้นุ่นต้องกลับไปที่ที่นุ่นจากมา...
...นุ่นไม่ได้ไปไหน นุ่นก็แค่กลับสวรรค์...

ขอบคุณเครดิตภาพและข้อความจากเพื่อนๆน้องนุ่นครับ


เหยื่ออีกรายหนึ่ง 
นายภิญโญ จินันทุยา อายุ 34 ปี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริหารจัดการเทคโนโลยีและสารสนเทศ
เป็นคนเก่งคนหนึ่งหลังจากเรียนจบ ม.ปลายที่ จ.นครสวรรค์
 ก็ได้ทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นจนจบปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรม
 ก็กลับมาใช้ทุนที่คณะสถาปัตยกรรม ม.ธรรมศาสตร์
 และเตรียมที่จะขอทุนไปศึกษาต่อปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ


เธอคือพนักงานขับรถตู้โดยสาร
ชื่อ นางนฤมล(ติ๊ก) ปิดตาทะนัง อายุ 34 ปี
เป็น คนอารมณ์ดี สดใสร่าเริง ใฝ่รู้ รักเพื่อนฝูง และรักในอาชีพของตนเอง
 ถึงแม้เธอจะมีวุฒิไม่สูงเหมือนใครๆ แต่เธอก็เป็นคนดีของสังคมที่น่ายกย่องเชิดชู
 ในฐานะรากหญ้าที่ทำมาหากินสุจริต
ขอให้คุณติ๊กไปสู่สุขติครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติดตาม เรื่องแปลก ใหม่ ตลก สนุก เซ็กซี่ sexy น่าสนใจอื่น ๆ หรือแวะมาทักทายกัน ได้ที่
www.facebook.com/somphon http://gplus.to/somphon www.twitter.com/samaphon www.facebook.com/somphon.me http://samaphon.blogspot.com/

          ขอขอบคุณที่มา : email