ค่ำคว้าดาว เช้าคว้าหมอก ที่ภูทับเบิก
จังหวัดเพชรบูรณ์ เพชรบูรณ์ กับคำขวัญงามๆ “ เมืองมะขามหวาน อุทยานน้ำหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง ” เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ขับรถประมาณ 4 ชั่วโมง ก็จะพบกับอากาศของภาคเหนือที่มีความเย็นตลอดปี โดยเฉพาะช่วงเทศกาล เรา
|
เราใช้เส้นทางจาก กรุงเทพฯด้วยทางหลวงหมายเลข 1 ถึงจังหวัดสระบุรีเลยไปจนถึงสวนพฤกษศาสตร์พุแค ตรงกิโลเมตรที่ 125 แยกขวามือเข้าทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านอำเภอชัยบาดาล และ อำเภอศรีเทพ ตรงไปตลอดมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ ภูทับเบิก
ก่อน เดินทางมา ภูทับเบิก ขอให้นักเดินทาง ตรวจสอบสภาพรถ ไม่ว่าจะเป็นน้ำกลั่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และผ้าเบรก ให้เรียบร้อย เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ชัน มากถนนบางช่วงไม่ดี และบางช่วงเป็นดินลูกลัง(กำลังซ่อมแซม) ช่วงทางโค้งหลายๆโค้งจะเป็นโค้งหักศอก ลุย……. ระหว่างทาง จะพบเห็นรถเสียหม้อน้ำแห้ง รถบางคันต้องใช้บริการรถยกกันเลย แต่เราไม่ ย้อท้อ ต้องไปถึงจุดหมายให้ได้ จนลืมไปว่า เรามากัน 2 คัน พอ เราผ่านโค้งหักศอกแรกที่ชันมาก ได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง ว่า “ ลงมาก่อน รถทีมงานอีกคันโดนชน ” โอ้…..แม่เจ้า จะหาทางกลับรถได้ไหมเอย ถนนโค้งยังกับหุบเขาอากินะ (การ์ตูน / หนัง INITIAL D) แต่ไม่เป็นไร บก.อิฌ เราเก่ง พอเรามาถึงจุดเกิด เหตุ งงมาก เหตุเพิ่งเกิด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเร็วจริงๆ รถคู่กรณีตกไปไหล่ทาง โชคดีไม่มีใครเป็นอะไร นอกจากรถของเราเสียหายนิดหน่อย สาเหตุเกิดจากชาวม้งผู้ที่ขับรถกระบะสีขาวนี้ พยายามแซงรถทีมงานตรงทางโค้งซึ่งเป็นทางอับ ในขณะที่มีรถตู้ที่สวนลงมา รถกระบะสีขาวจึงหักหลบและเฉียวชนรถของทีมงาน และรถกระบะสีขาวตกข้างทางไป เหตุเกิดเวลา 14.40 น. กว่าจะเคลีย กันก็ปาเข้าไปตั้ง 16.55 น.ขอขอบคุณ พ.ท จีรภัทร และ เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่อำนวยความสะดวกให้กับทีมงาน “เมืองไทย.คอม”
ผลของความประมาท ชาวม้งเจ้าบ้านแท้ๆ…. โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บ
ก่อนถึงยอดภูทับเบิก นั่งลุ้นว่ารถของทีมงานที่โดนชนจะผ่านทางชันของถนน และโค้งหักศอกไปได้หรือไม่ เพราะเป็นครั้งแรกในการขับขึ้นเขา ทุกคนจึงนั่งลุ้นไปเหมือนเดินขึ้นเขาเลยเหนื่อยมาก นึกถึงคนคลอดลูกที่ช่วยกันลุ้นตอนเบ่งคลอด…. เราถึงภูทับเบิก ประมาณ17.20 น. พอลงจากรถ ก็สัมผัสกับความเย็น มีควันออกปาก หายเหนื่อย สวยมาก สวยดังคำล่ำลือ ไม่ใช่เป็นแค่ไร่กระหล่ำปลี แต่นี้คือสวรรค์ของนักเดินทางจริงๆ พอหายจากตะลึง ก็รีบหาที่กางเต็นท์
จุดสูงที่สุดและจุดบริการกางเต็นท์ของภูทับเบิก โดยมองจากยอด Heaven Hill
เราได้ที่ไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่ เพราะเป็นทางไหล่เขาลองลงมาจากจุดชมวิว แต่ตรงนี้วิวสวยมาก เช่นกัน เพราะไม่มีเต็นท์ ผู้ได๋ มาบดบังวิวของเราได้ (ไม่มีใครมากล้าเสี่ยงตายแบบเรา 5 5 5 ) เวลาจะเข้าห้องน้ำต้องเดินขึ้นเขา ประมาณ 100 เมตร แถมตอนนอนก็จะไหลลงมากองกัน ตามแรงโน้นถ่วงโลก ทั้งๆที่เตรียมพื้นก่อนกางเต็นท์แล้วก็ตาม
จุดกางเต็นท์ของเรา… เห็นอย่างนี้ข้างหน้าเป็นหน้าผาสูง
แต่ก็สนุกมากเหมือนเล่นสไลเดอร์ทั้งคืน กว่าจะกางเต็นท์ได้ ก็เกือบ หกโมงเพราะลมแรงมาก เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองรอบข้าง อ้าว………เฮย…..เต็นท์ข้างๆๆ หายไปไหนหมด แล้ว วิว ที่เราเห็นเมื่อกี้หายไปไหน ถนนข้างล่างก็มองไม่เห็น
ที่จริงคือ หมอกลงเต็มไปหมดเลยค่ะ (คิดถึงหนังเรื่อง THE FOG ทันที ) จะเดินไปเข้าห้องน้ำต้องใช้ไฟฉาย ทางเดินก็เป็นทางดินที่ใช้ปลูกกระหล่ำปลีนั้นเอง สนุกจริงๆๆ คืนนี้ไม่อาบน้ำ เอาให้เน่าไปเลยพวกเรา ช่างสนุกเหลือเกินตอนนอนยังมีสไลเดอร์ให้เล่นในเต็นท์อีก นอนไปไหลไป ลุ้นอีกว่า ตื่นมาเราจะไหลกันไปถึงไหนแล้ว เช้านี้เราตื่นขึ้นมา พร้อมเต็นท์เอียงนิดหน่อยและผ้าคุมเต้นท์ล้มเพราะลมแรง แต่เราต้องรีบตะเกียกตะกาย รีบเดินขึ้นไปดูทะเลหมอกที่จุดสูงสุด เหนื่อยๆๆๆๆๆๆ หายใจแทบไม่ทัน แต่ก็ได้ภาพสวยๆๆมาฝากนะเพื่อนๆ แต่วันนี้โชคไม่เข้าข้างความชื้นไม่พอ แถมมีลมแรง หมอกจึงไม่เกิด ….. เศร้า….
แต่เพื่อนสมาชิกที่ไปก่อนเรา 4-5 วัน โชคดีกว่า พบหมอกสมใจ
และได้ส่งภาพมาให้ทุกคนชมกัน สวยม่ะค่ะ
เมื่อช่วงเวลาอันน่าประทับใจในช่วงเช้าหมดลง ก็ต้องกลับมาที่เต็นท์ เพื่อทำอาหารเช้า
ทริปนี้ขอขอบคุณ มาม่า “ มาม่า อร่อย ได้ประโยชน์ ”
ที่สนับสนุนการเดินทาง |
มื้อนี้มีเนื้อหมูชิ้นใหญ่ล้วนๆหลายชิ้นแยกมาในซองพิเศษ อร่อยมั๊ก ๆ ที่สำคัญ “มาม่า” ใช้กระดาษเป็นพาชนะห่อหุ้มเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะย่อยสลายในธรรมชาติได้ง่ายกว่า
|
จากนั้นก็ไปเที่ยววัดป่าทับเบิก โชคดีพบท่านเจ้าอาวาส จึงขอพรกลับมาตามระเบียบ
นอนทับเบิก สัมผัสความหนาว ดูดาวบนดิน เป็นวลีที่รวบรวมจุดเด่นของ ภูทับเบิกมาอย่างลงตัวจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือที่ ภูทับเบิก มีแปลงกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ปกคลุมไปทั้งขุนเขา ยามกลางคืนนักท่องเที่ยวที่ค้างแรมบนภูทับเบิก สามารถชมดาวบนฟ้าและดูดาวดิน ได้อย่างชัดเจน
** ดาวดิน หมายถึง แสงไฟจากบ้านเรือน ที่จะระยิบระยับเป็นจุดเล็ก ๆ ตอนกลางคืน เมื่อมองจากยอดดอย **
ภูทับเบิก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสำรวจท่องเที่ยวได้ไม่นานนัก แต่ก็สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่ไปเยือนได้เป็นอย่างมาก จนกลายเป็น 1 ใน UNSEEN THAILAND ที่คุณไม่ควรพลาดการไปเยือน ด้วยระดับความสูง 1,768 จากระดับน้ำทะเลปานกลาง อุณหภูมิที่หนาวเย็นทั้งปีบนยอดภู และไร่กะหล่ำปลี ที่กว้างใหญ่สุดลูกตา กินบริเวณยอดภูหลายลูก
ดอกพญาเสือโคร่ง มีให้ชมเป็นกำไรชีวิตเช่นกัน
มีนั้งร้านบริการนักท่องเที่ยวเพื่อถ่ายภาพกับซากุระเมืองไทย (ดอกพญาเสือโคร่ง)
ภูทับเบิก เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญมากที่หนึ่ง เพราะเป็นจุดรองรับน้ำฟ้ากลางหาว เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2542เวลา 15.59 น. ณ สำนักสงฆ์บ้าน ทับเบิกเพื่อนำไปรวมเป็นน้ำเพชรน้อมเกล้าถวายเป็นพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ใน พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542 เป็นสถานที่ที่มีเครื่องวัดอุณหภูมิที่ใหญ่ ที่สุดในประเทศไทยและยังเป็นเส้นทางเชื่อมโยงสู่แหล่งท่องเที่ยวและประวัติ ศาสตร์ที่สำคัญ คือ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ชาวบ้านที่ ภูทับเบิก เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง หรือแม้วที่ย้ายถิ่นฐานมาจากทางภาคเหนือ และได้ใช้พื้นที่ปลูกฝิ่นสำหรับจำหน่าย ในปี พ.ศ. 2510 ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้ชักชวนให้ชาวเขาเหล่านี้เข้าร่วมต่อต้านรัฐบาล แต่เมื่อมีการเข้าปราบปรามและชาวบ้านได้เข้ามอบตัวจึงได้มีการจัดตั้งศูนย์ พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2525 โดยชาวบ้านได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีการทำแปลงเกษตรแบบขั้นบันได วิถีชีวิตของชางม้งที่นี่ยังคงมีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ในทุกๆ ปี จะจัดงานปีใหม่แบบดั้งเดิมและมีการแสดงวัฒนธรรมด้วย
หากต้องการชมดอกกระหล่ำแบบเต็มๆ ต้องมาช่วงตุลาคม-ธันวาคม
ที่ยอดภูทับเบิกจะมีไร่กระหล่ำปลีเต็มไป หมดทุกภูเขา เราสามารถเดินไปดูเก็บกระหล่ำปลี ซึ่งก็เป็นชาวเขาม้งจะขอซื้อมาทานก็ได้ ราคาแสนถูก และสดเหนือคำบรรยายครับและอย่าลืมขับรถไปเที่ยวในเส้นทางหมูบ้าน ที่อยู่ห่างจากยอดทับเบิก 5 กิโลเมตร เส้นทางสายนี้นับว่าวิวสวยมาก มองไปทางซ้ายก็กระหล่ำปลี ขวากระหล่ำปลี เป็นภูเขากระหล่ำปลีเหนือยอดกระหล่ำปีเป็นปุยหมอกจางๆ สวยมาก
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ถึง จังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านตัวเมืองไปถึงประมาณหลักกิโลเมตรที่ 258 กิโลเมตรมีทางแยกให้ท่านเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 2278 ขับตรงไปประมาณ 10.4 กิโลเมตร จะพบสี่แยก ( ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปพิษณุโลกถ้าเลี้ยวขวาจะไปอำเภอหล่มสัก )ไม่ต้องเลี้ยวให้ขับตรงไปจะเป็นทางหลวงหมายเลข 2372 ตรงไป ประมาณ 12.6กิโลเมตร จากนั้น เลี้ยวซ้ายเข้าถนนทางหลวงหลายเลข 2331 ไปภูทับเบิกขับไปตามเส้นทาง ซึ่งเป็นทางขึ้นเขา ระยะทางประมาณ 17.7 กิโลเมตรรวมโค้งหักศอก ทะแยงขึ้น-ลง ได้ประมาณ 111 โค้ง ระหว่างนี้ท่านจะตื่นเต้นกับธรรมชาติด้านล่างที่สวยงามตลอดเส้นทางเมื่อถึง สามแยกที่มีป้ายอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าและด่านเก็บเงินค่าเยี่ยมชม อุทยาน ให้ท่านเลี้ยวขวาไม่ต้องเข้าไปในอุทยาน แล้วขับตรงไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร
จากนั้นให้เลี้ยวขวาขึ้นไปยังจุดชมวิว ขับไปประมาณ 300 เมตรก็จะถึงลานจอดรถ จากนั้นก็เดินเท้าประมาณ 200 เมตรก็จะถึงจุดชมวิว…ภูทับเบิก
…………ข้างบนภูทับเบิก มีเต็นท์ที่พักให้เช่าสำหรับผู้ที่ต้องการค้างคืน เพื่อสัมผัสความหนาวเย็น หรือต้องการชมทะเลหมอกตอนเช้า โดยท่านที่ต้องการขึ้นไปพักที่นี่ต้องเตรียมเสบียง และน้ำให้พร้อมไว้ด้วยเพราะข้างบนมีร้านค้าไว้บริการท่านไม่มากนักแต่ไม่มี ปัญหาเรื่องห้องน้ำ ห้องท่า ที่พักบนจุดชมวิว ภูทับเบิก สามารถติดต่อขอกางเต็นท์ได้ในวันที่ไปถึงหรือหากต้องการเช่าเต็นท์พร้อม อุปกรณ์นอนก็มีเตรียมสำรองไว้ให้นักท่องเที่ยว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อพี่แซง(ประธาน ศูนย์ท่องเที่ยวหมู่บ้ายทับเบิก) โทร.08-5733-5776,08-9564-5294 (คุณบุญชู), 084-8951826 (คุณจงรัก), 08-9958-1491(คุณเงี่ย) และ 08-1036-1458(คุณซี) นำเต้นท์มาเอง คิดคนละ 30 บาท ค่าห้องน้ำคนละ 3บาทต่อครั้ง
บริเวณกางเต็นท์ที่จุดสูงสุดของภูทับเบิก
นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปพักที่ อบต.วังบาล ซึ่งอยู่ด้านในหมู่บ้านทิวทัศน์สวยงามเช่นเดียวกัน มีบ้านพัก มี 3 หลังๆ ละ 800 บาท พักได้ 8คนเช่าเต็นท์ หลังละ 200 บาทนำเต็นท์มาเอง คิดคนละ 30 บาท ติดต่อ โทร08-1474 1825, 056-747532
บ้านพักสถานีอนามัยทับเบิก ที่อยู่ :ภูทับเบิก 16 หมู่ 16 ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ โทร :08-9271-5178,08-1045-4257, 08-9879-2029 จำนวนที่พัก 5 ห้อง, ราคา1,500 บาท