หิ้วด.ต.ติดสินบนพร้อมพวกฝากขังยัดตัวเข้าเรือนจำ
ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา หิ้ว "ด.ต." โรงพักเสนา พร้อมพวก ผู้ต้องหาติดสินบนเจ้าพนักงาน ไปฝากขังศาล ค้านประกัน ยัดตัวเข้าเรือนจำ ขณะที่การสอบสวนเจ้าตัวยังปฏิเสธ ไม่เกี่ยวข้องยาเสพติด อ้างมาเป็นเพื่อน ส่วนคดี “แก๊งไผ่เขียว” ออกหมายจับเพิ่มอีก 1 ขณะที่ “รองนายกฯ สุเทพ” รับลูก “อภิสิทธิ์” ขีดเส้นตำรวจเร่งปราบยาเสพติด กร้าว 1 เดือนต้องมีผลงาน ปัดฆ่าตัดตอน แค่จี้ตำรวจให้ทำตาม ก.ม. มากกว่าหาผลประโยชน์ เรียกประชุมตำรวจระดับสูง 270 นาย ขันนอตครั้งใหญ่ ผงะขาใหญ่คลองเตย พัวพันขบวนการค้ายาเสพติด “ท่าอิฐ” ผบก.สืบสวนนครบาลสั่งจับตาย หากผู้ต้องหายิงสู้ขัดขืน
กรณีตำรวจ สส.บช.ภ.1 จับกุม ด.ต.วิจิตร จิตรผล ผบ.หมู่ ป. สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา กับ นายจรัล กิจสะสม อายุ 45 ปี และนายวีระ อินสุข อายุ 40 ปี กลุ่มผู้ต้องหา ขณะขับรถเก๋งนำเงินสด 4 แสนบาท มาที่หน้า บก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่แลกกับการ ปล่อยตัว นายวิรัตน์ กิจสะสม อายุ 49 ปี พี่ชายของนายจรัลที่ถูกจับกุมคดียาเสพติดไปก่อนหน้า โดย ด.ต.วิจิตร ปฏิเสธ อ้างว่ามาเพื่อขอประกันตัวผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม ตามแนวทางการสืบสวนคาดว่า กลุ่มผู้ต้องหาอาจเชื่อมโยงกับแก๊งค้ายานรกเครือข่ายของนายชาญชัย ประสงค์ศิล หรือโจ๊ก ไผ่เขียว ที่ถูกตำรวจวิสามัญฯ กับนายนพพล ประสงค์ศิล หรือจิ๊บ ไผ่เขียว น้องชายที่ถูกคุมขังในเรือนจำพระนครศรีอยุธยา รวมถึงนายอภิชาติ วังประทุม หรือ “หม่อง คานหาม” ที่อยู่แก๊งเดียวกันและชิงเข้ามอบตัวอีกคน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. พ.ต.ท.พิชา รุจินาม รอง ผกก.สส.สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้เบิกตัว ด.ต.วิจิตร จิตรผล อายุ 41 ปี ผบ.หมู่ ป. สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาคดีร่วมกันให้สินบนเจ้าพนักงาน จากห้องขัง สภ.พระนครศรีอยุธยา มาทำประวัติ จากนั้นได้ส่งตัว ด.ต. วิจิตร จิตรผล นายจรัล กิจสะสม และนาย วีระ อินสุข ผู้ต้องหาคดีร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน ไปขออำนาจศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อฝากขัง พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว โดยมีครอบครัวของ ด.ต.วิจิตร มาเฝ้าและขอยื่นประกันตัวระหว่างการฝากขังที่ศาลด้วยหลักทรัพย์ 5 แสนบาท แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามคำคัดค้านของพนักงานสอบสวน จึงถูกส่งตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ลงนามคำสั่งในหนังสือ เลขที่ 443/2553 ลงวันที่ 20 ธ.ค. ให้ ด.ต.วิจิตร จิตรผล ผบ.หมู่ ป.สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะถูกแจ้งข้อกล่าวหาให้สินบนเจ้าพนักงาน พร้อมให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบโทษทางวินัยและอาญาด้วย พล.ต.ต.อนุรักษ์ กล่าวว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ส่วนคดีให้ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งสิ่งที่ยืนยันได้ในผลการสอบปากคำเบื้องต้น คือ ด.ต.วิจิตร ไม่เกี่ยวข้องกับคดีของนายโจ๊ก และนายจิ๊บ ไผ่เขียว แต่เพื่อความกระจ่างจะต้องสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป ส่วนกรณีสังคมสงสัยว่าทั้งสองฝ่ายจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ และกรณีนายวิรัตน์ กิจสะสม ผู้ต้องหาคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ ตร.ภูธรภาค 1 จับได้พร้อมของกลางยาไอซ์ 30 กรัม จะเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของนายโจ๊กและนายจิ๊บหรือไม่คงต้องสอบสวนกันต่อไปเช่นกัน
ด้าน ด.ต.วิจิตรกล่าวว่า ตนขอให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา และขอยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหายาเสพติด หรือแก๊งค้ายาเสพติดใด ๆ ทั้งแก๊งของนายวิรัตน์ กิจสะสม ผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่ ตร.ภาค 1 จับกุมได้ อีกทั้งไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งของ “โจ๊ก-จิ๊บ ไผ่เขียว” ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ซึ่งได้ทำหนังสือบันทึกข้อความรายงานตัวต้องคดี ต่อ ผกก.สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา อย่างละเอียดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด เพียงมาเป็นเพื่อนเท่านั้น
พ.ต.ท.ประสงค์ เทพรักษ์ สวญ.สภ. พระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท. สมโภชน์ เรืองหิรัญวนิช พงส.สภ.พระอินทร์ราชา เจ้าของคดี ได้เบิกตัวนายอภิชาติ วังประทุม อายุ 35 ปี หรือ “หม่องคาน หาม” ผู้ต้องหาคดีร่วมกันพยายามฆ่า ร่วมกันพกพาอาวุธปืนและร่วมกันยิงปืนที่สาธารณะ ไปขออำนาจศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว ซึ่งผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นประกันตัว รายงานข่าวจากชุดสืบสวนทราบว่านายหม่อง เคยรู้จักกับนายโจ๊กในเรือนจำพระนครศรีอยุธยาในคดียาเสพติด และเมื่อพ้นโทษนายโจ๊กได้ให้นายหม่องช่วยมาสอนขับรถยนต์ให้พร้อมทั้งว่าจ้างให้ขับรถให้ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลพบว่านายโจ๊ก ไผ่เขียว เคยถูกจับในคดียาเสพติดเมื่อปี 2549 และถูกจำคุก 3 ปีที่เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
รายงานข่าวแจ้งว่าพนักงานสอบสวน สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกหมายจับนายมานะ หรือลุย น้อยจำปา อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 403 หมู่ 5 ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดและอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลอนุญาตตามคำร้อง ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่านายลุย ได้นัดแนะกับนายโจ๊กเตรียมที่จะเข้ามารับตัวพานายจิ๊บ กับนายโจ๊ก และแฟนสาวรวม 4 คน หลบหนีในวันเกิดเหตุ เมื่อนายลุยเข้ามาที่ห้องพักเตรียมรับนายโจ๊กและนายจิ๊บเพื่อหลบหนี แต่ได้อาศัยจังหวะที่เกิดการปะทะกันหลบหนีออกไปก่อน นอกจากนี้ยังพบว่านายลุยอยู่ในเครือข่าย 2 พี่น้องไผ่เขียวในการค้ายาเสพติดด้วย โดยหลังจากศาลออกหมายจับ ชุดสืบสวน บช.ภ.1 ชุดสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ลงพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี จ.สระบุรี ซึ่งคาดว่าจะเป็นแหล่งกบดานของนายลุยแล้ว
วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายกฯ มอบนโยบายให้ตำรวจเร่งปราบปรามยาเสพติด โดยต้องให้มีผลงานเป็นรูปธรรมในเวลา 1 เดือน ว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายที่ต้องแก้ไขให้มากขึ้น และในวันที่ 21 ธ.ค. ตนได้เรียกประชุมนายตำรวจตั้งแต่ระดับผู้บังคับการจังหวัดขึ้นไปจนถึงระดับ ผบ.ตร.รวม 270 นาย เพื่อทำความเข้าใจเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของนายกฯ และหลังปีใหม่ ตนจะเรียกประชุมระดับผู้กำกับการทุกโรงพักทั่วประเทศด้วย เพราะต้องเร่งรัดให้ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการหาข่าว สืบสวน สอบสวน จับกุม และขยายผล นอกจากนี้ตนจะร่วมกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เรียกประชุมข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ให้เร่งรัดจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อรองรับคำสั่งนายกฯ ที่ 306 เรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ดังนั้น ทุกเดือนต่อจากนี้ เราจะได้เห็นผลความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของนายกฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการกดดันการทำงานของตำรวจมากเกินไปหรือไม่ นาย สุเทพ กล่าวว่า ก็ต้องกดดันกัน เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชนที่รัฐบาลต้อง แก้ไข เมื่อถามว่าจะมีการคาดโทษนายตำรวจในพื้นที่ที่มีปัญหาซ้ำซากหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าไปคาดโทษเลย ขอให้ทุกคนเร่งรัดทำงานดีกว่า เพราะเราต้องการให้ตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมายอย่างแท้จริง มากกว่านำไปหาประโยชน์ ต่อข้อถามที่ว่ากลัวหรือไม่ว่าการเร่งรัดปราบปรามยาเสพติดคราวนี้จะนำไปสู่วงจรเดิมคือการฆ่าตัดตอน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มี รัฐบาลชุดนี้ทำตามกฎหมาย ไม่ใช้วิธีการอุ้มฆ่า ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติดมาตลอด แต่ความรุนแรงของยาเสพติดยังเพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่ก็ต้องเพิ่มมาตรการ เมื่อถามถึงกรณี นักสิทธิมนุษยชนออกมาติงการวิสามัญฆาต กรรม “โจ๊ก ไผ่เขียว” ผู้ต้องหาคดียาเสพติด จะทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มี เจ้าหน้าที่พร้อมดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเขาชี้แจงได้
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.กล่าวถึง กรณีนายกฯ กำชับและให้ดำเนินการปราบปรามปัญหายาเสพติด และการพนันตู้ม้าในประเทศ ให้เห็นผลภายใน 1 เดือน ว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีมาตรการดำเนินการอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะมาตรการปราบปรามยาเสพติด ตำรวจต้องพยายามลดจำนวนลง หรือควบคุมให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งจะมีการเพิ่มกำลังเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง ตามนโยบาย 5 รั้วป้องกัน รวมถึงการสั่งการให้ตำรวจนครบาลจัดทำบัญชีข้อมูลของผู้ค้าผู้เสพ และเครือข่ายในพื้นที่อย่างเคร่งครัด ว่ามีมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการวางแผนเข้าดำเนินการจับกุมได้อย่างทันท่วงที ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่นั้น ในส่วนของการเข้าจับกุมก็ต้องเตรียมตัว และฝึกยุทธวิธีการเข้าปฏิบัติอย่างรัดกุมให้เหนือกว่าคนร้าย เพื่อลดความสูญเสีย และบาดเจ็บ
อีกด้านหนึ่ง พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น.กล่าวถึงการสืบสวนจับกุมเครือข่ายค้ายาบ้าก่อเหตุลอบยิงอาก้าถล่มเจ้าหน้าที่สืบสวนนครบาลบาดเจ็บสาหัส 2 นาย ขณะล่อซื้อจับกุมขบวนการยาเสพติดในซอยท่าอิฐ อ.เมือง จ.นนทบุรี ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานลงลึกไปถึงตัวการใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมด ภายหลังพบมีขาใหญ่แก๊งค้ายาเสพติดในพื้นที่คลองเตยร่วมด้วย หากหลักฐานโยงถึงใคร ก็จะดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด “ขอเวลาให้ตำรวจทำงานเต็มที่ก่อนตอนนี้เรามาถูกทางแล้ว ยืนยันได้ในชั้นนี้ว่า คนร้ายที่ก่อเหตุมีความเกี่ยวพันกับเครือข่ายยาบ้าคลองเตยอย่างแน่นอน ขอให้สื่อใจ เย็น ๆ ก่อนรอฟังข่าวดีเร็ว ๆ นี้” พล.ต.ต. รณศิลป์ ย้ำ
พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวต่อว่าหากพยานหลักฐานที่รวบรวมได้เกี่ยวข้องกับใครบ้างก็จะออกอนุมัติหมายจับทั้งหมด ทั้งกลุ่มมือปืนและเครือข่าย มีการส่งกำลังตำรวจลงพื้นที่สืบสวนหาข้อมูลในหลายจุด พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ทุกนายให้ระมัดระวังตัวให้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากคนร้ายกลุ่มนี้มีอาวุธติดตัวด้วยกันทั้งนั้น หากการจับกุมมีการต่อสู้ขัดขืนก็ให้ยิงต่อสู้ป้องกันตัวได้ และสามารถจับตายได้ทันที ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น.กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้มีความชัดเจนมากขึ้นในส่วนของคนร้าย และยานพาหนะ เครือข่ายกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งอยู่ระหว่างการสาวลึกลงไปดูสมุนลูกน้องว่ามีใครบ้าง ส่วนอาการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย คือ ด.ต.อรุณ แตงสมุทร อายุ 48 ปี ผบ.หมู่งาน อก.ศูนย์สืบสวน บช.น. ยังน่า เป็นห่วง ตอนนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู และยังใช้เครื่องช่วยหายใจ รอการตอบสนองที่ดีขึ้นก็คงจะพ้นขีดอันตราย ขณะที่ ส.ต.ท.นพดล เหมือนดี อายุ 32 ปี สังกัด กก.สส.บช.น. อาการปลอดภัยแล้ว.