มหันตภัยทางธรรมชาติจู่โจมจนมนุษย์ตัวเล็กตัวน้อยทั่วทุกมุมโลกตั้งตัวกันแทบไม่ทัน รุนแรงขึ้น ถึ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สัปดาห์ก่อนบ้านเราฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก หลายจังหวัดจมน้ำ หลายหมู่บ้านดินโคลนถล่ม มีผู้เสียชีวิต ผู้สูญหาย น้ำปาหลากไหลจากเหนือ เดินทางไปท้นฝั่งเจ้าพระยา ขณะเดียวกัน พายุไต้ฝุ่นทาลัส กระหน่ำประเทศญี่ปุ่นรุนแรงในรอบหลายสิบปี หลายเที่ยวบินถูกยกเลิก ดิฉันมีกำหนดการเดินทางไปญี่ปุ่น เลยติดตามพยากรณ์อากาศทุกระยะ ทั้งสภาพอากาศบ้านเรา และสภาพอากาศญี่ปุ่นซึ่งทางการญี่ปุ่นพยากรณ์ล่วงหน้า 7 วัน และดูจาก Google Earth ด้วย ค่อยใจชื้นที่ญี่ปุ่น ไต้ฝุ่นทาลัส ลดระดับความเร็วเป็นพายุโซนร้อนและลงทะเลญี่ปุ่นไปแล้ว วันที่ดิฉันจะพำนักในญี่ปุ่นเขาว่าฟ้าใสสลับกับเมฆมาก แต่ใจไม่ดีที่ประเทศไทยกำลังจะมีฝนตกหนัก 80% ของพื้นที่โดยเฉพาะทางเหนือ และอิสาน ปัญหาน้ำท่วมเดิมยังได้รับการเยียวยาไม่ทั่วถึง ระดับน้ำยังไม่ลดลงสู่ปกติ จะมีน้ำท่วมระลอกใหม่มาอีกแล้ว ก่อนเครื่องจะร่อนลงสนามบินนานาชาตินาริตะ ท้องฟ้าเหนือญี่ปุ่นสดใส แดดค่อนข้างแรงจัด เพราะเป็นฤดูร้อนของที่นั่น อากาศ 30 องศาตอนกลางวัน คนญี่ปุ่นบอกร้อนมาก เหนือญี่ปุ่นเมื่อวันพายุสงบ ท้องฟ้าแจ่มใส สลับกับมีเมฆบ้าง ก่อนเครื่องบินร่อนลงสนามบินนานาชาตินาริตะ ญี่ปุ่น ท้องฟ้าขากลับออกจากน่านฟ้าญี่ปุ่น ก็ยังแจ่มใสแดดจัด อากาศร้อน แต่ร่องรอยของมหันตภัยไต้ฝุ่นทาลัสยังเหลือให้เห็น ในภาพเป็นตอนใต้ของญี่ปุ่น เห็นทางโคลนกว้างใหญ่ไหลลงทะเล ไม่รู้อยู่ที่ระดับความสูงกี่ฟีต ไม่มีมอนิเตอร์บอก อีกสักครึ่่งชั่วโมงจะถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ท้องฟ้าขมุกขมัว เมฆทึบ เครืองบินโคลงเคลงอยู่บ่อยครั้ง อากาศข้างล่างท่าจะกำลังแย่ จนมาเห็นภาพนี้...น้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างใหญ่ไพศาล ท้องทุ่งกลายเป็นเวิ้งน้ำผืนเดียวกัน ดิฉันเปรียบเทียบกับ Google Earth แล้ว ภาพที่เห็นนี่เป็นพื้นที่จังหวัดอยุธยา และใกล้เคียง ถ่ายผ่านทะลุเมฆลงมา เลยเห็นเป็นภาพเบลออย่างนี้ค่ะ น้ำในแม่น้ำเป็นสีโคลนขุ่น น้ำคงหลากมาเร็ว และเอาดินโคลนลงมาด้วย บ่ายสามโมงกว่า(14 ก.ย. 54)ใกล้ถึงพื้นเต็มที ท้องฟ้าขมุกขมัวจนแทบไม่เห็นปีกเครืองบินเลย แต่นี้ต่อไป เราต้องใส่ใจติดตามการเตือนภัยพิบัติกันอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกัน และบรรเทาความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน จากมหันตภัยร้ายทางธรรมชาติ ที่นับวันจะรุนแรงยิ่งขึ้น ดิฉันอ่านหนังสือ ทฤษฏีกาย่า เมื่อโลกเอาคืน( The Revenge Of Gaia) ของศาสตราจารย์เจมส์ เลิฟล็อค(James Lovelock) หนังสือที่ได้รับการชื่นชมยกย่องจากสำนักพิมพ์ต่างๆทั่วโลกถึงความน่าเชื่อถือ เป็นหนังสือแนววิทยาศาสตร์ที่อธิบายอุปมาอุปมัยให้เข้าใจง่าย ผู้เขียนเป็นทั้งแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักนิเวศวิทยาอายุ 80 ปีแล้ว และศึกษาเรื่องโลกร้อนมานานหลายสิบปี ท่านว่า โลกเรามีชีวิต ทฤษฏีกาย่ารวมเหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าอวกาศ และใต้ลงไปในพื้นพิภพ เป็นชีวิตของโลกด้วย เราต้องดูแลโลก รบกวนโลกให้น้อยที่สุด ไม่ใช่เพื่อให้โลกเย็นลง เพราะโลกเย็นไม่ได้แล้ว โลกเกิดมานานแล้ว แก่แล้ว และมนุษย์รบกวนโลกมามากแล้ว โลกย่อมป่วยเป็นธรรมดา มหันตภัยทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเพราะโลกมันกำลังดูแลรักษาตัวเอง กำลังปรับตัว คนเราก็ต้องปรับตัว เพื่อให้อยู่ร่วมกับโลกในสภาพนี้ไปแบบพอทนได้ให้นานอีกหน่อย หันมาใช้พลังงานสะอาด หยุดการรุกรานป่า หยุดทำลายสาหร่ายสีเขียวธรรมชาติทางทะเล หยุดการทำลายหน้าดินเพิ่มพื้นที่ทางการเกษตร ลดการบริโภคลง ประเทศภูฏาน ที่คนไทยรู้จักกันดี ประเทศเขาอยู่อย่างพอเพียง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อนุรักษ์วัฒนธรรมเป็นหัวใจของเขา ถึงแม้ปัจจุบันจะเริ่มมีวัฒนธรรมตะวันตกเผยแพร่เข้าไป ผ่านสื่อทีวีมากขึ้น แต่ภูฏานยังเป็นประเทศเล็กที่น่าจับตามอง ประชากรมีความสุขจากการใช้ชีวิตที่พอเพียง จำกัดนักท่องเที่ยว ไม่ใช้ทรัพยากรมาก ไม่มีเขื่อน ไม่มีโรงไฟฟ้า แต่สามารถผลิดไฟฟ้าได้จากพลังน้ำธรรมชาติได้มากพอส่งออกไปประเทศอินเดียเสียด้วยซ้ำ หมู่บ้านห่างไกลใช้โซลาเซลล์ ถึงเวลาหรือยังที่ประเทศไทยเราจะทบทวนการใช้พลังงานภายในประเทศ มีแนวทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม มากกว่าการรณรงค์อยู่ในทีวี หรือแผ่นป้ายไวนิล ที่เห็นจนชินแล้ว |
ที่มา http://www.oknation.net/blog/korpai/2011/09/15/entry-1
บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย สภากาชาดไทย ได้ใบเสร็จลดหย่อนภาษีด้วย
ชื่อบัญชี : สภากาชาดไทยช่วยผู้ประสบอุทกภัย เลขที่ : 045-3-04190-6 ประเภท : กระแสรายวัน ธนาคาร : ไทยพาณิชย์
หมายเหตุ :แฟกซ์ใบนำฝากพร้อมชื่อ-ที่อยู่ ที่หมายเลข 0-2256-4064 สอบถามโทร 0-2256-4068