เรื่องแปลก ใหม่ น่าสนใจ ข่าวสาร บันเทิง สนุก เซ็กซี่ sexy ที่คุณ อยากรู้ ที่นี่ครับ ^^

SAMAZshop

Translate

Honda BRIO ECO CAR เผยโฉมครั้งแรกในไทย และในโลก

ในที่สุด Honda ก็พร้อมเผยโฉม รถเล็ก ที่จะเข้าร่วมโครงการ ECO Car ของรัฐบาลไทยแล้ว
ภายใต้ชื่อ Honda BRIO เปิดตัวไปเรียบร้อย ในพื้นที่บูธ Honda ณ มานมหกรรมยานยนต์
MOTOR EXPO 2010 ที่ Challenger Hall, IMPACT เมืองทองธานี เมื่อบ่ายวันนี้ ตามเวลา
ในประเทศไทย
ถือเป็นการเผยโฉมหน้า อย่างเป็นทางการครั้งแรกในเมืองไทย และครั้งแรกในโลก
สำหรับโครงการพัฒนารถยนต์นั่ง ในระดับ Sub-B Segment เพื่อให้สอดรับกับโครงการ
ECO Car นั่นจึงหมายความว่า Honda BRIO นี่แหละ ที่จะเป็นคู่ปรับกับ Nissan March
อย่างแท้จริง ในตลาดกลุ่มใหม่ ที่เพิ่งเริ่มมีขึ้นในเมืองไทย ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2009
เป็นต้นมา และรถคันนี้ คือตัวอย่างที่ "ใกล้เคียงกับเวอร์ชันที่จะผลิตขายจริง ในเมืองไทย"
อันที่จริง Honda แอบซุ่มพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กคันนี้ ภายใต้รหัสโครงการ 2CV
มาตั้งนาน หลายปี เพียงแต่โครงการเพิ่งเริ่มมามีความคืบหน้าเต็มที่ เมื่อรัฐบาลไทย
มีการตั้งโครงการ ECO Car ขึ้นมา ในช่วง 4 ปีมานี้

ขนาดของตัวถัง เมื่อกะเก็งกันคร่าวๆ จากรถคันจริง Honda BRIO จะมีขนาดเล็กกว่า
Nissan March อยู่เล็กน้อย

เมื่อเปรียบเทียบงานออกแบบของ BRIO กับ เวอร์ชันต้นแบบ ซึ่งนำออกแสดงครั้งแรก
ในงาน Bangkok International Motor Show เมื่อช่วงเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา จะพบว่า
งานนี้ ทีมออกแบบของ Honda R&D ต้องลดทอน ความร้อนแรงของเส้นสายจากรถคัน
ต้นแบบ ลงมาให้อยู่ในระดับที่สามารถผลิตขายได้จริง อยู่ไม่น้อย

ถึงแม้จะยังคงแนวเส้นคาดตัวถัง จากบริเวณด้านหน้า จรดหลัง เอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ สิ่งที่เหนือความคาดหมาย ที่ปรากฎอยู่บนเรือนร่างของ BRIO มีทั้ง การพ่นสี ให้กับ
เสาหลังคาคู่หน้า A-Pillar เป็นสีเดียวกับตัวถัง เมื่อเทียบกับเวอร์ชันต้นแบบ ซึ่งปล่อยเอาไว้
เป็นสีดำ คล้ายกับ รถสปอร์ต อย่าง Mazda Savanna RX-7 รุ่นปี 1978
อีกทั้งยังมีการ ลดทอนความโฉบเฉี่ยวของ แนวกรอบกระจกหน้าต่าง บริเวณประตูคู่หลัง
จากเดิม ซึ่งมาในรูปโค้งตัว D ครึ่งวงรี กลายมาเป็น บานประตู แบบที่เห็นอยู่นี้

และที่เรียกว่า ชวนอึ้ง มากที่สุด คือการเลือกใช้สีตัวถัง เพื่อสื่อสารทางการตลาด เป็นสีเขียว
แม้จะสื่อถึงภาพลักษณ์ความสดใหม่ และมีชีวิตชีวา อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธ ไม่ได้ว่า ก่อนหน้านี้
Mazda 2 คือผู้ที่นำสีเขียวมาใช้ในการสื่อสารทางการตลาด จนประสบความสำเร็จ มีภาพลักษณ์
ผูกแน่นกับสีเขียว ฝังใจผู้บริโภคไปแล้ว

รายละเอียดทางเทคนิค ยังไม่มีการเปิดเผยออกมามากนัก แต่มีการยืนยันแล้วว่า จะใช้
เครื่องยนต์ ขนาด 1,2xx ซีซี มีเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ ให้เลือก

Honda มีกำหนดจะเปิดตัว เวอร์ชันจำหน่ายจริง ของ Honda BRIO ภายในเดือนมีนาคม 2011
ซึ่งจะตรงกับงาน Bangkok International Motor Show ที่จะย้ายมาจัดยัง Challenger Hall
IMPACT เมืองทองธานี เหมือนเช่นงาน Motor Expo 

10 อันดับ อาหารกลางวัน คนไทย

อันดับที่ 10
  
ผัดไทย
ร้านอาหารตามสั่งหลายๆ ร้านคุณแม่ครัวเธอก็มีวิชาทำอาหารเป็นเลิศสั่งมาเถอะค่ะ...เจ๊ทำได้หมด อยากกินผัดไทยเจ๊ก็ทำได้ (แต่จะกินได้เปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง) หนุ่มสาวชาวเมืองหลายๆ คนก็จึงนิยมสั่งผัดไทยมากิน แม้จะรู้ว่ารสชาติอาจจะสู้ไปกินตามร้านที่ขายผัดไทยโดยเฉพาะไม่ได้ก็ตาม แต่พวกเขาก็ให้เหตุผลว่าอยากลองสั่งมากินดูบ้างเพราะเบื่อเมนูอาหารแบบเดิมๆ ที่ต้องกินทุกวัน
  
 
อันดับที่ 9
  
ราดหน้า-ผัดซีอิ๊ว
ก็บอกแล้วว่าร้านอาหารตามสั่ง น่ะ เจ๊ทำได้หมด ฉะนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจที่เจ๊แกก็สามารถทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหรือผัดซีอิ๊วให้ กินได้ เมนูนี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่เบื่อข้าวแล้วอยากเปลี่ยนรสชาติมากิน ก๋วยเตี๋ยวบ้างแต่ก็ไม่ค่อยจะนิยมสั่งกันนักเพราะถึงแม้ว่าเจ๊แกจะทำได้แต่ เรื่องของความอร่อยก็คงต้องบอกเจ๊แกว่า “พอแหลกล่าย”
  
 
อันดับที่ 8
  
สุกี้
อีกหนึ่งเมนูอาหารของคนเบื่อ ข้าว การสั่งสุกี้มากินก็ไม่เลวเหมือนกัน แต่ช้าก่อน “สุกี้” ในที่นี้ กรุณาอย่าวาดภาพเลิศหรูอลั! งการประหนึ่ง “สุกี้เอ็มเค”แต่มันเป็นเพียงสุกี้ที่เอาวุ้นเส้นมาต้มในน้ำซุป แล้วใส่ใข่ ใส่ผัก ใส่เนื้อ ใส่หมู กุ้ง หอย ปู ปลาอะไรก็ว่าไป รสชาติก็พอทานได้ แต่จะอร่อยมากอร่อยน้อยตรงนี้อยู่ที่น้ำจิ้มสุกี้ต้องแซ่บ ราดโครมลงไปในชามสุกี้เลยถ้าถ้วยเดียวไม่แซ่บพอก็ขอเพิ่มแต่บางคนอาจจะชอบ แบบสุกี้แห้งก็มีเหมือนกันอันนี้ก็แล้วแต่สะดวกล่ะนะ
  
 
อันดับที่ 7
  
ผัดพริกสดราดข้าว
เมนูนี้บางร้านก็ใช้พริกชี้ฟ้า เม็ด ใหญ่มาซอยบางร้านก็เป็นพริกหยวกแต่ไม่ว่าจะยังไงทั้งสองอย่างต้องเป็นพริก สดๆ ไม่ใช่พริกแห้ง ไม่งั้นผิดคอนเซปต์ จากนั้นก็เอาพริกสดมาผัดรวมกับหอมใหญ่ซอย และต้นหอมใส่เนื้อ หมู ไก่ หรือกุ้ง ตามใจชอบเป็นอีกเมนูที่หลายๆคนชอบสั่ง
  
 
อันดับที่ 6
  
ถั่วฝักยาวผัดพริกแกงราดข้าว
เมนูสิ้นคิดอีกอันที่เป็นที่ นิยมอย่างสูง ส่วน ใหญ่จะเป็นพวกที่ชอบกินอะไรเผ็ดๆเป็นประจำอยู่แล้วกินไปซู้ดปากไป แต่ก็มีหลายๆ คนที่ไม่ชอบกินเผ็ดมากนักจึงเลี่ยงที่จะสั่งมารับประทานเมนูนี้จึงได้รับ ความนิยมอยู่ในอันดับกลางๆ
  
 
อันดับที่ 5
  
ผัดผักราดข้าว
เมนูนี้มีตั้งแต่คะน้าหมูกรอบ กระเฉดหมูกรอบ ผักบุ้งหมูกรอบ บางคนไม่กินหมูก็อาจจะเปลี่ยนเป็นไก่ได้ ผัดผักราดข้าว เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมในระดับต้นๆเช่นกัน ค่าที่ว่ากินง่าย ถูกปาก ได้สารอาหารครบถ้วนทั้งเนื้อ ทั้งผัก ทั้งข้าว
  
 
อันดับที่ 4
  
ข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทย
อันนี้เป็นเมนูสิ้นคิดที่ สาวๆ มักชอบสั่งคิดว่าคงเป็นเพราะความอร่อยของเนื้อหมูที่เอามาทอดในซอสน้ำมันหอย คลุกกับพริกไทยเสร็จแล้วเอามาโปะกับข้าวสวยร้อนๆ กินกับแตงกวา ถ้าอยากเพิ่มความพิเศษให้กับเมนูอาจจะสั่งไข่ดาวมาเพิ่มได้ ถ้ากินกลางวันก็อิ่มไปถึงเย็นเลย
  
 
อันดับที่
 
ข้าวไข่เจียว
สิ้นคิดเข้าไปเรื่อยๆ กับเมนูนี้นึกอะไรไม่ออกก็เอาล่ะข้าวไข่เจียวก็ได้ ง่ายสุด ความเสี่ยงต่ำ และประกันความไม่อร่อย เพราะถ้าร้านอาหารตามสั่งร้านไหนทำไข่เจียวไม่อร่อยก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว อย่างอื่นก็อย่าไปกินมันเลย เป็นเมนูเพลย์เซฟอย่างดีสำหรับคนเมืองแต่ก็สิ้นคิดจริงๆ
  
 
อันดับที่
 
ข้าวผัด
ใครสั่งข้าวไข่เจียวว่าสิ้น! คิดแล้วแต่คนสั่งข้าวผัดกับสิ้นคิดกว่าเพราะมันเป็นอาหารสุดยอดแห่งความไม่ ครีเอทเอาเสียเลยเอาข้าวมาผัดแล้วใส่ใข่ ใส่เนื้อสัตว์อะไรก็ว่าไปใส่ผักเขียวๆ ลงไปหน่อย ผัดไปผัดมาสองสามทีก็เสร็จแล้วแต่บางคนอาจจะชอบข้าวผัดเป็นชีวิตจิตใจ ถ้าไปเจอร้านที่ผัดข้าวผัดได้อร่อยเหาะจริงๆข้าวผัดที่อร่อยต้องเป็นข้าวที่ ผัดออกมาแล้วไม่แฉะเม็ดข้าวขาวนวล ผัดร้อนๆ ยกเสิร์ฟบีบมะนาวใส่แล้วราดด้วยพริกน้ำปลา...จบ เอาล่ะทีนี้ก็มาถึงสุดยอดอาหารสิ้นคิดที่สุดครองแชมป์อันดับหนึ่งทั่วประเทศ นั่นก็คือ
  
 
อันดับที่
 
ข้าวกระเพราไก่+ไข่ดาว
านนี้ได้อันดับหนึ่งมาอย่าง เอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นสม กับเป็นเมนูอาหารสิ้นคิดจริงๆ แล้วทำไมต้องเป็นกระเพราไก่ไข่ดาว???อันนี้คาดว่าเป็นอาหารที่ถูกปากคนไทย ที่สุดด้วยที่ว่ารสชาติออกแนว Hot & Spicyถือเป็นเมนูพื้นฐานที่ทุกร้านอาหารตามสั่งต้องมี และแม่ครัวจะฝีมือชั่วแค่ไหนก็ต้องทำได้อร่อยส่วนใหญ่จะนิยมสั่งกระเพราไก่ และบ่อยครั้งที่คนสั่งมักจะควบไข่ดาวเป็น “กระเพราไก่ไข่ดาว” นัยว่าเป็นคำคล้องจองกันดี เช่น “ป้าๆ กระเพราไก่ไข่ดาว จานนึง” อะไรประมา ณนี้
  

ช็อควงการศัลยกรรม นักร้องสาวตายคามีดหมอ!

 

เมื่อวันที่26พฤศจิกายน สื่อมวลชนจีนต่างพากันรายงานข่าว 'หวางเป่ย' นักร้องผู้โด่งดังจากการประกวด super girl(บางคนไม่รู้จักไม่เป็นไรเราก็ไม่รู้จักเหมือนกัน) ได้เสียชีวิตลงจากการผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้า หลังจากมีข่าวลือทั่วอินเตอร์เน็ตว่านักร้องสาวเสียชีวิตลงแล้ว 

รายงานข่าวระบุว่านักร้องสาวเข้าผ่าตัดกรามที่รพ.จงอ๋าวในเมืองอู่ฮั่นกับ มารดา แต่เมื่อแพทย์ลงมีดบริเวณขากรรไกรของนักร้องสาว กลับไปโดนเส้นเลือดใหญ่ทำให้เลือดไหลออกมามากและปิดหลอดลมทำให้เกิดอาการ สำลัก แม้ว่าทางรพ.จะส่งตัวนส.หวางไปรพ.อื่นแต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตของนักร้องสาว  เอาไว้ได้ ขณะที่มารดาของนส.หวางอยู่ระหว่างการพักฟื้นหลังเข้ารับการผ่าตัดกรามใน รพ.เดียวกัน   

ข่าว การเสียชีวิตของนักร้องสาวจากการทำศัลยกรรม ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตื่นตัวเรื่องมาตรฐานของหมอที่ผ่าตัดศัลยกรรม ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในจีน ซึ่งแต่ละปีมีผู้เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมมากถึง3ล้านคน ขณะที่เพื่อนๆนักร้องสาวบอกว่า หวางเป็นคนสวย ผิวพรรณดี รู้จักแต่งตัว แต่กลับรู้สึกว่าต้องปรับปรุงรูปลักษณ์ตัวเองอีก จึงตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดแต่ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับแพทย์ที่ทำการผ่าตัดนส.หวาง อาจถูกตั้งข้อหาประมาทจนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต 

แฉนาธานอีก หลอกค้ำรถ 'น้ามด'ยันโดนตุ๋น ลั่นแจ้งตร.จับวันนี้





แม่ บุญธรรม 'นาธาน' ลั่นแจ้งความจับอดีตลูกเลี้ยงแน่นอน แฉหลอกน้ามดให้ หาเงินมาให้กว่า 7 แสน ซ้ำร้ายยังให้น้ามด ซึ่งเป็นแม่ค้าขนมมาค้ำประกันรถใหม่ให้อีก เปิดใจรู้สึกผิดเอาหายนะเข้าบ้าน ตอนนี้ตาสว่างแล้ว ฝากกราบขอโทษทุกคน ด้าน'น้ามด'ผู้เสียหายรายล่าสุดโอด 'รักขนาดนี้ยังมาหลอกกันได้' ด้าน'นาธาน'โทร.คุยผู้เสียหายโยนเรื่องเงินให้ไปถามแ ม่เลี้ยง อ้างถูกทำร้ายอย่างเจ็บแสบ 


จากกรณีนางพิสมัย ศรีกะบุตร แม่บุญธรรมของนาธาน โอมาน ประกาศตัดสัมพันธ์นาธาน หลังจากนักร้องดังไปหลอกน้าสาวของตัวเอง ว่าจะนำเงินไปลงทุนทำทัวร์ต่างประเทศ 20 ประเทศ เป็นเงินกว่า 7 แสนบาท มารู้ว่าถูกหลอกเมื่อวันที่ 25 พ.ย. เพราะไม่โอนเงินที่ทำธุรกิจทัวร์กลับมาให้แม้แต่บาทเ ดียว ตามที่ให้สัญญาไว้ 

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 28 พ.ย. นางพิสมัย ศรีกะบุตร แม่บุญธรรมของนาธาน โอมาน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ต้องเรียกว่าแม่บุญธรรมอีกแล้ว เพราะตัดขาดจากการเป็นแม่เลี้ยงของนายโอมานแล้ว ตอนที่มาอยู่ที่บ้านที่เชียงคานก็เริ่มสร้างรีสอร์ต เขาก็ว่า ถ้าสร้างเสร็จก็จะบวชให้แต่ตอนนี้ยังไม่เสร็จ สำหรับน้ามดที่นาธานหลอกเอาเงินไป ชื่อนางสิทธิพร โคตรอุดมพร อายุ 45 ปี มีอาชีพทำขนมขายอยู่ที่ตลาดอำเภอเชียงคาน ตอนนี้หมดเนื้อหมดตัวแล้ว 

"การที่นาธานมาหลอกเอาเงินน้าไปในครั้งนี้ โดยคนร่วมขบวนการเป็นผู้หญิงชื่อ ก้อย ก็ไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้จัก อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ทำทัวร์ต่างประเทศ จะคอยติดต่อมาที่น้ามดให้โอนเงินให้ โดยบอกว่าเงินทัวร์ไม่พอ บัญชีที่โอนเข้าแต่ละครั้งนั้นไม่เหมือนกัน โดยคนที่ชื่อก้อยจะบอกว่านาธานให้โอนเงินให้ และจะส่งเงินมาให้ แต่ตั้งแต่เอาเงินไปก็ไม่มีเงินเข้ามาเลย เคยมีเงินในบัญชีธนาคารกสิกรไทย ก็ถูกหลอกเอาบัตรเอทีเอ็มไปกดเอาเงินในบัญชีไป ต่อมาก็บอกว่าส่งเงินเข้าบัญชีแล้ว ทางน้ามดก็ให้ลูกชายไปกดก็พบว่าไม่มีเงินเข้า มีเงินติดบัญชี 70 กว่าบาทเท่านั้น" นางพิสมัยกล่าว 

นางพิสมัยกล่าวอีกว่า ตอนนี้น้ามดเดือดร้อนหนักที่นาธานหลอกเอาเงินไปทำทัว ร์ จากหนี้สินที่เอาที่ดินไปจำนองส่งให้นาธาน ต้องหาเงินใช้หนี้เดือนละ 8 พันบาท และหนี้รายวันเดือนละ 2,000 บาท และหนี้อื่นๆ อีก ตอนนี้บางวันก็ขายขนม บางวันก็ไม่ได้ขายเพราะหลบเจ้าหนี้มาทวงหนี้ ที่ร้ายกว่านั้นตอนที่นาธานมาอยู่ที่เลย เขาใช้รถยี่ห้อเชฟโรเลต สีดำ ก็เอาไปเทิร์นที่บริษัทในจังหวัดเลย โดยบอกน้ามดว่า ตัวเองเป็นฟรีเซ็นเตอร์ให้บริษัทได้เงินมา 9 แสนบาท รวมกับรถคันเก่าไปเทิร์นรถคันใหม่มาในราคาล้านหกแสน และให้น้ามดเป็นคนค้ำประกัน ต้องผ่อนงวดละเท่าไหร่ไม่รู้ และเมื่อสองสามวันที่ผ่านมาบริษัทก็มาถามในฐานะผู้ค้ ำประกัน โดยรถคันดังกล่าวเป็นรถเชฟโรเลต สีขาว หมายเลขทะเบียน ก.ค.4194 เลย 

"โทร.หานาธานก็บอกว่าอยู่กรุงเทพ คนกรุง เทพถามหาก็บอกว่าอยู่เลย ที่ร้ายอีกอย่างของนาธานคือ โทร.บอกน้ามดว่า จะไปโชว์ตัวในงานที่อำเภอภูเรือ จะต้องตัดชุดใหม่ ขอเงินมา 3 หมื่นบาท น้าก็เชื่อส่งเงินไปให้ ในการติดต่อกันตนเองไม่รู้ มารู้ไม่กี่วันมานี้ ส่วนน้ามดตอนที่ไปยืมเงินมาให้เจ้าของเงินก็บอกว่าระ วังถูกหลอกนะ ตอนแรกน้าไม่เชื่อแต่ตอนนี้เชื่อแล้ว และวันจันทร์นี้จะพาน้าไปแจ้งความแน่นอน" 

วันเดียวกัน รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งดำเนินรายการโดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา และภาษิต อภิญญาวาท ได้หยิบข่าวนาธานขึ้น มานำเสนอ โดยรายงานว่านางพิสมัยให้สัม ภาษณ์ว่า ครอบครัวนางพิสมัยถูกนักร้องหนุ่มหลอกเงินไปเป็นล้าน บาท โดยทำสวนมะม่วงขนาด 21 ไร่ให้เป็นรีสอร์ตให้นักร้องหนุ่มทำมาหากิน ให้บริหารจัดการหลังจากที่ไม่มีงานแสดง โดยตอนแรกตั้งใจว่าจะทำ 10 หลัง โดยลงมือทำไปแล้ว 3 หลัง แต่สิ่งที่เหลืออยู่ของนักร้องหนุ่มคือเหลือไว้เพียง กางเกงในไว้ดูต่างหน้า โดยนักร้องหนุ่มใช้อุบายทำบริษัททัวร์หลอกคนในครอบคร ัว เมื่อก่อนเคยเป็นแม่เลี้ยงของนาธานแต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช ่แล้ว รีสอร์ตทั้งหมดยุติการก่อสร้างไปแล้ว 

นายสรยุทธรายงานอีกว่า นางพิสมัย กล่าวว่าตั้งแต่ 19 ธ.ค.52 ได้นำนักร้องหนุ่มไปพักที่อ.เชียงคาน จ.เลย โดยตั้งใจจะให้เป็นรีสอร์ต โดยตนก็กลับไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพ แต่คอยส่งเงินในการสร้างรีสอร์ตให้กับนักร้องหนุ่มเป ็นระยะ โดยได้ฝากฝังไว้กับน้าสะใภ้คือ นางสิทธิพร โคตรอุดมพร หรือ น้ามด ให้คอยดูแล ตลอดเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีให้ค่าใช้จ่ายทุ กอย่าง ค่าน้ำมัน ค่าบุหรี่หรืออื่นๆ ทั้งที่โดนคนในเชียงคานท้วงติงและเตือนอยู่เสมอว่าอย ่าไปไว้ใจนาธาน 

"พอกลางปีที่ผ่านมา นักร้องหนุ่มเริ่มออกอุบายให้คนในครอบครัวหลงเชื่อ ด้วยการอ้างว่าจะทำธุรกิจทัวร์ โดยจะมีลูกทัวร์แลกเปลี่ยนถึง 20 ประเทศ สามารถจะสร้างกำไรและทำให้อำเภอเชียงคานโด่งดัง ทำให้คนในพื้นที่มีชีวิตที่ดีขึ้น และก็เตรียมติดต่อให้ต่างชาติมาสร้างโรงเรียนนานาชาต ิที่นี่ด้วย ด้วยวาทศิลป์ และอุบาย ประกอบกับคนในครอบครัวก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาก็เลย หลงเชื่อ ประกอบกับรักนักร้องหนุ่ม พ่อกับแม่ตนเชื่อถึงขนาด ขายวัว 6 ตัว ได้เงินมา 5 หมื่นบาท แล้วเอาเงินให้ไปลงทุน" 

พิธีกรรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ได้กล่าวถึงคำสัมภาษณ์ของนางสิทธิพร ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดในครั้งน ี้ว่า หลงจนหัวปักหัวปำ ถึงขั้นเอาบ้านไปจำนองกับธนา คารพร้อมกับขายที่ดินในต่างจังหวัดเอาทองที่สวมติดตั วให้ ไปเปียแชร์ ไปกู้เงินนอกระบบ รวมๆแล้วทั้งสิ้น 7 แสนบาท เงินจำนวนนี้เอาไปให้นักร้องหนุ่ม ซึ่งตอนนี้ต้องแบกรับภาระหนี้สิน โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบเดือนละหลายหมื่นบาท โดยนางสิทธิพรบอกว่า ทุกครั้งที่นาธานบอกให้จ่ายเงินก็จะบอกว่าห้ามไปบอกค นอื่น จนบางครั้งก็เคยทะเลาะกับลูกชายแท้ๆของตัวเองในเรื่อ งนี้ ตอนหลังจึงได้เปิดใจกับครอบครัวในช่วงทอดกฐินที่ผ่าน มา รวมทั้งคำสัญญาที่นักร้องหนุ่มบอกว่าจะโอนเงินให้แต่ สุดท้ายก็ยังไม่เคยได้ รับเงินเลยแม้แต่บาทเดียว รู้สึกเสียใจที่หลงเชื่อคนผิด แต่ตอนนี้ก็ยังรักนาธาน แต่เป็นแบบทั้งรักทั้งแค้น เพราะไม่คิดว่าคนที่ตัวเองให้ความดูแลยิ่งกว่าลูกจะม าทำกับตนได้ขนาดนี้ 

จากนั้นทางรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ได้สัมภาษณ์นางสิทธิพร ซึ่งพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า พยายามที่จะเอาบัตรเอทีเอ็มไปกดดูเงินที่นักร้องบอกว ่าจะส่งมาให้ แต่กดเมื่อไหร่ก็ไม่มีเงินเข้าจนบัตรเอทีเอ็มถูกยึด ก็โทร.หานักร้องหนุ่ม ซึ่งบอกว่าไม่ต้องห่วงจะติดต่อธนาคารแล้วจะส่งบัตรมา ให้ที่บ้าน รอเป็นเดือน 2 เดือน เลยให้ลูกไปทำบัตรใหม่พร้อมกับไปตรวจสอบเงินก็ปรากฏว ่า ไม่มีเงินเข้ามา และยังให้ความช่วยเหลือให้กินให้อยู่ต่อมาเรื่อยๆ 

นางสิทธิพรเผยอีกว่า ต่อมานักร้องก็บอกว่าเงินจะเข้า 3.7 แสน ตนเลยบอกว่าขอเอามาไถ่บ้าน นักร้องหนุ่มบอกว่าโอนเข้าธนาคารออมสินแล้ว พอไปกดดูก็ปรากฏว่า มีเงินแค่ 3,090 บาท โดยทางนักร้องหนุ่มกดเงินตนออกมาหมดเลย และก็มาแน่ใจเมื่อวันที่ 25 พ.ย.นี้ว่าถูกหลอกแน่ๆ ตนเลยติดต่อกลับไปนักร้องหนุ่มก็บอกว่า ทัวร์ล่มแล้ว 

ทางด้านอดีตแม่บุญธรรมของนักร้องหนุ่ม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกผิดที่เอาตัวที่มาสร้างความหายนะเข้ามาที่บ้าน ทำให้คนในครอบครัวมี ปัญหาก็กราบขอโทษทุกๆ คน ตอนนี้ตาสว่างแล้ว อยากจะติดต่อกับพ่อแม่ของนักร้องหนุ่ม เพื่อจะได้พานาธานไปหาหมอ ไปพบจิตแพทย์ เพื่อที่จะรักษา เยียวยาไม่ไปสร้างจินตนาการหลอกลวงคนอื่นอีก 

หลังจากนั้นทางพิธีกรรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ได้แจ้งในรายการว่า ทางนางพิสมัยและนางสิทธิพรที่พยายามโทร.ติดต่อนักร้อ งหนุ่มมาตลอด เพิ่งจะติดต่อได้สำเร็จ ทางผู้สื่อข่าวซึ่งอยู่ตรงนั้นจึงได้เอาไมค์จ่อที่โท รศัพท์ขณะที่นางสิทธิพร และนักร้องหนุ่มสนทนากัน ซึ่งทางนักร้องหนุ่มได้ให้นางสิทธิพรไปถามถึงเรื่องท ี่เกิดขึ้นกับนางพิสมัย เอาเอง ซึ่งได้เอาเงินไปทำบ้าน และนักร้องหนุ่มยังบอกอีกว่า จะต้องเอาคืน เพราะว่าทำร้ายตนแบบเจ็บแสบ สาหัสมาก และขณะที่สนทนานั้น นักร้องหนุ่มพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องเงิน แม้ว่านางสิทธิพรจะพยายามทวง ถาม จนสุดท้ายนักร้องหนุ่มได้ตัดบทสนทนาด้วยการบอกว่าโทร ศัพท์แบตหมด 

ด้านนางสมาน สุขเสริม อายุ 47 ปี แม่บ้านที่เคยนำบ้านไปจำนองเพื่อนำเงินไปให้นาธานยืม จนกลายเป็นคดีฟ้องร้อง กล่าวว่า ได้ทราบข่าวของนาธานทางโทรทัศน์แล้ว สำหรับหนี้สินของตนจนบัดนี้นาธานยังคงค้างอยู่ 1 แสนบาท ซึ่งนายนาธานได้ตกลงกับศาลจังหวัดอำนาจเจริญ คิดว่าถึงอย่างไรนาธานก็ย่อมจะรู้ดีว่า ในวันที่ 30 มี.ค. 2554 เป็นวันสุดท้ายที่จะนำเงินมาชำระหนี้ผ่านศาลจังหวัดอ ำนาจเจริญ ถึงจะเบี้ยวแม่เลี้ยง หรือโกงใครๆ แต่ก็คงไม่กล้าโกงศาล 

"ดูแล้วแม่เลี้ยงเองก็น่าจะรู้ นาธานและแม่เลี้ยงเองก็เก่งพอๆ กัน และคิดว่าน่าจะรู้ดีกว่าใครทั้งหมด ในส่วนของดิฉันเป็นเพียงแม่บ้านเท่านั้น" นางสมานกล่าว 

คำที่ผู้ชายพูด แล้วสาวๆ ปรี๊ดแตก!

   

    เจ้าน้ำตา ขี้โมโห ขี้เหวี่ยง วีนแตก สารพัดอารมณ์ของผู้หญิง
มักถูกกระตุ้นด้วย “คำพูด” จากชายคนรัก

     
       แล้วประโยคไม่เข้าท่าแบบไหนที่คุณแมนๆ ทั้งหลายไม่บังควรพูด หรือแม้แต่จะเปล่งเสียงออกมาล่ะ เพราะมิเช่นนั้นชีวิตของคุณผู้ชายอาจตกอยู่ในสมรภูมิรบอันเดือดดาลด้วยโทสะ ของคุณเธอ ชนิดที่ไม่คาดฝัน แถมหลังจากนั้นต้องตบท้ายด้วยประโยคที่ว่า “รู้งี้ ตูไม่น่าพูดเล้ย”

     
       ประโยค “ ผมไม่เคยคิดเรื่องของอนาคต ” 

       พูดแบบนี้เอาเท้าเปื้อนขี้แมวมาเหยียบหน้ายังไม่โกรธปรี๊ดวีนแตกเท่า อ๋อคบกันเล่นๆ ไม่คิดจริงจัง กะควงเก๋ๆ งั้นเหรอ หน้าเงือกเลือกได้ว่างั้น
     
       คนเรารักกันไม่ให้คิดถึงอนาคตได้ไง บ้าป่าว อย่ามาไร้ความรับผิดชอบ ลักษณะจะฟันโช๊ะอย่างเดียว ไม่คิดจะแต่งงานออกเหย้าออกเรือน มีลูกมีเต้าเลยหรือไง ถ้าคุณได้ผู้ชายเทือกนี้มาครอบครองล่ะก็ บอกลา แล้วจากมาเถอะค่ะ นั่นเท่ากับว่าเขาไม่เคยเห็นคุณค่าในตัวเรา แถมมีหัวไว้แค่กั้นหูเท่านั้น
     
       ประโยค “ ระหว่างพ่อแม่คุณกับผม คุณจะเลือกใคร 
   
   
       โห ไอ้นี่แร้งส์ “พ่อ-แม่” นะคะ ไม่ใช่เชี่ยงชุนกับยาดอง จะได้ให้เลือก ทำไมต้องเลือก หรือในอดีตกาลเขาเคยจ่ายเงินคุณไปโรงเรียนส่งเสียเลี้ยงดู เปลี่ยนผ้าอ้อมป้อนข้าวบดกล้วยให้กินตั้งแต่แบเบาะไม่ทราบ แหมบุญคุณท่วมหัวเลยเนอะ ถึงขนาดต้องเลือกบุพการี กับผู้ชายปากเหม็นขยะแบบนี้
     
       จะมีผู้หญิงปัญญาอ่อนที่ไหนม่ะ “ที่รักจ๋า เค้าเลือกตะเองนะเค้าไม่เลือกพ่อแม่หรอก ถ้าเค้าผิดคำพูดโป้งเค้าเลย” ถ้าเจอญ.หญิงหางกระดิกแบบนี้ ถือว่าเกิดมาดวงสมพงศ์คู่กัน สมกันดั่งหมาขี้เรื้อนกับเห็บโสโครกไงล่ะ
     
        ประโยค “ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ผิด งั้นผมไม่พูดดีกว่า ” 
     
       อ้าว..ซะงั้น คือ จะว่าฝ่ายหญิงไร้สาระไง พูดปากเปียกปากแฉะเท่าไหร่สุดท้ายคุณก็ไม่เคยเชื่อ แต่..ผู้ชายพวกนี้อาจจะไม่รู้ว่าจะโกหกอะไรต่างหากล่ะ เลยทำเป็นนิ่งเพื่อคิดคำแก้ตัว โถ ลูกไม้ตื้นๆ เจอวีนแตกแล้วจะ “หนาววว ใจจะขาดดด”
     
       ขอร้องเหอะท่านชายทั้งหลาย พูดดีกว่าไม่พูด ใช้เหตุผลเคลียร์ปัญหาดีที่สุด อย่าคิดแต่ว่าผู้หญิงมักใช้อารมณ์เป็นตัวตั้ง หากเหตุผลคุณฟังขึ้น ใครเค้าจะไม่เชื่อ อย่างไรเสีย อย่าเผลอหลุดพูดประโยคนี้มาช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เช่นฝ่ายหญิงเจอสายเสื้อในอันเซ็กซี่ที่ไม่ใช่ของตนในรถของฝ่ายชาย แต่ฝ่ายชายกลับตอบว่า “พูดอะไรก็ผิด ไม่พูดดีกว่า” รับรองงานนี้เจอไม้หน้าสามง้างปากให้พูดชัวร์ ฮ่าฮ่า
     
        ประโยค “ นี่หน้าอกหรือไม้กระดานเนี้ย ” 
     
       "เอ่อ ที่รักครับหน่มหน้มหรือฝาขนมครกคร้าบ" มันไม่ตลกเลยนะมุกจกเปรตแบบนี้ คุณผู้ชายหมั่นจำเอาให้เข้าสมองทั้งส่วนหน้า กลาง ท้ายเลยนะ อย่าให้ทะลุหู หรือโพรงจมูกออกมาเหมือนเลือดที่กำลังจะพุ่งเด็ดขาด ประโยคนี้มันบั่นทอนจิตใจสตรีสุดๆ บ้าหรา มานินทารูปร่าง ของสงวน
     
       หรือแม้แต่คำถากถางสัดส่วนอย่างอื่น โห ตูดห้อยย้อยจังขาหนีบก็ด้ำดำ ผิวช่วงบั้นท้ายจะแตกลายงาเซลลูไลท์เยอะไปไหนอ่ะ หยุดเลยค่ะหยุดด่วน ผรุสวาทวาจาเหล่านี้ไม่ฮาแถมพาเซ็ง ตอกย้ำว่า คุณไร้มารยาท ไม่ให้เกียรติผู้หญิง เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวดีกว่ามั้ยคะ
     
        ประโยค “ คุณแน่ใจเหรอ ว่าท้องกับผม ” 
     
       โอ้โห! เจอประโยคเด็ดนี้เข้าไปเล่นเอาวิญญาณ น้อง Anywhere แทบประทับร่าง หน๋อย..แล้วไอ้ที่ป้าบๆ กันทุกคืนนี่ กับตุ๊กตายางไง้ ใช้หัวสมองหรือยืมหัวหน่าวใครคิดฮึ ไปยื่นฟ้องศาลตรวจดีเอ็นเอเลยม่ะ
     
       รู้บ้างไหม ประโยคหางอึ่งน่าทุเรศนี้ มันหมายถึงฝ่ายหญิง “มั่ว” หรือเคยโดนรุมโทรมเลยน่ะ สุดยอดของการไม่ให้เกียรติ เหมือนโดนประณามเป็นนางกากี แม่มาลัยสามชาย อีกทั้งไม่มีแม้แต่ความไว้วางใจในตัวฝ่ายหญิง
     
       ประโยค “ เธอดีเกินไป ” 
     
       อ้าวงานเข้าแล้วไง ชอบคนเลวก็ไม่บอกตูตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องแอ๊บใสซื่อ รู้งี้ จะได้จัดให้ตั้งแต่เดทแรก“อย่าว่างั้นงี้เลยนะตัวเอง เยื่อพรหมจารีย์เค้าขาดตั้งแต่อยู่ม.3 เทอมต้นอ่ะ พอเข้าย่างเข้า 16 เริ่มดมกาว ลักเล็กขโมยน้อยสถานที่ดึงดาวประจำนี่เลยใต้ทางด่วนสลัมคลองเตยอ่ะ โอ้ย!ผู้ชายละแวกนั้นรู้จักเค้าดีทู้กคน ตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย ขอบอกว่าทั่วถึง อ่ะ เค้าเกือบจะได้มงกุฎเพชรของสมาคมสาวล่าแต้มแล้วนะ นี่ตัวเองรู้ไหมตัวเองเป็นคนที่ 990 เหลืออีกคนก็ทะลุเป้าแจ็คพอตแตกแระน้า พูดแล้วเค้าก็ภูมิใจในเกียรติประวัติตัวเอง เขินจัง”
     
       ชอบใช่มั้ยผู้หญิงกเฬวราก ผู้หญิงดีๆไม่ชอบไม่ปลื้มไม่อยากเคียงคู่ เพี้ยง!ขอให้ได้ขอให้เจอ ทางที่ดีไปยืนรอสเปกแบบนี้แถวหน้าคุกอ่ะ เด็ดนักเชียว
     
        ประโยค “ เธอเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม ” 
     
       เปลี่ยนไปตอนไหน และไม่เหมือนเดิมอย่างไร ขยายความด้วย อย่ามาโยนขี้ ขอร้อง! กะใช่ไหม คิดว่าพูดงี้จะพ้นผิดคิดตีตัวออกห่าง เลยหาข้ออ้างว่า เราเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า
     
       แต่อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามย่ามใจ ผู้หญิงเราต้องไตร่ตรองก่อนนะ ว่าที่เขาพูดเรื่องจริงหรือ โกหก หากเป็นจริงดังคำกล่าวอ้าง เราต้องพิจารณาตัวตนอันแท้จริง บางครั้งตัวเราไม่รู้หรอกว่านิสัยของตนเปลี่ยนไป หากเป็นคนอื่นจะดูนิสัยเราออกมากกว่า เราต้องยอมรับและปรับปรุง แต่หากเป็นแค่ข้ออ้างโกหกพกลมหวังชิ่งหาเหยื่อรายใหม่ ก็ปล่อยไปเห๊อะผู้ชายพรรค์นี้เอาไม้ผุๆ เขี่ยก็เจอ
     
        ประโยค “ อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม ” 
     
       เฮ้ย! มันคล้ายกับเราเป็นฝ่ายเริ่มทำให้ปัญหาบานปลายใหญ่โต คิดเล็กคิดน้อย ไม่มีปัญญาคิด ก๊องแก๊งไปวันๆ
     
       ธรรมดาจะตาย คนเราถูกเลี้ยงดูมาต่างกันไม่ว่าหญิงหรือชาย ความคิดย่อมแตกต่างกัน สังคมต่าง การศึกษาต่าง เรื่องใหญ่ของใครบางคนอาจเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วของอีกคน ส่วนเรื่องเล็กของเราอาจเป็นเรื่องใหญ่โตมโหระทึกของใครอีกหลายคนในโลกนี้ก็ ได้ ดังนั้นอย่ามาตัดสินด้วยประโยคแบบนี้
     
       ประโยค “ ใครใช้ให้ทำให้ ทำเองได้ ” 
     
       แหม ทีเมื่อก่อนแทบจะเป็นง่อย ข้าวยังต้องให้ป้อน ดีไม่ต้องเคี้ยวให้ อยากถูกเนื้อสีตัวเราจัง ทีงี้อยากทำเองยุ่งนิดยุ่งหน่อย ถามโน้นนี่บอก“อย่าเจือก”
     
       หากวันใดวันหนึ่งเธอไม่มีฉัน แล้วเธอจะรู้สึก (เอ้มันจะสำนึกหรือมันอาจจะปิดซอยเลี้ยงฉลองโสดหว่า) โดนประโยคเด็ดนี้เข้าไป ผู้หญิงที่ไหนก็ต้องมีน้ำโหทั้งนั้นแหละ สู้อุตส่าห์ทำให้ ถ้าไม่รักไม่ทำให้หรอก ไม่ได้แม้แต่คำขอบคุณ กลับโดนถ้อยคำทำสะอึกแบบนี้อีก ฮือๆ กระซิกๆ งั้นครั้งหน้าโลกสวยด้วยมือเราไปแระกัน เชอะ
     
       ประโยค “ ขออยู่เงียบๆ คนเดียวได้ไหม ” 
     
       วอนตลอดผู้ชายพวกนี้ ตอนคบกันแรกๆ เช้าถึงเย็นถึงโทรศัพท์คุยจ้อพร่ำรักกันจนแบตหมด ไม่แค่นั้น มันรีบไปชาร์ทใหม่หวังคุยต่อ คุยเอ็มกันยันฟ้าสาง เป็นพี่เบิร์ดไง้ “…..ฉันต้องการทบทวนบางอย่าง อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว” สงสัยติสต์จัดจนสติแตก อยากกบาลแยกด้วยเลยไหม จะได้แตกพร้อมกัน
     
       คนรักกันย่อมอยากอยู่ด้วยกัน เห็นหน้าตากันบ้าง โทรจ๊ะจ๋าหากันตลอดเวลา แต่ถึงขั้นอยากแยกตัวอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว แสดงว่า มันต้องมีอะไรแน่ๆ“มีกิ๊ก” หรือ “เป็นโรคซึมเศร้า” หากเป็นอย่างหลังฝ่ายหญิงอย่าโมโหตัวจี๊ดเลยคะ สงสารเค้าเหอะ เค้าเป็นโรค แต่หากเป็นอย่างแรกเตรียมมีดเด็กช่าง กระบี่กระบอง สนับมือ สนับเข่า ไว้เลยคะ แบบนี้มันหยามเกียรติแม่หญิงแห่งบ้านเฮาค่า
     
        ประโยค “ วันนี้ทำไมโทรมจัง แต่งตัวก็ตลก ” 
     
       มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ พูดชั่วอัปราชัย เคยได้ยินบ้างไหมหนุ่มๆ ห้ามเด็ดขาดคำพูดกระแนะกระแหนเสื้อ ผ้า หน้า ผม ของผู้หญิงเพราะมันทำให้พวกชีแทบวิ่งจู้ดตูดแทบขวิดกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าทำผมใหม่ ผู้หญิงด้วยกันทักไม่เท่าไหร่ แต่หากผู้ชายหรือแฟนหนุ่มทักนี่ซิ ขอบอกว่าบรรลัยหน้าแหกสุดๆ
     
       คุณจะพบว่า แฟนสาวคุณจะเดินหน้ามุ่ยทั้งวัน ถามคำตอบคำ นั่นคืออาการ “งอน” โปรดจดไว้ แต่หากชายคนไหนโชคร้ายเจอสาวแรงแห่งศตวรรษโลกของคุณอาจมืดมิดไม่กี่วินาที หลังประโยคข้างต้นจบ!
     
       สุดท้ายไม่ใช่ประโยค แต่ทำเสียง “ จิ๊จ๊ะ ” 
     
       มันไม่ใช่เสียงจิ้งจกร้องทัก แต่มันคือ เสียงของอาการไม่พอใจที่แสดงออกทางเสียงและสีหน้า ไม่มีแม้แต่คำพูดมีแต่เสียงเพียวๆ พร้อมแสดงอาการสีหน้าเซ็งเป็ดอย่างรุนแรงเพื่อให้ฝ่ายหญิงรู้ว่าเขาไม่พอใจ นะ
     
       แทบเสียเซลฟ์ โมโหสุดเหวี่ยง แรงขับทางอารมณ์พุ่งพรวดมหาศาล โหผิดขนาดนั้นเลยไง้เพ่ รู้ไว้เหอะแค่เสียง“จิ๊จ๊ะ” มันทำให้จินตนาการกว้างไกลยิ่งกว่าคำพูดนับร้อยพันคำ มันส่อเจตนาดุ ไม่ชอบขั้นรุนแรง โคะตะระเกลียด ที่เราทำแบบนี้ โถพ่อคุณ พูดออกมาเหอะ กลัวน้ำลายจะไม่บูดไง้ คำเดียวสั้นๆ “ผมไม่ชอบให้คุณทำแบบนี้ เพราะ……” บลา บลา บลา อะไรก็ว่าไปจะดีเสียกว่า “แต่อย่ามาจิ๊จ๊ะให้มันมากไป ตูจะเป็นบ้า เรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่” เคยฟังมั้ยห่ะ


ภาพสวย พร้อมข้อความดี ๆ






















บอลลูน อวดหุ่นฟิตเปรี๊ยะ ขยี้ใจ

ไม่ทิ้งลายเซ็กซี่ บอลลูน อวดหุ่นเซี๊ยะ ขยี้ใจชาย 

        หายหน้าหายตาจากวงการบันเทิงไปพักใหญ่ สำหรับดาราสาว บอลลูน พินทุ์สุดา ตันไพเราะห์ ปล่อยให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่บ่นคิดถึงกันระนาว! แต่กลับมาคราวนี้ สาวบอลลูน ของเราก็ไม่ทำให้หนุ่มๆ ผิดหวังตามเคย เพราะคุณเธอเล่นใส่ชุด ฟิตเปรี๊ยะ อวดหุ่นสุดเซ็กซี่ เร้าใจ! มิน่าล่ะ หัวใจของ บอลลูน พินทุ์สุดา ถึงไม่เคยเว้นว่างสักที มีหนุ่มๆ เข้ามาแวะเวียนขายขนมจีบไม่ขาดสาย!!!
บอลลูน พินทุ์สุดา
บอลลูน พินทุ์สุดา
บอลลูน พินทุ์สุดา
บอลลูน พินทุ์สุดา


ภาพตัดต่อที่เนียนที่สุดในโลก!!!


เขาว่ากันว่าเป็นภาพตัดต่อที่เนียนที่สุดในโลก แต่!! สังเกตุดีๆ มันมีจุดที่ไม่เนียนอยู่ 3 จุดด้วยกัน ลองหากันดูนะครับ ใครหาได้บอกกันด้วยน้าว่าเจอตรงไหนบ้าง


v
v
v
v
v
v
v
v
v





 

โอ้ยช่วยผมด้วย 


ค่ำคว้าดาว เช้าคว้าหมอก ที่ภูทับเบิก





















ค่ำคว้าดาว เช้าคว้าหมอก ที่ภูทับเบิก
จังหวัดเพชรบูรณ์

เพชรบูรณ์ กับคำขวัญงามๆ “ เมืองมะขามหวาน อุทยานน้ำหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง ” เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ขับรถประมาณ 4 ชั่วโมง ก็จะพบกับอากาศของภาคเหนือที่มีความเย็นตลอดปี โดยเฉพาะช่วงเทศกาล เรา

เราใช้เส้นทางจาก กรุงเทพฯด้วยทางหลวงหมายเลข 1 ถึงจังหวัดสระบุรีเลยไปจนถึงสวนพฤกษศาสตร์พุแค ตรงกิโลเมตรที่ 125 แยกขวามือเข้าทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านอำเภอชัยบาดาล และ อำเภอศรีเทพ ตรงไปตลอดมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์
ภูทับเบิก 
ก่อน เดินทางมา ภูทับเบิก ขอให้นักเดินทาง ตรวจสอบสภาพรถ ไม่ว่าจะเป็นน้ำกลั่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และผ้าเบรก ให้เรียบร้อย เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ชัน มากถนนบางช่วงไม่ดี และบางช่วงเป็นดินลูกลัง(กำลังซ่อมแซม) ช่วงทางโค้งหลายๆโค้งจะเป็นโค้งหักศอก

ลุย……. ระหว่างทาง จะพบเห็นรถเสียหม้อน้ำแห้ง รถบางคันต้องใช้บริการรถยกกันเลย แต่เราไม่ ย้อท้อ ต้องไปถึงจุดหมายให้ได้ จนลืมไปว่า เรามากัน 2 คัน พอ เราผ่านโค้งหักศอกแรกที่ชันมาก ได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง ว่า “ ลงมาก่อน รถทีมงานอีกคันโดนชน ” โอ้…..แม่เจ้า จะหาทางกลับรถได้ไหมเอย ถนนโค้งยังกับหุบเขาอากินะ (การ์ตูน / หนัง INITIAL D) แต่ไม่เป็นไร บก.อิฌ เราเก่ง
พอเรามาถึงจุดเกิด เหตุ งงมาก เหตุเพิ่งเกิด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเร็วจริงๆ รถคู่กรณีตกไปไหล่ทาง โชคดีไม่มีใครเป็นอะไร นอกจากรถของเราเสียหายนิดหน่อย สาเหตุเกิดจากชาวม้งผู้ที่ขับรถกระบะสีขาวนี้ พยายามแซงรถทีมงานตรงทางโค้งซึ่งเป็นทางอับ ในขณะที่มีรถตู้ที่สวนลงมา รถกระบะสีขาวจึงหักหลบและเฉียวชนรถของทีมงาน และรถกระบะสีขาวตกข้างทางไป เหตุเกิดเวลา 14.40 น. กว่าจะเคลีย กันก็ปาเข้าไปตั้ง 16.55 น.ขอขอบคุณ พ.ท จีรภัทร และ เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่อำนวยความสะดวกให้กับทีมงาน “เมืองไทย.คอม”


ผลของความประมาท ชาวม้งเจ้าบ้านแท้ๆ…. โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บ
ก่อนถึงยอดภูทับเบิก นั่งลุ้นว่ารถของทีมงานที่โดนชนจะผ่านทางชันของถนน และโค้งหักศอกไปได้หรือไม่ เพราะเป็นครั้งแรกในการขับขึ้นเขา ทุกคนจึงนั่งลุ้นไปเหมือนเดินขึ้นเขาเลยเหนื่อยมาก นึกถึงคนคลอดลูกที่ช่วยกันลุ้นตอนเบ่งคลอด….
เราถึงภูทับเบิก ประมาณ17.20 น. พอลงจากรถ ก็สัมผัสกับความเย็น มีควันออกปาก หายเหนื่อย สวยมาก สวยดังคำล่ำลือ ไม่ใช่เป็นแค่ไร่กระหล่ำปลี แต่นี้คือสวรรค์ของนักเดินทางจริงๆ พอหายจากตะลึง ก็รีบหาที่กางเต็นท์


จุดสูงที่สุดและจุดบริการกางเต็นท์ของภูทับเบิก โดยมองจากยอด Heaven Hill

เราได้ที่ไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่ เพราะเป็นทางไหล่เขาลองลงมาจากจุดชมวิว แต่ตรงนี้วิวสวยมาก เช่นกัน เพราะไม่มีเต็นท์ ผู้ได๋ มาบดบังวิวของเราได้ (ไม่มีใครมากล้าเสี่ยงตายแบบเรา 5 5 5 ) เวลาจะเข้าห้องน้ำต้องเดินขึ้นเขา ประมาณ 100 เมตร แถมตอนนอนก็จะไหลลงมากองกัน ตามแรงโน้นถ่วงโลก ทั้งๆที่เตรียมพื้นก่อนกางเต็นท์แล้วก็ตาม
จุดกางเต็นท์ของเรา… เห็นอย่างนี้ข้างหน้าเป็นหน้าผาสูง

แต่ก็สนุกมากเหมือนเล่นสไลเดอร์ทั้งคืน กว่าจะกางเต็นท์ได้ ก็เกือบ หกโมงเพราะลมแรงมาก เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองรอบข้าง อ้าว………เฮย…..เต็นท์ข้างๆๆ หายไปไหนหมด แล้ว วิว ที่เราเห็นเมื่อกี้หายไปไหน ถนนข้างล่างก็มองไม่เห็น
ที่จริงคือ หมอกลงเต็มไปหมดเลยค่ะ (คิดถึงหนังเรื่อง THE FOG ทันที ) จะเดินไปเข้าห้องน้ำต้องใช้ไฟฉาย ทางเดินก็เป็นทางดินที่ใช้ปลูกกระหล่ำปลีนั้นเอง สนุกจริงๆๆ คืนนี้ไม่อาบน้ำ เอาให้เน่าไปเลยพวกเรา ช่างสนุกเหลือเกินตอนนอนยังมีสไลเดอร์ให้เล่นในเต็นท์อีก นอนไปไหลไป ลุ้นอีกว่า ตื่นมาเราจะไหลกันไปถึงไหนแล้ว
เช้านี้เราตื่นขึ้นมา พร้อมเต็นท์เอียงนิดหน่อยและผ้าคุมเต้นท์ล้มเพราะลมแรง แต่เราต้องรีบตะเกียกตะกาย รีบเดินขึ้นไปดูทะเลหมอกที่จุดสูงสุด เหนื่อยๆๆๆๆๆๆ หายใจแทบไม่ทัน แต่ก็ได้ภาพสวยๆๆมาฝากนะเพื่อนๆ แต่วันนี้โชคไม่เข้าข้างความชื้นไม่พอ แถมมีลมแรง หมอกจึงไม่เกิด ….. เศร้า….


แต่เพื่อนสมาชิกที่ไปก่อนเรา 4-5 วัน โชคดีกว่า พบหมอกสมใจ 
และได้ส่งภาพมาให้ทุกคนชมกัน สวยม่ะค่ะ

เมื่อช่วงเวลาอันน่าประทับใจในช่วงเช้าหมดลง ก็ต้องกลับมาที่เต็นท์ เพื่อทำอาหารเช้า
ทริปนี้ขอขอบคุณ มาม่า “
มาม่า อร่อย ได้ประโยชน์ ” 

ที่สนับสนุนการเดินทาง



มื้อนี้มีเนื้อหมูชิ้นใหญ่ล้วนๆหลายชิ้นแยกมาในซองพิเศษ อร่อยมั๊ก ๆ ที่สำคัญ “มาม่า” ใช้กระดาษเป็นพาชนะห่อหุ้มเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะย่อยสลายในธรรมชาติได้ง่ายกว่า
จากนั้นก็ไปเที่ยววัดป่าทับเบิก โชคดีพบท่านเจ้าอาวาส จึงขอพรกลับมาตามระเบียบ

นอนทับเบิก สัมผัสความหนาว ดูดาวบนดิน เป็นวลีที่รวบรวมจุดเด่นของ ภูทับเบิกมาอย่างลงตัวจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือที่ ภูทับเบิก มีแปลงกะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ปกคลุมไปทั้งขุนเขา ยามกลางคืนนักท่องเที่ยวที่ค้างแรมบนภูทับเบิก สามารถชมดาวบนฟ้าและดูดาวดิน ได้อย่างชัดเจน
** ดาวดิน หมายถึง แสงไฟจากบ้านเรือน ที่จะระยิบระยับเป็นจุดเล็ก ๆ ตอนกลางคืน เมื่อมองจากยอดดอย **
ภูทับเบิก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสำรวจท่องเที่ยวได้ไม่นานนัก แต่ก็สามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่ไปเยือนได้เป็นอย่างมาก จนกลายเป็น 1 ใน UNSEEN THAILAND ที่คุณไม่ควรพลาดการไปเยือน ด้วยระดับความสูง 1,768 จากระดับน้ำทะเลปานกลาง อุณหภูมิที่หนาวเย็นทั้งปีบนยอดภู และไร่กะหล่ำปลี ที่กว้างใหญ่สุดลูกตา กินบริเวณยอดภูหลายลูก


ดอกพญาเสือโคร่ง มีให้ชมเป็นกำไรชีวิตเช่นกัน



มีนั้งร้านบริการนักท่องเที่ยวเพื่อถ่ายภาพกับซากุระเมืองไทย (ดอกพญาเสือโคร่ง)
ภูทับเบิก เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญมากที่หนึ่ง เพราะเป็นจุดรองรับน้ำฟ้ากลางหาว เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2542เวลา 15.59 น. ณ สำนักสงฆ์บ้าน ทับเบิกเพื่อนำไปรวมเป็นน้ำเพชรน้อมเกล้าถวายเป็นพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ใน พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2542 เป็นสถานที่ที่มีเครื่องวัดอุณหภูมิที่ใหญ่ ที่สุดในประเทศไทยและยังเป็นเส้นทางเชื่อมโยงสู่แหล่งท่องเที่ยวและประวัติ ศาสตร์ที่สำคัญ คือ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ชาวบ้านที่ ภูทับเบิก เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง หรือแม้วที่ย้ายถิ่นฐานมาจากทางภาคเหนือ และได้ใช้พื้นที่ปลูกฝิ่นสำหรับจำหน่าย ในปี พ.ศ. 2510 ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้ชักชวนให้ชาวเขาเหล่านี้เข้าร่วมต่อต้านรัฐบาล แต่เมื่อมีการเข้าปราบปรามและชาวบ้านได้เข้ามอบตัวจึงได้มีการจัดตั้งศูนย์ พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2525 โดยชาวบ้านได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีการทำแปลงเกษตรแบบขั้นบันได วิถีชีวิตของชางม้งที่นี่ยังคงมีการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ในทุกๆ ปี จะจัดงานปีใหม่แบบดั้งเดิมและมีการแสดงวัฒนธรรมด้วย



หากต้องการชมดอกกระหล่ำแบบเต็มๆ ต้องมาช่วงตุลาคม-ธันวาคม
ที่ยอดภูทับเบิกจะมีไร่กระหล่ำปลีเต็มไป หมดทุกภูเขา เราสามารถเดินไปดูเก็บกระหล่ำปลี ซึ่งก็เป็นชาวเขาม้งจะขอซื้อมาทานก็ได้ ราคาแสนถูก และสดเหนือคำบรรยายครับและอย่าลืมขับรถไปเที่ยวในเส้นทางหมูบ้าน ที่อยู่ห่างจากยอดทับเบิก 5 กิโลเมตร เส้นทางสายนี้นับว่าวิวสวยมาก มองไปทางซ้ายก็กระหล่ำปลี ขวากระหล่ำปลี เป็นภูเขากระหล่ำปลีเหนือยอดกระหล่ำปีเป็นปุยหมอกจางๆ สวยมาก
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ถึง จังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านตัวเมืองไปถึงประมาณหลักกิโลเมตรที่ 258 กิโลเมตรมีทางแยกให้ท่านเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย 2278 ขับตรงไปประมาณ 10.4 กิโลเมตร จะพบสี่แยก ( ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปพิษณุโลกถ้าเลี้ยวขวาจะไปอำเภอหล่มสัก )ไม่ต้องเลี้ยวให้ขับตรงไปจะเป็นทางหลวงหมายเลข 2372 ตรงไป ประมาณ 12.6กิโลเมตร จากนั้น เลี้ยวซ้ายเข้าถนนทางหลวงหลายเลข 2331 ไปภูทับเบิกขับไปตามเส้นทาง ซึ่งเป็นทางขึ้นเขา ระยะทางประมาณ 17.7 กิโลเมตรรวมโค้งหักศอก ทะแยงขึ้น-ลง ได้ประมาณ 111 โค้ง ระหว่างนี้ท่านจะตื่นเต้นกับธรรมชาติด้านล่างที่สวยงามตลอดเส้นทางเมื่อถึง สามแยกที่มีป้ายอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าและด่านเก็บเงินค่าเยี่ยมชม อุทยาน ให้ท่านเลี้ยวขวาไม่ต้องเข้าไปในอุทยาน แล้วขับตรงไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร
จากนั้นให้เลี้ยวขวาขึ้นไปยังจุดชมวิว ขับไปประมาณ 300 เมตรก็จะถึงลานจอดรถ จากนั้นก็เดินเท้าประมาณ 200 เมตรก็จะถึงจุดชมวิว…ภูทับเบิก
…………ข้างบนภูทับเบิก มีเต็นท์ที่พักให้เช่าสำหรับผู้ที่ต้องการค้างคืน เพื่อสัมผัสความหนาวเย็น หรือต้องการชมทะเลหมอกตอนเช้า โดยท่านที่ต้องการขึ้นไปพักที่นี่ต้องเตรียมเสบียง และน้ำให้พร้อมไว้ด้วยเพราะข้างบนมีร้านค้าไว้บริการท่านไม่มากนักแต่ไม่มี ปัญหาเรื่องห้องน้ำ ห้องท่า ที่พักบนจุดชมวิว ภูทับเบิก สามารถติดต่อขอกางเต็นท์ได้ในวันที่ไปถึงหรือหากต้องการเช่าเต็นท์พร้อม อุปกรณ์นอนก็มีเตรียมสำรองไว้ให้นักท่องเที่ยว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อพี่แซง(ประธาน ศูนย์ท่องเที่ยวหมู่บ้ายทับเบิก) โทร.08-5733-5776,08-9564-5294 (คุณบุญชู), 084-8951826 (คุณจงรัก), 08-9958-1491(คุณเงี่ย) และ 08-1036-1458(คุณซี) นำเต้นท์มาเอง คิดคนละ 30 บาท ค่าห้องน้ำคนละ 3บาทต่อครั้ง

บริเวณกางเต็นท์ที่จุดสูงสุดของภูทับเบิก
นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปพักที่ อบต.วังบาล ซึ่งอยู่ด้านในหมู่บ้านทิวทัศน์สวยงามเช่นเดียวกัน มีบ้านพัก มี 3 หลังๆ ละ 800 บาท พักได้ 8คนเช่าเต็นท์ หลังละ 200 บาทนำเต็นท์มาเอง คิดคนละ 30 บาท ติดต่อ โทร08-1474 1825, 056-747532
บ้านพักสถานีอนามัยทับเบิก ที่อยู่ :ภูทับเบิก 16 หมู่ 16 ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ โทร :08-9271-5178,08-1045-4257, 08-9879-2029 จำนวนที่พัก 5 ห้อง, ราคา1,500 บาท




ติดตาม เรื่องแปลก ใหม่ ตลก สนุก เซ็กซี่ sexy น่าสนใจอื่น ๆ หรือแวะมาทักทายกัน ได้ที่
www.facebook.com/somphon http://gplus.to/somphon www.twitter.com/samaphon www.facebook.com/somphon.me http://samaphon.blogspot.com/

          ขอขอบคุณที่มา : email