เรื่องแปลก ใหม่ น่าสนใจ ข่าวสาร บันเทิง สนุก เซ็กซี่ sexy ที่คุณ อยากรู้ ที่นี่ครับ ^^
ผู้ชายที่สวยที่สุดในโลก ! น้องปอยยังต้องชิดซ้าย?
ผู้ชายที่สวยที่สุดในโลก....ลูกครึ่งเกาหลีเชื้อชาติอเมริกัน โยมีคิม ฮันเตอร์
แผนที่โลกใหม่ หลังน้ำท่วมโลก เป็นไปได้จริงหรือ?
นายกอร์ดอน ไมเคิล สคัลเลียน
แผนที่โลกใหม่ หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
แผนที่ประเทศไทยหลังจากปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ.2555)
เรื่องที่กลายเป็นประเด็นสาธารณะ และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางที่สุดใน พ.ศ.นี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง " น้ำท่วมโลก" ที่จะกลายเป็น " วันสิ้นโลก" ตามที่มีผู้เคยทำนายทายทักไว้ว่า จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ.2012 ผนวกกับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มนุษย์โลกได้เผชิญกับสัญญาณเตือนภัยจากธรรมชาติที่ทว ีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ๆ ก็ยิ่งทำให้คนตื่นตระหนกกับ "วันสิ้นโลก" มากขึ้นเป็นเท่าตัว ฉะนั้น แล้ว จึงไม่แปลก หากคนจะกลับมาพูดถึงเรื่อง " แผนที่โลกใหม่" ( Future Map of the World) ที่เคยมีผู้ทำนายเอาไว้ล่วงหน้า ว่าจะเหลือประเทศใดบ้างหลังผ่านเหตุการณ์ภัยพิบัติขอ งโลก ในปี ค.ศ. 2012 ไปแล้ว
และผู้ที่ทำนายเรื่อง " แผนที่โลกใหม่" ไว้ก็คือ นายกอร์ดอน ไมเคิล สคัลเลียน ชายชาวอเมริกันซึ่ง เคยเกือบเสียชีวิตไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่กลับฟื้นขึ้นมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลังจากนั้น เขาก็อ้างว่าได้รับพรสวรรค์เรื่องการหยั่งรู้อนาคต และยังเคยทำนายเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ถูกต้องหลายครั ้ง เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวในลอสแองเจอลิส แคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 22 เมษายน ค.ศ.1992 (พ.ศ.2535), เหตุการณ์แผ่นดินไหวในแลนเดอร์ส (Landers) และ บิ๊กแบร์ (Big Bear) แคลิฟอร์เนีย เมื่อ 17 มกราคม ค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) รวมทั้งแผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ.1995 (พ.ศ.2538) เป็นต้น
สำหรับเรื่อง "น้ำท่วมโลก" นั้น นายกอร์ดอน บอกว่า ตนได้มองเห็นตัวเองอยู่สูงขึ้นไปในอวกาศ แล้วมองกลับลงมาบนโลกเห็นแผนที่ใหม่ของโลก จนเมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายปี เขาก็ยังเห็นภาพเดิม ๆ อีก จึงได้สร้างแผนที่โลกใหม่ หรือ Future Map Of The World ขึ้นมา เมื่อปี ค.ศ.1978 (พ.ศ.2521) และจัดพิมพ์ในปี ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525) โดยระบุว่า จะเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติใหญ่ ๆ ในโลกระหว่างปีค.ศ. 1998-2012 ( พ.ศ. 2541-2555) ทั้งแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด รวมไปถึงเหตุการณ์น้ำท่วมโลก จนทำให้หลายประเทศหายไปจากแผนที่โลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะประเทศที่เป็นเกาะอยู่แล้วจะจมน้ำทั้งหมด และมีประชากรหลงเหลือเพียงแค่ 10% เท่านั้น
และเมื่อพิจารณา "แผนที่โลกใหม่" ของนายกอร์ดอนแล้ว จะเห็นได้ว่า แต่ละทวีปเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดย
ทวีปเอเซีย หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
ทวีปเอเชีย
ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะอยู่ในแนว "วงแหวนแห่งไฟ" และเขตรอยต่อของเปลือกโลก นายกอร์ดอน ทำนายไว้ว่า จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่ประเทศฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่นไล่ขึ้นไปถึงทะเลแบริ่งที่เป็นช่องแคบอยู่ระหว่างรัฐ อะแลสกา กับประเทศรัสเซีย ทำให้เกาะของประเทศญี่ปุ่นจมทั้งหมด เหลือเพียง 2-3 เกาะเล็ก ๆ เท่านั้น เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ที่จะถูกน้ำกลืนไปทั้งหมด
ส่วนไต้หวัน และเกาหลีส่วนใหญ่จะจมหายไปในทะเลด้วย ขณะที่แนวฝั่งของประเทศจีนจะเลื่อนเข้าไปในแผ่นดินอี กหลายร้อยไมล์ ด้านอินโดนีเซียจะเกิดเกาะใหม่ ๆ ขึ้นมาแต่เกาะที่มีอยู่ก่อนหน้าก็จะจมหายไปด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากแผ่นเปลือกโลกที่เคลื่อนตัว ทำให้เกิดการมุดตัว ยกตัวของแผ่นดิน
สำหรับประเทศไทย นายกอร์ดอน ทำนายไว้ว่า จะเหลือเพียงแค่ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วน และภาคกลางตอนบนเท่านั้น จังหวัดนครราชสีมาชัยภูมิ เพชรบูรณ์ พิจิตรพิษณุโลก สุโขทัย ตาก จะกลายเป็นชายฝั่งทะเล ขณะที่จังหวัดที่ติดกับแม่น้ำโขง คือ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร นครพนม หนองคาย จะจมทะเลไปหมด และแม่น้ำโขงจะเปลี่ยนเป็นทะเลไปด้วย
ขณะที่ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก ภาคใต้ รวมทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ จะถูกน้ำท่วมจมหายไปจนหมดเช่นกัน
ทวีปออสเตรเลีย หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
ทวีปออสเตรเลีย
ประเทศออสเตรเลียจะสูญเสียแผ่นดินไปประมาณ 25% เพราะน้ำท่วมชายฝั่งเกือลหมด และจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาที่นอกชายฝั่งที่บริเวณช่อ งแคบบาสส์เชื่อมกับเกาะ ทาสเมเนีย ส่วนประเทศนิวซีแลนด์ จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะเกิดจากการยกตัวของแผ่นดินที่เป็นผลมาจากการระเ บิดของภูเขาไฟ และมีแผ่นดินบางส่วนเชื่อมต่อกับประเทศออสเตรเลียด้ว ย
ประเทศออสเตรเลียจะสูญเสียแผ่นดินไปประมาณ 25% เพราะน้ำท่วมชายฝั่งเกือลหมด และจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาที่นอกชายฝั่งที่บริเวณช่อ งแคบบาสส์เชื่อมกับเกาะ ทาสเมเนีย ส่วนประเทศนิวซีแลนด์ จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะเกิดจากการยกตัวของแผ่นดินที่เป็นผลมาจากการระเ บิดของภูเขาไฟ และมีแผ่นดินบางส่วนเชื่อมต่อกับประเทศออสเตรเลียด้ว ย
ทวีปยุโรป หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
ทวีปยุโรป
ประเทศฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์กจะถูกน้ำท่วม เหลือเพียงเกาะเล็ก ๆ น้อย ๆ นับร้อยเกาะ ขณะที่สหราชอาณาจักร ตั้งแต่สกอตแลนด์จนถึงช่องแคบจะจมหายไปในทะเลทั้งหมด เหลือเพียง 2-3 เกาะเล็ก ๆ เท่านั้น
ประเทศรัสเซียจะแยกตัวออกจากทวีปยุโรป เพราะทะเลสาบแคสเปียน ทะเลดำ ทะเลคารา ทะเลบอสติก จะมารวมเข้าไว้ด้วยกัน กลายเป็นทะเลขนาดใหญ่แห่งใหม่ ถูกแบ่งด้วยเทือกเขาอูราล ยาวไปถึงแม่น้ำเยนิเซในไซบีเรีย ตรงนี้อุณหภูมิจะอบอุ่นขึ้น กลายเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ในอนาคต
ประเทศบัลแกเรีย และโรมาเนียจะจมอยู่ใต้น้ำ เพราะทะเลดำขยายตัวไปรวมกับทะเลทางตอนเหนือ ประเทศฝรั่งเศสจมน้ำทั้งหมด เหลือแค่เกาะในกรุงปารีส และเกิดทางน้ำใหม่แยกประเทศสวิตเซอร์แลนด์ออกจากประเ ทศฝรั่งเศส ส่วนประเทศอิตาลี ซึ่งมีพื้นที่ต่ำอยู่แล้วจะจมน้ำทั้งหมด ยกเว้นนครรัฐวาติกันที่อยู่ที่สูงจะปลอดภัย และแผ่นดินสูง ๆ จะกลายเป็นเกาะ เกิดแผ่นดินใหม่ทอดยาวจากเกาะซิซิลิไปจนถึงเกาะซาร์ด ิเนีย
นอกจากนี้ นายกอร์ดอน ยังทำนายด้วยว่า จะเกิดสงครามศาสนาในดินแดนโปแลนด์ เรื่อยไปถึงตุรกี แต่สงครามจะยุติลงด้วยความบริสุทธิ์ของแผ่นดินโดยไฟแ ละน้ำ ขณะที่ตุรกีด้านตะวันตกจะจมอยู่ในน้ำ เกิดแนวชายฝั่งใหม่จากเมืองอีสตันบูลถึงไซปรัส ส่วนใหญ่ของสมรภูมิในสงครามโลกครั้งที่สองจมลงสู่ใต้ ทะเล ก่อให้เกิดเกาะเล็ก ๆ ขึ้น
ประเทศฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์กจะถูกน้ำท่วม เหลือเพียงเกาะเล็ก ๆ น้อย ๆ นับร้อยเกาะ ขณะที่สหราชอาณาจักร ตั้งแต่สกอตแลนด์จนถึงช่องแคบจะจมหายไปในทะเลทั้งหมด เหลือเพียง 2-3 เกาะเล็ก ๆ เท่านั้น
ประเทศรัสเซียจะแยกตัวออกจากทวีปยุโรป เพราะทะเลสาบแคสเปียน ทะเลดำ ทะเลคารา ทะเลบอสติก จะมารวมเข้าไว้ด้วยกัน กลายเป็นทะเลขนาดใหญ่แห่งใหม่ ถูกแบ่งด้วยเทือกเขาอูราล ยาวไปถึงแม่น้ำเยนิเซในไซบีเรีย ตรงนี้อุณหภูมิจะอบอุ่นขึ้น กลายเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ในอนาคต
ประเทศบัลแกเรีย และโรมาเนียจะจมอยู่ใต้น้ำ เพราะทะเลดำขยายตัวไปรวมกับทะเลทางตอนเหนือ ประเทศฝรั่งเศสจมน้ำทั้งหมด เหลือแค่เกาะในกรุงปารีส และเกิดทางน้ำใหม่แยกประเทศสวิตเซอร์แลนด์ออกจากประเ ทศฝรั่งเศส ส่วนประเทศอิตาลี ซึ่งมีพื้นที่ต่ำอยู่แล้วจะจมน้ำทั้งหมด ยกเว้นนครรัฐวาติกันที่อยู่ที่สูงจะปลอดภัย และแผ่นดินสูง ๆ จะกลายเป็นเกาะ เกิดแผ่นดินใหม่ทอดยาวจากเกาะซิซิลิไปจนถึงเกาะซาร์ด ิเนีย
นอกจากนี้ นายกอร์ดอน ยังทำนายด้วยว่า จะเกิดสงครามศาสนาในดินแดนโปแลนด์ เรื่อยไปถึงตุรกี แต่สงครามจะยุติลงด้วยความบริสุทธิ์ของแผ่นดินโดยไฟแ ละน้ำ ขณะที่ตุรกีด้านตะวันตกจะจมอยู่ในน้ำ เกิดแนวชายฝั่งใหม่จากเมืองอีสตันบูลถึงไซปรัส ส่วนใหญ่ของสมรภูมิในสงครามโลกครั้งที่สองจมลงสู่ใต้ ทะเล ก่อให้เกิดเกาะเล็ก ๆ ขึ้น
ทวีปแอฟริกา หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
ทวีปแอฟริกา
ทวีปแอฟริกาจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยมีแม่น้ำไนล์ซึ่งกว้างกว่าเดิมมากเป็นตัวแบ่งเขต โดยแม่น้ำไนล์นี้จะวางอยู่ในรูปตัว Y ของกลางทวีป และไหลผ่านเส้นทางใหม่ คือ ไหลจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตรงปากแม่น้ำไนล์ ผ่านประเทศซูดานและมีต้นกำเนิดแม่น้ำอยู่ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้
ขณะที่ทะเลแดง ซึ่งอยู่ตอนเหนือของทวีปจะขยายกว้างขึ้น ทำให้กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ และเกาะมาดากัสการ์เกือบทั้งหมดจมลงสู่ทะเล ทะเลสาบวิคทอเรียจะรวมเข้ากับทะเลสาบนยาซาไหลลงสู่มห าสมุทรอินเดีย
นอกจากนี้ ยังมีแผ่นดินใหม่เกิดขึ้นในทะเลอาหรับ บริเวณตอนใต้ของประเทศโอมาน และยังมีแผ่นดินขนาดใหญ่เกิดขึ้นบริเวณทางเหนือและตะ วันตกของเมืองเคปทาวน์ ด้วย
ทวีปอเมริกาเหนือ
อ่าวฮัดสันในประเทศแคนาดาจะขยายตัวออกกลายเป็นทะเลปิ ดในประเทศ พื้นดินบริเวณชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือจะต้องถอยร่นเ ข้ามาในแผ่นดินอีก 200 ไมล์ เพราะพื้นที่เก่าถูกน้ำท่วมไปจนหมด ส่วนชาวเมืองที่อาศัยแถบบริติชโคลัมเบีย และอะแลสกาจะต้องอพยพมาอยู่ในควิเบก ออนตาริโอ มานิโตบา ซาสแกนเซวัน แอลเบอร์ตา จะกลายเป็นศูนย์กลางผู้ที่รอดพ้นหายนะระหว่างการเปลี ่ยนแปลงในตอนต้น
ส่วนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นท ี่แรกของโลก โดยแผ่นทวีปอเมริกาเหนือจะเกิดการโก่งตัว เกิดหมู่เกาะแคลิฟอร์เนียขึ้นอีก 150 เกาะ ต่อมาแผ่นเปลือกโลกแผ่นหนึ่งที่มุดตัวลงไปใต้อีกแผ่น หนึ่ง จะทำให้เกิดแนวโก่งตัวและรอยแยก นำไปสู่อุทกภัย ทำให้ ฝั่งทะเลด้านตะวันตกหดลงไปทางตะวันออกสู่รัฐเนเบรสกา ไวโอมิง และโคโลราโด ส่วนทะเลสาบ เกรทเลค (ประกอบด้วยทะเลสาบสุพิเรีย, ฮูรอน, มิชิแกน, อิรี และออนแตริโอ) และแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์จะเชื่อมต่อเข้ากับแม่น้ำมิสซิ สซิปปี้ไหลลงสู่อ่าว
ขณะที่ประเทศเม็กซิโก น้ำจะท่วมจากชายฝั่งเข้ามาในแผ่นดิน ทำให้คาบสมุทรแคลิฟอร์เนียกลายเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เ กาะ พื้นที่ส่วนใหญ่ของยูคาทาน พีนิซูลาจะหายไปในทะเล และจะเกิดภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว ต่อเนื่องยาวนานถึง 25 ศตวรรษ
ประเทศในอเมริกากลางและแคริบเบียนจะเกิดอุทกภัย จำนวนเกาะลดลงจะมีเส้นทางน้ำใหม่เกิดขึ้นจากอ่าวฮอนดูรัสไปออกที่เ อลซัลวาดอร์ ส่วนคลองปานามาจะกลายเป็นคลองตัน
ทวีปอเมริกาใต้
เนื่องจากมีหลายประเทศอยู่ในพื้นที่ "วงแหวนแห่งไฟ" ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทวีปอเมริกาใต้มากไม่แพ้ท วีปเอเชีย โดยจะเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดในประเทศเวเนซุเ อลา โคลัมเบียและบราซิล จะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในลุ่มน้ำอะเมซอนที่ประเทศเปร ู และโบลิเวีย กลายเป็นทะเลในภายในทวีป ส่วนประเทศซานวาดอร์ เซาเปาโล ริโอดอร์จาเนโร และบางส่วนของ อุรุกวัย จะจมหายไปในทะเล
ส่วนเมืองซัลวาดอร์ เซาเปาโล ริโอเดอร์จาเนโร ของประเทศบราซิล และบางส่วนของประเทศอุรุกวัยจะจมหายไปในทะเล ขณะที่ประเทศอาร์เจนตินาจะเกิดทะเลปิดขึ้นในตอนกลางข องประเทศ และยังเกิดแผ่นดินขนาดใหญ่ทางตะวันตกของทวีป บริเวณประเทศชิลีรวมทั้งเกิดทะเลปิดขึ้นในบริเวณนั้นอีกแห่งด้วย
ดูจากคำทำนายของนายกอร์ดอนที่ระบุไว้เป็น "แผนที่โลกใหม่" นี้ ก็คงต้องยอมรับว่า หากเป็นจริงคงจะน่ากลัวไม่น้อย แต่ ณ วันนี้ เราก็ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะนี่เป็นเพียงคำทำนายเท่านั้น ฉะนั้นแล้ว โปรดใช้ดุลพินิจในการไตร่ตรองคำทำนายต่าง ๆ จะดีที่สุดค่ะ
ทวีปแอฟริกาจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยมีแม่น้ำไนล์ซึ่งกว้างกว่าเดิมมากเป็นตัวแบ่งเขต โดยแม่น้ำไนล์นี้จะวางอยู่ในรูปตัว Y ของกลางทวีป และไหลผ่านเส้นทางใหม่ คือ ไหลจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตรงปากแม่น้ำไนล์ ผ่านประเทศซูดานและมีต้นกำเนิดแม่น้ำอยู่ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้
ขณะที่ทะเลแดง ซึ่งอยู่ตอนเหนือของทวีปจะขยายกว้างขึ้น ทำให้กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ และเกาะมาดากัสการ์เกือบทั้งหมดจมลงสู่ทะเล ทะเลสาบวิคทอเรียจะรวมเข้ากับทะเลสาบนยาซาไหลลงสู่มห าสมุทรอินเดีย
นอกจากนี้ ยังมีแผ่นดินใหม่เกิดขึ้นในทะเลอาหรับ บริเวณตอนใต้ของประเทศโอมาน และยังมีแผ่นดินขนาดใหญ่เกิดขึ้นบริเวณทางเหนือและตะ วันตกของเมืองเคปทาวน์ ด้วย
ทวีปอเมริกาเหนือ
อ่าวฮัดสันในประเทศแคนาดาจะขยายตัวออกกลายเป็นทะเลปิ ดในประเทศ พื้นดินบริเวณชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือจะต้องถอยร่นเ ข้ามาในแผ่นดินอีก 200 ไมล์ เพราะพื้นที่เก่าถูกน้ำท่วมไปจนหมด ส่วนชาวเมืองที่อาศัยแถบบริติชโคลัมเบีย และอะแลสกาจะต้องอพยพมาอยู่ในควิเบก ออนตาริโอ มานิโตบา ซาสแกนเซวัน แอลเบอร์ตา จะกลายเป็นศูนย์กลางผู้ที่รอดพ้นหายนะระหว่างการเปลี ่ยนแปลงในตอนต้น
ส่วนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นท ี่แรกของโลก โดยแผ่นทวีปอเมริกาเหนือจะเกิดการโก่งตัว เกิดหมู่เกาะแคลิฟอร์เนียขึ้นอีก 150 เกาะ ต่อมาแผ่นเปลือกโลกแผ่นหนึ่งที่มุดตัวลงไปใต้อีกแผ่น หนึ่ง จะทำให้เกิดแนวโก่งตัวและรอยแยก นำไปสู่อุทกภัย ทำให้ ฝั่งทะเลด้านตะวันตกหดลงไปทางตะวันออกสู่รัฐเนเบรสกา ไวโอมิง และโคโลราโด ส่วนทะเลสาบ เกรทเลค (ประกอบด้วยทะเลสาบสุพิเรีย, ฮูรอน, มิชิแกน, อิรี และออนแตริโอ) และแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์จะเชื่อมต่อเข้ากับแม่น้ำมิสซิ สซิปปี้ไหลลงสู่อ่าว
ขณะที่ประเทศเม็กซิโก น้ำจะท่วมจากชายฝั่งเข้ามาในแผ่นดิน ทำให้คาบสมุทรแคลิฟอร์เนียกลายเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เ กาะ พื้นที่ส่วนใหญ่ของยูคาทาน พีนิซูลาจะหายไปในทะเล และจะเกิดภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว ต่อเนื่องยาวนานถึง 25 ศตวรรษ
ประเทศในอเมริกากลางและแคริบเบียนจะเกิดอุทกภัย จำนวนเกาะลดลงจะมีเส้นทางน้ำใหม่เกิดขึ้นจากอ่าวฮอนดูรัสไปออกที่เ อลซัลวาดอร์ ส่วนคลองปานามาจะกลายเป็นคลองตัน
ทวีปอเมริกาใต้
เนื่องจากมีหลายประเทศอยู่ในพื้นที่ "วงแหวนแห่งไฟ" ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทวีปอเมริกาใต้มากไม่แพ้ท วีปเอเชีย โดยจะเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดในประเทศเวเนซุเ อลา โคลัมเบียและบราซิล จะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในลุ่มน้ำอะเมซอนที่ประเทศเปร ู และโบลิเวีย กลายเป็นทะเลในภายในทวีป ส่วนประเทศซานวาดอร์ เซาเปาโล ริโอดอร์จาเนโร และบางส่วนของ อุรุกวัย จะจมหายไปในทะเล
ส่วนเมืองซัลวาดอร์ เซาเปาโล ริโอเดอร์จาเนโร ของประเทศบราซิล และบางส่วนของประเทศอุรุกวัยจะจมหายไปในทะเล ขณะที่ประเทศอาร์เจนตินาจะเกิดทะเลปิดขึ้นในตอนกลางข องประเทศ และยังเกิดแผ่นดินขนาดใหญ่ทางตะวันตกของทวีป บริเวณประเทศชิลีรวมทั้งเกิดทะเลปิดขึ้นในบริเวณนั้นอีกแห่งด้วย
ดูจากคำทำนายของนายกอร์ดอนที่ระบุไว้เป็น "แผนที่โลกใหม่" นี้ ก็คงต้องยอมรับว่า หากเป็นจริงคงจะน่ากลัวไม่น้อย แต่ ณ วันนี้ เราก็ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะนี่เป็นเพียงคำทำนายเท่านั้น ฉะนั้นแล้ว โปรดใช้ดุลพินิจในการไตร่ตรองคำทำนายต่าง ๆ จะดีที่สุดค่ะ
ขอคารวะ “ฟุกุชิมะ 50” วีรบุรุษญี่ปุ่น ยับยั้ง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด
นับตั้งแต่เกิดเหตุ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ (ปรมาณู) ที่ ฟุกุชิมะ ( Fukushima ) เป็นต้นมา ซึ่งเป็นผลพวงจากเหตุ แผ่นดินไหว และ ซึนามิ (Tsunami) ครั้งร้ายแรง ก็กลายเป็นความหวาดหวั่นตามมาว่ากัมมันตภาพรังสี จะรั่วไหล พัดปลิว กระจายไปทั่วประเทศ ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ประเทศใกล้เคียง ณ วันนี้ยังคงมีการติดตามต่อไปว่า จะยับยั้งการระเบิดของ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่เหลือที่ ฟุกุชิมะ ได้หรือไม่
แต่เกิดเหตุการณ์ตั้งแต่ 16 มีนาคม เป็นต้นมา คุณทราบหรือไม่ว่า ได้มีกลุ่ม วีรบุรุษ ที่ผลัดเวรเข้าไปดูแลสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งได้ชื่อว่าเสี่ยงตายที่สุด ทั้งรังสีความเข้มข้นสูง ความร้อนสูง และเสี่ยงเหตุระเบิด
พวกเขาคือ ฟุกุชิมะ 50 ( Fukushima 50 ) ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคล 50 คนที่ไม่เปิดเผยชื่อต่อสื่อ ประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร นักดับเพลิง คนงานโรงงานไฟฟ้า
ด้วยเหตุที่มนุษย์ไม่สามารถทนต่อ กัมมันภาพรังสี ระดับเข้มข้นเช่นนี้ได้เกินกว่า 15 นาที จึงต้องอาศัยวีรบุรุษ นี้ทั้ง 50 คน สลับสับเปลี่ยนเวรยามกัน ในการเข้าควบคุมดูแล และใส่ชุดคลุม (เหมือนชุดมนุษย์อวกาศ คลุมหัวจนเท้า) ถุงมือหุ้มสามชั้น แต่อย่างไรก็ตาม รังสิแกมม่า ที่ปล่อยออกมาจากการรั่วไหลด้วยแรงระเบิดครั้งนี้มีความเข้มข้นมากกว่า กัมมันตภาพรังสี ปกติที่ทำให้เกิดมะเร็งถึง 4 เท่า และชุดเหล่านี้ไม่สามารถปกป้องรังสีความเข้มข้นแบบนี้ได้เท่าไหร่นัก
ทางทีมผู้ควบคุมกล่าวว่า Retreat is unthinkable “คำว่าถอย ไม่เคยมีในหัวสมอง” ยามนี้ พวกเขาต้อง ปกป้องชีวิตอันมีค่าของประชาชนชาว ญี่ปุ่น ด้วยกันเสียก่อน การเสียสละชีวิตของคนกลุ่มนี้เป็นไปโดยสมัครใจ
ซึ่งในขณะนี้ ประชาชนโดยรอบ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ ฟุกุชิมะ ได้เคลื่อนย้ายอพยพออกห่างไปในรัศมี 12 ไมล์ แล้ว และในระยะ 12-19 ไมล์ ประชาชนต้องอยู่ในพื้นที่ในบ้านเท่านั้น ห้ามออกจากบ้าน ซึ่งก็หมายความว่ามีแค่กลุ่ม ฟุกุชิมะ 50 ดังกล่าวที่เท่านั้น ที่ยังเสี่ยงตายอยู่ในพื้นที่
ภรรยาคนหนึ่งของ บุคคลในกลุ่ม ฟุกุชิมะ 50 กล่าวว่า สามีของเธอวุ่นวายกับภารกิจนี้มากเสียจนไม่มีเวลาพูดคุยอะไรกับเธอมากนัก เธอหวังเพียงแค่ให้งานสำเร็จ และให้สามีของเธอปลอดภัย
แม้ ญี่ปุ่น จะประสบเคราะห์กรรม สึนามิ แผ่นดินไหว แต่เราก็ได้เห็นพฤติกรรม ความเป็นระเบียบในการเข้าแถวรับถุงยังชีพการช่วยเหลือ และเราก็ยังได้เห็นการเสียสละชีพเพื่อส่วนรวมของ ฟุกุชิมะ 50วีรบุรุษ ที่เสี่ยงตาย ปิดทองหลังพระ สื่อไม่มีโอกาสได้ทราบชื่อของพวกเขาด้วยซ้ำ
สำนัก ข่าวต่างประเทศ เปิดเผยรายงานว่า คนงานภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิม่า หมายเลข 1 จำนวน 50 คน หรือที่เรียกว่า ฟูกูชิม่า 50 ได้ยอมรับชะตากรรมของพวกเขา ซึ่งหนึ่งในคนงาน ที่กำลังปฏิบัติภารกิจหยุดวิกฤตินิวเคลียร์ บอกว่า พวกเขายอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น
โดยภารกิจนี้ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อาจเรียกได้ว่า เป็นภารกิจพลีชีพ เนื่องจากตอนนี้ ระดับ ของสารกัมมันตรังสีภายในโรงไฟฟ้า ได้เข้าสู่ระดับที่อาจทำให้คนงานเสียชีวิตในทันที หรือไม่ก็อาจทำให้พวกเขาล้มป่วยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยชุดที่พวกเขาสวมใส่ ป้องกันการปนเปื้อนกัมมันตรังสีได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อย่าง ไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยว่า 50 คน นี้เป็นใครบ้าง แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ฟูกูชิม่า 50 จริงๆ แล้วน่าจะมีคนงานรวม 200 คน ผลัดเปลี่ยนกันทำงานเป็น 4 กะ และคิดว่าทั้งหมดเป็นช่างเทคนิค และเจ้าหน้าที่ ที่รู้เรื่องโรงไฟฟ้าแห่งนี้ดี อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นผู้สูงวัยที่มีลูกแล้ว เพราะการเผชิญกับสารกัมมันตรังสี อาจเสี่ยงต่อการเป็นหมันได้
ฟูกูชิม่า 50 เสียสละทำงานเพื่อส่วนรวม หลังจากเพื่อนร่วมงาน 700 คน ถอนตัวออกไป เมื่อพบว่าระดับสารกัมมันตรังสีอันตรายเกินไป
ทั้ง นี้ ชาวญี่ปุ่นต่างสรรเสริญในความกล้าหาญ และยกยองพวกเขาเป็นวีรบุรุษ โดย Fukuda Kensuke ที่อาศัยอยู่ในโตเกียวกล่าวว่า “พวกเขาเสียสละตัวเองเพื่อคนญี่ปุ่น ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆสำหรับผู้ที่ยังคงทำงานที่นั่น”
เราขอให้ภารกิจของพวกเราสำเร็จลงด้วยดี และปลอดภัยทุกประการ ขอคารวะ “ใจ” ของคนญี่ปุ่นครับ
อันนี้ข่าวSerch จาก Guru ของ Google เพื่อประกอบข้อมูลเพิ่มค่ะ ..!!
แต่ ในขณะที่การเอาชีวิตรอด คือสิ่งที่ผู้คนที่อยู่ในเมืองฟุกุชิมะต้องทำอย่างเร่งด่วน ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่หวาดกล้วอันตรายใด ๆ ของสารกัมมันตรังสีที่แพร่กระจายไปทั่วบริเวณแม้แต่น้อย พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ในฟุกุชิมะ ท่ามกลางสารกัมมันตรังสีเข้มข้นที่พร้อมจะคร่าชีวิตพวกเขาไปเมื่อไรก็ได้
และ ผู้คนกลุ่มนี้ ก็คือ เหล่าเจ้าหน้าที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะและผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ รวมทั้งสิ้นกว่า 180 ชีวิต ที่เร่งปฏิบัติภารกิจควบคุมสถานการณ์เตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะพยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ตลอด 5 วันที่ผ่านมา และสถานการณ์ก็กลับเลวร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ย่อท้อ ยังคงพยายามกันต่อไป ท่ามกลางสารกัมมันตรังสีที่รั่วไหลออกมาในปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ จนบัดนี้ สารกัมมันตรังสีในชั้นบรรยากาศอยู่ในระดับอันตรายมาก จนอาจจะคร่าชีวิตมนุษย์ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเลยทีเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจหรือหวาดกลัวกับอันตรายเหล่านั้นแต่ อย่างใด เพราะพวกเขาตระหนักดีว่า หากพวกเขาละเลยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่กำลังเกิดไฟไหม้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ ในขณะนี้แล้ว มันอาจจะเกิดระเบิดร้ายแรงขึ้น และปล่อยสารกัมมันตรังสีออกสู่บรรยากาศ คร่าชีวิตผู้คนอีกหลายหมื่นหลายแสนคนก็เป็นได้ ดังนั้น การพยายามยับยั้งมันอย่างสุดความสามารถ จึงเป็นสิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำก่อน ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้และทำให้พวก เขาต้องเสียชีวิตทั้งหมดก็ตาม
หรือถ้าจะมองในแง่ดีที่สุด หากเจ้าหน้าที่ทั้ง 180 คนสามารถกู้สถานการณ์ที่เลวร้ายขึ้นตลอดช่วง 5 วันที่ผ่านมาให้ดีขึ้นได้ และยับยั้งการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีได้อย่างที่คนทั่วโลกหวังให้เป็นได้ ก็ตาม แต่สิ่งที่พวกเขาเอาไปแลกกับความปลอดภัยนี้ ก็ยังคงหมายถึงชีวิตของพวกเขาอยู่ดี เมื่อระหว่างที่พวกเขาปฏิบัติภารกิจอยู่ในขณะนี้ พวกเขายังคงสูดเอาสารกัมมันตรังสีเข้าไปเต็มปอด อีกทั้งยังซึมเข้าสู่ผิวและดวงตาอีกด้วย และแน่นอนว่า การสัมผัสกับสารกัมมันตรังสีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ อาจไม่ได้ส่งผลต่อชีวิตของพวกเขาอย่างทันทีทันใด แต่ในระยะยาวนั้น พวกเขามีความเสี่ยงมากกว่า 70% ที่จะป่วยเป็นมะเร็งในอนาคต!!!
โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้เปิดเผยว่า เขา รู้ว่าการปฏิบัติงานครั้ง นี้เสี่ยงมาก แต่เขาก็ไม่กลัวตาย เพราะถึงแม้เขาตาย เขาก็ตายในหน้าที่ ซึ่งในการปฏิบัติงานครั้งนี้ พวกเขาต้องทำงานกันในความมืด มีเพียงไฟฉายที่พอจะช่วยให้เขาทำงานได้สะดวกขึ้นเท่านั้น และระหว่างปฏิบัติงาน เขาก็จะได้ยินเสียงระเบิดเป็นระยะ ๆ จากการที่ก๊าซไฮโดรเจนรั่วออกมาจากเตาปฏิกรณ์อย่างต่อเนื่อง ส่วนทีมเจ้าหน้าที่เทคนิค หรือที่เรียกว่าทีม ฟุกุชิมะ 50 ก็ต้องหายใจผ่านเครื่องช่วยหายใจ และแบกถังอ๊อกซิเจนหนักอึ้งอยู่บนหลังตลอดเวลา และชุดจัมพ์สูทสีขาวมิดชิดเพื่อป้องกันสารกัมมันตรังสีซึมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาในการปกป้องภัยพิบัติจากโรงไฟฟ้า นิวเคลียร์
เทิดทูนวีรกรรมผู้กล้าแห่งมวลมนุษยชาติ
เมื่อกล้านำชีวิตตัวเองเข้าเสี่ยงกับอันตรายของสารกัมมันตรังสี เพื่อช่วยชีวิตผู้คนอีกมากมายให้ปลอดภัย เจ้าหน้าที่ทั้ง 180 คนจึงกลายเป็นฮีโร่ผู้กล้าหาญไปอย่างที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ซึ่งไม่ใช่แค่พวกเขาจะเป็นฮีโร่ของชาวญี่ปุ่นเท่านั้น พวกเขาได้กลายเป็นฮีโร่ของคนทั้งโลกไปแล้วในขณะนี้
แต่เกิดเหตุการณ์ตั้งแต่ 16 มีนาคม เป็นต้นมา คุณทราบหรือไม่ว่า ได้มีกลุ่ม วีรบุรุษ ที่ผลัดเวรเข้าไปดูแลสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งได้ชื่อว่าเสี่ยงตายที่สุด ทั้งรังสีความเข้มข้นสูง ความร้อนสูง และเสี่ยงเหตุระเบิด
พวกเขาคือ ฟุกุชิมะ 50 ( Fukushima 50 ) ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคล 50 คนที่ไม่เปิดเผยชื่อต่อสื่อ ประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร นักดับเพลิง คนงานโรงงานไฟฟ้า
ด้วยเหตุที่มนุษย์ไม่สามารถทนต่อ กัมมันภาพรังสี ระดับเข้มข้นเช่นนี้ได้เกินกว่า 15 นาที จึงต้องอาศัยวีรบุรุษ นี้ทั้ง 50 คน สลับสับเปลี่ยนเวรยามกัน ในการเข้าควบคุมดูแล และใส่ชุดคลุม (เหมือนชุดมนุษย์อวกาศ คลุมหัวจนเท้า) ถุงมือหุ้มสามชั้น แต่อย่างไรก็ตาม รังสิแกมม่า ที่ปล่อยออกมาจากการรั่วไหลด้วยแรงระเบิดครั้งนี้มีความเข้มข้นมากกว่า กัมมันตภาพรังสี ปกติที่ทำให้เกิดมะเร็งถึง 4 เท่า และชุดเหล่านี้ไม่สามารถปกป้องรังสีความเข้มข้นแบบนี้ได้เท่าไหร่นัก
ทางทีมผู้ควบคุมกล่าวว่า Retreat is unthinkable “คำว่าถอย ไม่เคยมีในหัวสมอง” ยามนี้ พวกเขาต้อง ปกป้องชีวิตอันมีค่าของประชาชนชาว ญี่ปุ่น ด้วยกันเสียก่อน การเสียสละชีวิตของคนกลุ่มนี้เป็นไปโดยสมัครใจ
ซึ่งในขณะนี้ ประชาชนโดยรอบ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ ฟุกุชิมะ ได้เคลื่อนย้ายอพยพออกห่างไปในรัศมี 12 ไมล์ แล้ว และในระยะ 12-19 ไมล์ ประชาชนต้องอยู่ในพื้นที่ในบ้านเท่านั้น ห้ามออกจากบ้าน ซึ่งก็หมายความว่ามีแค่กลุ่ม ฟุกุชิมะ 50 ดังกล่าวที่เท่านั้น ที่ยังเสี่ยงตายอยู่ในพื้นที่
ภรรยาคนหนึ่งของ บุคคลในกลุ่ม ฟุกุชิมะ 50 กล่าวว่า สามีของเธอวุ่นวายกับภารกิจนี้มากเสียจนไม่มีเวลาพูดคุยอะไรกับเธอมากนัก เธอหวังเพียงแค่ให้งานสำเร็จ และให้สามีของเธอปลอดภัย
แม้ ญี่ปุ่น จะประสบเคราะห์กรรม สึนามิ แผ่นดินไหว แต่เราก็ได้เห็นพฤติกรรม ความเป็นระเบียบในการเข้าแถวรับถุงยังชีพการช่วยเหลือ และเราก็ยังได้เห็นการเสียสละชีพเพื่อส่วนรวมของ ฟุกุชิมะ 50วีรบุรุษ ที่เสี่ยงตาย ปิดทองหลังพระ สื่อไม่มีโอกาสได้ทราบชื่อของพวกเขาด้วยซ้ำ
สำนัก ข่าวต่างประเทศ เปิดเผยรายงานว่า คนงานภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิม่า หมายเลข 1 จำนวน 50 คน หรือที่เรียกว่า ฟูกูชิม่า 50 ได้ยอมรับชะตากรรมของพวกเขา ซึ่งหนึ่งในคนงาน ที่กำลังปฏิบัติภารกิจหยุดวิกฤตินิวเคลียร์ บอกว่า พวกเขายอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น
โดยภารกิจนี้ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อาจเรียกได้ว่า เป็นภารกิจพลีชีพ เนื่องจากตอนนี้ ระดับ ของสารกัมมันตรังสีภายในโรงไฟฟ้า ได้เข้าสู่ระดับที่อาจทำให้คนงานเสียชีวิตในทันที หรือไม่ก็อาจทำให้พวกเขาล้มป่วยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยชุดที่พวกเขาสวมใส่ ป้องกันการปนเปื้อนกัมมันตรังสีได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อย่าง ไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยว่า 50 คน นี้เป็นใครบ้าง แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ฟูกูชิม่า 50 จริงๆ แล้วน่าจะมีคนงานรวม 200 คน ผลัดเปลี่ยนกันทำงานเป็น 4 กะ และคิดว่าทั้งหมดเป็นช่างเทคนิค และเจ้าหน้าที่ ที่รู้เรื่องโรงไฟฟ้าแห่งนี้ดี อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นผู้สูงวัยที่มีลูกแล้ว เพราะการเผชิญกับสารกัมมันตรังสี อาจเสี่ยงต่อการเป็นหมันได้
ฟูกูชิม่า 50 เสียสละทำงานเพื่อส่วนรวม หลังจากเพื่อนร่วมงาน 700 คน ถอนตัวออกไป เมื่อพบว่าระดับสารกัมมันตรังสีอันตรายเกินไป
ทั้ง นี้ ชาวญี่ปุ่นต่างสรรเสริญในความกล้าหาญ และยกยองพวกเขาเป็นวีรบุรุษ โดย Fukuda Kensuke ที่อาศัยอยู่ในโตเกียวกล่าวว่า “พวกเขาเสียสละตัวเองเพื่อคนญี่ปุ่น ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆสำหรับผู้ที่ยังคงทำงานที่นั่น”
เราขอให้ภารกิจของพวกเราสำเร็จลงด้วยดี และปลอดภัยทุกประการ ขอคารวะ “ใจ” ของคนญี่ปุ่นครับ
อันนี้ข่าวSerch จาก Guru ของ Google เพื่อประกอบข้อมูลเพิ่มค่ะ ..!!
สุดยอดฮีโร่กับภารกิจพลีชีพโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ
แต่ ในขณะที่การเอาชีวิตรอด คือสิ่งที่ผู้คนที่อยู่ในเมืองฟุกุชิมะต้องทำอย่างเร่งด่วน ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่หวาดกล้วอันตรายใด ๆ ของสารกัมมันตรังสีที่แพร่กระจายไปทั่วบริเวณแม้แต่น้อย พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ในฟุกุชิมะ ท่ามกลางสารกัมมันตรังสีเข้มข้นที่พร้อมจะคร่าชีวิตพวกเขาไปเมื่อไรก็ได้
และ ผู้คนกลุ่มนี้ ก็คือ เหล่าเจ้าหน้าที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะและผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ รวมทั้งสิ้นกว่า 180 ชีวิต ที่เร่งปฏิบัติภารกิจควบคุมสถานการณ์เตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งถึงแม้ว่าพวกเขาจะพยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ตลอด 5 วันที่ผ่านมา และสถานการณ์ก็กลับเลวร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ย่อท้อ ยังคงพยายามกันต่อไป ท่ามกลางสารกัมมันตรังสีที่รั่วไหลออกมาในปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ จนบัดนี้ สารกัมมันตรังสีในชั้นบรรยากาศอยู่ในระดับอันตรายมาก จนอาจจะคร่าชีวิตมนุษย์ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเลยทีเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจหรือหวาดกลัวกับอันตรายเหล่านั้นแต่ อย่างใด เพราะพวกเขาตระหนักดีว่า หากพวกเขาละเลยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่กำลังเกิดไฟไหม้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ ในขณะนี้แล้ว มันอาจจะเกิดระเบิดร้ายแรงขึ้น และปล่อยสารกัมมันตรังสีออกสู่บรรยากาศ คร่าชีวิตผู้คนอีกหลายหมื่นหลายแสนคนก็เป็นได้ ดังนั้น การพยายามยับยั้งมันอย่างสุดความสามารถ จึงเป็นสิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำก่อน ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้และทำให้พวก เขาต้องเสียชีวิตทั้งหมดก็ตาม
หรือถ้าจะมองในแง่ดีที่สุด หากเจ้าหน้าที่ทั้ง 180 คนสามารถกู้สถานการณ์ที่เลวร้ายขึ้นตลอดช่วง 5 วันที่ผ่านมาให้ดีขึ้นได้ และยับยั้งการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีได้อย่างที่คนทั่วโลกหวังให้เป็นได้ ก็ตาม แต่สิ่งที่พวกเขาเอาไปแลกกับความปลอดภัยนี้ ก็ยังคงหมายถึงชีวิตของพวกเขาอยู่ดี เมื่อระหว่างที่พวกเขาปฏิบัติภารกิจอยู่ในขณะนี้ พวกเขายังคงสูดเอาสารกัมมันตรังสีเข้าไปเต็มปอด อีกทั้งยังซึมเข้าสู่ผิวและดวงตาอีกด้วย และแน่นอนว่า การสัมผัสกับสารกัมมันตรังสีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ อาจไม่ได้ส่งผลต่อชีวิตของพวกเขาอย่างทันทีทันใด แต่ในระยะยาวนั้น พวกเขามีความเสี่ยงมากกว่า 70% ที่จะป่วยเป็นมะเร็งในอนาคต!!!
โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้เปิดเผยว่า เขา รู้ว่าการปฏิบัติงานครั้ง นี้เสี่ยงมาก แต่เขาก็ไม่กลัวตาย เพราะถึงแม้เขาตาย เขาก็ตายในหน้าที่ ซึ่งในการปฏิบัติงานครั้งนี้ พวกเขาต้องทำงานกันในความมืด มีเพียงไฟฉายที่พอจะช่วยให้เขาทำงานได้สะดวกขึ้นเท่านั้น และระหว่างปฏิบัติงาน เขาก็จะได้ยินเสียงระเบิดเป็นระยะ ๆ จากการที่ก๊าซไฮโดรเจนรั่วออกมาจากเตาปฏิกรณ์อย่างต่อเนื่อง ส่วนทีมเจ้าหน้าที่เทคนิค หรือที่เรียกว่าทีม ฟุกุชิมะ 50 ก็ต้องหายใจผ่านเครื่องช่วยหายใจ และแบกถังอ๊อกซิเจนหนักอึ้งอยู่บนหลังตลอดเวลา และชุดจัมพ์สูทสีขาวมิดชิดเพื่อป้องกันสารกัมมันตรังสีซึมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งทุกคนรู้ดีว่า นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาในการปกป้องภัยพิบัติจากโรงไฟฟ้า นิวเคลียร์
เทิดทูนวีรกรรมผู้กล้าแห่งมวลมนุษยชาติ
เมื่อกล้านำชีวิตตัวเองเข้าเสี่ยงกับอันตรายของสารกัมมันตรังสี เพื่อช่วยชีวิตผู้คนอีกมากมายให้ปลอดภัย เจ้าหน้าที่ทั้ง 180 คนจึงกลายเป็นฮีโร่ผู้กล้าหาญไปอย่างที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ซึ่งไม่ใช่แค่พวกเขาจะเป็นฮีโร่ของชาวญี่ปุ่นเท่านั้น พวกเขาได้กลายเป็นฮีโร่ของคนทั้งโลกไปแล้วในขณะนี้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ติดตาม เรื่องแปลก ใหม่ ตลก สนุก เซ็กซี่ sexy น่าสนใจอื่น ๆ หรือแวะมาทักทายกัน ได้ที่
ขอขอบคุณที่มา : email
www.facebook.com/somphon http://gplus.to/somphon www.twitter.com/samaphon www.facebook.com/somphon.me http://samaphon.blogspot.com/ |
ขอขอบคุณที่มา : email