เข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ประชาชนต่างเดินทางกลับภูมิลำเนา บางคนไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจต่างจังหวัด เป็นอีกเทศกาลที่การจราจรจากกรุงเทพฯมุ่งหน้าออกต่างจังหวัดหนาแน่นและติดขัด ยิ่งประสบวิกฤตอุทกภัยทำให้ถนนหนทางชำรุดเสียหาย เป็นหลุมเป็นบ่อ ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการเดินทาง ดังนั้นการประชาสัมพันธ์แนะนำเส้นทางและเส้นทางที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อมุ่งหน้าสู่ภาคต่างๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง
ล่าสุด กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่มีบทบาทในการอำนวยความสะดวกเส้นทางการจราจรและดูแลรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน แจ้งเส้นทางหลัก เส้นทางเลี่ยง และเส้นทางถนนชำรุด เพื่อให้ประชาชนวางแผนก่อนออกเดินทาง
สำหรับเส้นทางที่คาดว่าจะเกิดปัญหาการจราจรคือเส้นทางไปภาคเหนือ
1.ทล.1 (พหลโยธิน) บริเวณ กม.50 (ต่างระดับบางปะอิน) มุ่งหน้า ทล.32 (เอเชีย) เส้นทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ล่าสุด กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่มีบทบาทในการอำนวยความสะดวกเส้นทางการจราจรและดูแลรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน แจ้งเส้นทางหลัก เส้นทางเลี่ยง และเส้นทางถนนชำรุด เพื่อให้ประชาชนวางแผนก่อนออกเดินทาง
สำหรับเส้นทางที่คาดว่าจะเกิดปัญหาการจราจรคือเส้นทางไปภาคเหนือ
1.ทล.1 (พหลโยธิน) บริเวณ กม.50 (ต่างระดับบางปะอิน) มุ่งหน้า ทล.32 (เอเชีย) เส้นทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เส้นทางเลี่ยงภาคเหนือ
1.ทางด่วนแจ้งวัฒนะ-ลงที่ด่านเก็บเงินบางปะอิน-ขวา ทล.9 (วงแหวนตะวันตก)-ซ้าย ทล.347 (สามโคก-บางปะหัน)-ทล.32 (เอเชีย)-มุ่งหน้าภาคเหนือ
2.ทล.9 (วงแหวนตะวันตก)-ต่างระดับบางบัวทอง-ทล.340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี)-สุพรรณบุรี-ชัยนาท (ทล.1)-อ.มโนรมย์-มุ่งหน้าภาคเหนือ
3.ทล.305 (รังสิต-นครนายก)-อ.บ้านนา-ทล.33 (สุวรรณศร)-อ.หินกอง (ทล.1)-สระบุรี (ทล.21)-ลพบุรี-ชัยบาดาล-อ.วิเชียรบุรี-เพชรบูรณ์-อ.หล่มสัก-ซ้าย ทล.12-พิษณุโลก
จุดคาดว่าจะเกิดปัญหาการจราจรในเส้นทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
1.ทล.1 (พหลโยธิน) ตั้งแต่ กม.51-83 ขาออก อ.บางปะอิน-อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
2.ทล.2 (มิตรภาพ) กม.17-35 โดยเฉพาะบริเวณโค้งซิกแซ็ก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
3.ทล.304 กม.26-29 ต่อเนื่อง กม.42-48 (ตอนกบินทร์บุรี-ปังธงชัย) ต.บุพราห์ม อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เนื่องจากช่องทางเดินรถจากสี่ช่องทางเหลือสองช่องทาง และเส้นทางลาดชัน
4.ทล.348 กม.76-80 (อรัญประเทศ-โนนดินแดง) ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
5.ทล.2 กม.36-56 (มิตรภาพ) ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื่องจากเป็นทางลาดชัน
6.ทล.2 กม.77-87 (มิตรภาพ) ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
1.ทางด่วนแจ้งวัฒนะ-ลงที่ด่านเก็บเงินบางปะอิน-ขวา ทล.9 (วงแหวนตะวันตก)-ซ้าย ทล.347 (สามโคก-บางปะหัน)-ทล.32 (เอเชีย)-มุ่งหน้าภาคเหนือ
2.ทล.9 (วงแหวนตะวันตก)-ต่างระดับบางบัวทอง-ทล.340 (บางบัวทอง-สุพรรณบุรี)-สุพรรณบุรี-ชัยนาท (ทล.1)-อ.มโนรมย์-มุ่งหน้าภาคเหนือ
3.ทล.305 (รังสิต-นครนายก)-อ.บ้านนา-ทล.33 (สุวรรณศร)-อ.หินกอง (ทล.1)-สระบุรี (ทล.21)-ลพบุรี-ชัยบาดาล-อ.วิเชียรบุรี-เพชรบูรณ์-อ.หล่มสัก-ซ้าย ทล.12-พิษณุโลก
จุดคาดว่าจะเกิดปัญหาการจราจรในเส้นทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
1.ทล.1 (พหลโยธิน) ตั้งแต่ กม.51-83 ขาออก อ.บางปะอิน-อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
2.ทล.2 (มิตรภาพ) กม.17-35 โดยเฉพาะบริเวณโค้งซิกแซ็ก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
3.ทล.304 กม.26-29 ต่อเนื่อง กม.42-48 (ตอนกบินทร์บุรี-ปังธงชัย) ต.บุพราห์ม อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เนื่องจากช่องทางเดินรถจากสี่ช่องทางเหลือสองช่องทาง และเส้นทางลาดชัน
4.ทล.348 กม.76-80 (อรัญประเทศ-โนนดินแดง) ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
5.ทล.2 กม.36-56 (มิตรภาพ) ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เนื่องจากเป็นทางลาดชัน
6.ทล.2 กม.77-87 (มิตรภาพ) ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
เส้นทางเลี่ยงไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
1.ทล.305 (รังสิต-นครนายก)-ทล.33 (สุวรรณศร)-ปราจีนบุรี-อ.กบินทร์บุรี-ทล.304-อ.วังน้ำเขียว-อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
2.ทล.304 หรือ ทล.7 (มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี)-ฉะเชิงเทรา-อ.พนมสารคาม-อ.กบินทร์บุรี-ทล.304-อ.วังน้ำเขียว-อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
3.ทล.304 หรือ ทล.7 (มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี)-ฉะเชิงเทรา-อ.พนมสารคาม-แยกเขาหินซ้อน-ทล.359-สระแก้ว (ทล.33)-อ.อรัญประเทศ-ซ้าย ทล.348 (อรัญประเทศ-นางรอง)-อ.โนนดินแดง-อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์
เส้นทางไปสู่ภาคใต้
1.จาก กทม.-ทล.338 (บรมราชชนนี)-ขวา (ทล.4) เพชรเกษม-นครปฐม-ราชบุรี-เพชรบุรี-มุ่งหน้าสู่ภาคใต้
2.จาก กทม.-ทล.4 (เพชรเกษม)-นครปฐม-ราชบุรี-เพชรบุรี-มุ่งหน้าสู่ภาคใต้
3.จาก กทม.-ทล.35 (พระราม 2)-สมุทรสาคร-สมุทรสงคราม-แยกวังมะนาว-ซ้าย ทล.4-เพชรบุรี-มุ่งหน้าสู่ภาคใต้
ทั้งนี้ มีคำอธิบายและข้อแนะนำจาก พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. เกี่ยวกับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า บก.ทล.ออกแผนปฏิบัติการอำนวยความสะดวกด้านจราจรให้ประชาชนควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมาย แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกระหว่างวันที่ 17-27 ธันวาคม 2554 ประชาชนจะเดินทางมาก ใช้การบังคับใช้กฎหมายเพื่อกระตุ้นว่าการทำผิดจะต้องถูกจับกุมและเป็นการลดอุบัติเหตุ และช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2554-2 มกราคม 2555 เป็นช่วงที่ประชาชนใช้ถนนมากที่สุด จึงทุเลาการบังคับใช้กฎหมาย เน้นการบริการประชาชน อำนวยความสะดวกด้านการจราจร จัดเตรียมรถวิทยุตรวจการณ์ตำรวจทางหลวง 832 คัน รถยก 46 คัน รถกู้ภัย 22 คัน รถจักรยานยนต์ 150 คัน และร่วมมือกับมูลนิธิกู้ภัยต่างๆ ในการปฏิบัติงาน เพื่อไม่ให้รถติดและไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ โดยคำนึงถึงเป้าหมายคือความสะดวกในการเดินทาง
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ อาจมีอุปสรรคส่งผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ผิวถนนชำรุด จากการสำรวจครั้งล่าสุดมีถนนชำรุด 55 จุด บนถนน 22 สาย กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันซ่อมให้เสร็จทันก่อนปีใหม่ แต่สิ่งที่ตำรวจทางหลวงห่วงใย 3 เรื่อง คือ 1.รถติดขัด โดยเฉพาะปริมณฑล ถนนมิตรภาพ ถนนสายเอเชีย ทางหลวงหมายเลข 7 เป็นถนนที่มีรถหนาแน่นมาก
2.ถนนชำรุด ประกอบด้วย ถนนเอเชีย ช่วง จ.อ่างทอง คอสะพานชำรุดกำลังซ่อมแซม แต่จุดที่คาดว่าซ่อมไม่ทันปีใหม่มี 2 จุด คือ ทางหลวงหมายเลข 11 ตากฟ้า-พิษณุโลก คอสะพานขาด ใช้สะพานแบริ่งแทน แต่จะทำให้รถติดมากเพราะรถเดินได้ทางเดียว แนะนำให้ประชาชนเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว อาจไปใช้สายเอเชียแทน วิ่งไป จ.ชัยนาท และวกกลับมายังถนนพหลโยธิน ในช่วงที่เลยคอสะพานไปแล้ว หากจะเดินทางไป จ.นครสวรรค์ จะผ่านสะพานเดชาติวงศ์ เจ้าหน้าที่จะไม่ให้รถบรรทุกวิ่งผ่านเนื่องจากทำให้การจราจรติดขัด และทางหลวงหมายเลข 122 เป็นทางเลี่ยงเมือง จ.นครสวรรค์ สภาพผิวจราจรเสียหายค่อนข้างมากขณะนี้อยู่ในระหว่างซ่อมแซม
จากการสำรวจความหนาแน่นของรถถ้าเทียบระหว่างปี 2554 กับ 2555 พบว่าขณะนี้ประชาชนบางส่วนกลับภูมิลำเนาแล้ว เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น วันหยุดยาว และการหยุดที่เกิดจากปัญหาอุทกภัย โรงงานปิดหรือบ้านถูกน้ำท่วม จึงต้องเดินทางกลับต่างจังหวัดล่วงหน้า แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือขาล่องหรือขากลับ โดยเฉพาะวันที่ 2-5 มกราคม 2555 หากเป็นไปได้ให้กลับหลังวันที่ 5 มกราคม 2555 จะดีกว่าเพื่อเลี่ยงรถติดและลดอุบัติเหตุ
"คอนเซ็ปต์การทำงานของ บก.ทล.ไม่ใช่ภาพการโบกรถ กล่าวหาและออกใบสั่ง การบังคับใช้กฎหมายของตำรวจยังคงอยู่ แต่เป็นลักษณะคู่ขนานไปกับการบริการช่วยเหลือประชาชน เมื่อใดที่ประชาชนมีความรู้สึกเกิดความไว้วางใจเป็นเรื่องที่ดีในการแก้ปัญหา เป้าหมายในการทำงานของ บก.ทล. คือ ลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุร้อยละ 5" ผบก.ทล.กล่าว และว่า ประชาชนสามารถอัพเดตเส้นทางและข้อแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ www.highwaypolice.org คอลเซ็นเตอร์หมายเลข 1193 โดยเพิ่มเป็น 10 คู่สาย รวมทั้งแอพพลิเคชั่น highwaypolice จะบอกเส้นที่ควรเลี่ยง ปั๊มน้ำมันและปั๊มแก๊สทั้งเอ็นจีวีและเเอลพีจี ร้านอาหาร ธนาคาร โรงแรม โรงพยาบาล และทางโค้งอันตราย โดยพัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่นบริการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย
ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ปรึกษา (สบ 10) ดูแลงานด้านจราจร แม่งานอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 กล่าวถึงการเตรียมพร้อมว่า ได้แจ้งหน่วยต่างๆ ประชุมซักซ้อมการปฏิบัติ ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางโดยเฮลิคอปเตอร์ ภาพรวมมีปัญหาเพียงเล็กน้อย ถนนทุกสายที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯกับภูมิภาคน้ำที่เคยท่วมขังแห้งหมดแล้ว ที่ห่วงคือทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี มีการทำพนังดินข้างทาง มีกระสอบทรายวางเต็มไหล่ทาง แม้น้ำจะแห้งแล้ว ทำให้เสียพื้นที่ไหล่ทาง หวั่นว่าช่วงเทศกาลจะเกิดปัญหาการจราจร หากมีรถเสียหรืออุบัติเหตุจะระบายได้ยาก นอกจากนี้ยังห่วงเส้นทางขึ้นภาคเหนือ บริเวณ จ.นครสวรรค์ มีสะพานขาดหลายจุด มอบหมายตำรวจพื้นที่และ บก.ทล. ประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยง ทางเบี่ยง ทางลัด โดยสภาพการจราจรจะอัพเดตอีกครั้งในวันที่ 26 ธันวาคม
"ขอให้ประชาชนเดินทางอย่างระมัดระวัง ตลอดช่วงเทศกาล เพราะจากสถิติในหลายปีที่ผ่านมาพบว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นในวันเดินทางไปและวันกลับเพียง 5% แต่เมื่อถึงปลายทางในหมู่บ้านจะเกิดอุบัติเหตุถึง 95% จุดนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. สั่งการให้ทุกหน่วยนำแนวทางลดอุบัติเหตุ ดึงความร่วมมือจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาช่วยสกรีนคนเมาสุรา ไม่ให้ออกมาขับขี่ยวดยานพาหนะในช่วงเทศกาลเด็ดขาด" พล.ต.อ.สมยศกล่าว
1.ทล.305 (รังสิต-นครนายก)-ทล.33 (สุวรรณศร)-ปราจีนบุรี-อ.กบินทร์บุรี-ทล.304-อ.วังน้ำเขียว-อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
2.ทล.304 หรือ ทล.7 (มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี)-ฉะเชิงเทรา-อ.พนมสารคาม-อ.กบินทร์บุรี-ทล.304-อ.วังน้ำเขียว-อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
3.ทล.304 หรือ ทล.7 (มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี)-ฉะเชิงเทรา-อ.พนมสารคาม-แยกเขาหินซ้อน-ทล.359-สระแก้ว (ทล.33)-อ.อรัญประเทศ-ซ้าย ทล.348 (อรัญประเทศ-นางรอง)-อ.โนนดินแดง-อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์
เส้นทางไปสู่ภาคใต้
1.จาก กทม.-ทล.338 (บรมราชชนนี)-ขวา (ทล.4) เพชรเกษม-นครปฐม-ราชบุรี-เพชรบุรี-มุ่งหน้าสู่ภาคใต้
2.จาก กทม.-ทล.4 (เพชรเกษม)-นครปฐม-ราชบุรี-เพชรบุรี-มุ่งหน้าสู่ภาคใต้
3.จาก กทม.-ทล.35 (พระราม 2)-สมุทรสาคร-สมุทรสงคราม-แยกวังมะนาว-ซ้าย ทล.4-เพชรบุรี-มุ่งหน้าสู่ภาคใต้
ทั้งนี้ มีคำอธิบายและข้อแนะนำจาก พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. เกี่ยวกับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า บก.ทล.ออกแผนปฏิบัติการอำนวยความสะดวกด้านจราจรให้ประชาชนควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมาย แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกระหว่างวันที่ 17-27 ธันวาคม 2554 ประชาชนจะเดินทางมาก ใช้การบังคับใช้กฎหมายเพื่อกระตุ้นว่าการทำผิดจะต้องถูกจับกุมและเป็นการลดอุบัติเหตุ และช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2554-2 มกราคม 2555 เป็นช่วงที่ประชาชนใช้ถนนมากที่สุด จึงทุเลาการบังคับใช้กฎหมาย เน้นการบริการประชาชน อำนวยความสะดวกด้านการจราจร จัดเตรียมรถวิทยุตรวจการณ์ตำรวจทางหลวง 832 คัน รถยก 46 คัน รถกู้ภัย 22 คัน รถจักรยานยนต์ 150 คัน และร่วมมือกับมูลนิธิกู้ภัยต่างๆ ในการปฏิบัติงาน เพื่อไม่ให้รถติดและไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ โดยคำนึงถึงเป้าหมายคือความสะดวกในการเดินทาง
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ อาจมีอุปสรรคส่งผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ผิวถนนชำรุด จากการสำรวจครั้งล่าสุดมีถนนชำรุด 55 จุด บนถนน 22 สาย กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันซ่อมให้เสร็จทันก่อนปีใหม่ แต่สิ่งที่ตำรวจทางหลวงห่วงใย 3 เรื่อง คือ 1.รถติดขัด โดยเฉพาะปริมณฑล ถนนมิตรภาพ ถนนสายเอเชีย ทางหลวงหมายเลข 7 เป็นถนนที่มีรถหนาแน่นมาก
2.ถนนชำรุด ประกอบด้วย ถนนเอเชีย ช่วง จ.อ่างทอง คอสะพานชำรุดกำลังซ่อมแซม แต่จุดที่คาดว่าซ่อมไม่ทันปีใหม่มี 2 จุด คือ ทางหลวงหมายเลข 11 ตากฟ้า-พิษณุโลก คอสะพานขาด ใช้สะพานแบริ่งแทน แต่จะทำให้รถติดมากเพราะรถเดินได้ทางเดียว แนะนำให้ประชาชนเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว อาจไปใช้สายเอเชียแทน วิ่งไป จ.ชัยนาท และวกกลับมายังถนนพหลโยธิน ในช่วงที่เลยคอสะพานไปแล้ว หากจะเดินทางไป จ.นครสวรรค์ จะผ่านสะพานเดชาติวงศ์ เจ้าหน้าที่จะไม่ให้รถบรรทุกวิ่งผ่านเนื่องจากทำให้การจราจรติดขัด และทางหลวงหมายเลข 122 เป็นทางเลี่ยงเมือง จ.นครสวรรค์ สภาพผิวจราจรเสียหายค่อนข้างมากขณะนี้อยู่ในระหว่างซ่อมแซม
จากการสำรวจความหนาแน่นของรถถ้าเทียบระหว่างปี 2554 กับ 2555 พบว่าขณะนี้ประชาชนบางส่วนกลับภูมิลำเนาแล้ว เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น วันหยุดยาว และการหยุดที่เกิดจากปัญหาอุทกภัย โรงงานปิดหรือบ้านถูกน้ำท่วม จึงต้องเดินทางกลับต่างจังหวัดล่วงหน้า แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือขาล่องหรือขากลับ โดยเฉพาะวันที่ 2-5 มกราคม 2555 หากเป็นไปได้ให้กลับหลังวันที่ 5 มกราคม 2555 จะดีกว่าเพื่อเลี่ยงรถติดและลดอุบัติเหตุ
"คอนเซ็ปต์การทำงานของ บก.ทล.ไม่ใช่ภาพการโบกรถ กล่าวหาและออกใบสั่ง การบังคับใช้กฎหมายของตำรวจยังคงอยู่ แต่เป็นลักษณะคู่ขนานไปกับการบริการช่วยเหลือประชาชน เมื่อใดที่ประชาชนมีความรู้สึกเกิดความไว้วางใจเป็นเรื่องที่ดีในการแก้ปัญหา เป้าหมายในการทำงานของ บก.ทล. คือ ลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุร้อยละ 5" ผบก.ทล.กล่าว และว่า ประชาชนสามารถอัพเดตเส้นทางและข้อแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ www.highwaypolice.org คอลเซ็นเตอร์หมายเลข 1193 โดยเพิ่มเป็น 10 คู่สาย รวมทั้งแอพพลิเคชั่น highwaypolice จะบอกเส้นที่ควรเลี่ยง ปั๊มน้ำมันและปั๊มแก๊สทั้งเอ็นจีวีและเเอลพีจี ร้านอาหาร ธนาคาร โรงแรม โรงพยาบาล และทางโค้งอันตราย โดยพัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่นบริการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย
ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ปรึกษา (สบ 10) ดูแลงานด้านจราจร แม่งานอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 กล่าวถึงการเตรียมพร้อมว่า ได้แจ้งหน่วยต่างๆ ประชุมซักซ้อมการปฏิบัติ ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางโดยเฮลิคอปเตอร์ ภาพรวมมีปัญหาเพียงเล็กน้อย ถนนทุกสายที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯกับภูมิภาคน้ำที่เคยท่วมขังแห้งหมดแล้ว ที่ห่วงคือทางหลวงหมายเลข 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี มีการทำพนังดินข้างทาง มีกระสอบทรายวางเต็มไหล่ทาง แม้น้ำจะแห้งแล้ว ทำให้เสียพื้นที่ไหล่ทาง หวั่นว่าช่วงเทศกาลจะเกิดปัญหาการจราจร หากมีรถเสียหรืออุบัติเหตุจะระบายได้ยาก นอกจากนี้ยังห่วงเส้นทางขึ้นภาคเหนือ บริเวณ จ.นครสวรรค์ มีสะพานขาดหลายจุด มอบหมายตำรวจพื้นที่และ บก.ทล. ประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยง ทางเบี่ยง ทางลัด โดยสภาพการจราจรจะอัพเดตอีกครั้งในวันที่ 26 ธันวาคม
"ขอให้ประชาชนเดินทางอย่างระมัดระวัง ตลอดช่วงเทศกาล เพราะจากสถิติในหลายปีที่ผ่านมาพบว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นในวันเดินทางไปและวันกลับเพียง 5% แต่เมื่อถึงปลายทางในหมู่บ้านจะเกิดอุบัติเหตุถึง 95% จุดนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. สั่งการให้ทุกหน่วยนำแนวทางลดอุบัติเหตุ ดึงความร่วมมือจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาช่วยสกรีนคนเมาสุรา ไม่ให้ออกมาขับขี่ยวดยานพาหนะในช่วงเทศกาลเด็ดขาด" พล.ต.อ.สมยศกล่าว
สำรวจเส้นทางขึ้นเหนือ-ล่องใต้ ก่อนสตาร์ต เที่ยวสงกรานต์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น