นั่งกบเที่ยวเมืองตรัง
"หนั่งตุ๊กตุ๊ก เถียวกั่นหม้าย" สำเนียงโชเฟอร์ชาวปักษ์ใต้เมืองตรังเอ่ยทักทาย เมื่อเห็นเราทำท่ายึกยักเดินวนดูรถหน้าตาประหลาดดูคล้ายกบ เจ้ารถนี้เห็นวิ่งทั่วตัวเมืองตรัง โดยเฉพาะบริเวณสถานีรถไฟ จ. ตรังที่เป็นคิวจอดรถตุ๊กตุ๊กขนาดใหญ่ คนเมืองตรังเรียกรถชนิดนี้ว่า "รถตุ๊กตุ๊กหัวกบ" นับเป็นพาหนะสุดคลาสสิกประจำเมือง
เราเช่าเจ้าหัวกบกันที่สถานีรถไฟ ตกลงราคาที่ชั่วโมงละ 200 บาท เราเลยต้องวางแผนให้ดี โดยยึดหลักว่าเที่ยวได้หลายแห่งแต่ประหยัดเวลา เพราะยิ่งโมงยามผ่านไปยิ่งต้องเสียเงินมากขึ้น
"อยากไปไหนบอกมาเลย เดี๋ยวโกจัดให้" โกผ่อง โชเฟอร์เชื้อสายจีนฮกเกี้ยนยิ้มแย้มพร้อมบริการ โกหมายถึงพี่ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงจะเรียกจี้ไว้ก่อน หมายถึงพี่สาว
เช้าๆ อย่างนี้ไปหามื้อเช้ากินกันก่อนดีกว่า มาถึงเมืองตรังถ้าไม่ไปชิมติ่มซำกับกาแฟหรือชาร้อนๆ ก็กระไรอยู่ โกผ่องจึงพาเราไปร้านติ่มซำนักร้องที่ ถ. เพลินพิทักษ์ ทันทีที่นั่งโต๊ะ ทั้งขนมจีบ ซาลาเปา ฮะเก๋า ปาท่องโก๋ ไก่ทอด ฮ่อยจ๊อ ก็ดาหน้าขึ้นวางบนโต๊ะ หากอยากกินหมูย่างกับกาแฟร้อนเป็นมื้อเช้าอย่างคนตรังขนานแท้ ร้านนี้เขาก็มีบริการ
อิ่มท้องแล้วโกผ่องเริ่มพาเราทัวร์รอบตัวเมืองตรัง บ้านเมืองวิถีผู้คนดูแปลกตาสำหรับพวกเราที่มาเยือนเมืองตรังเป็นครั้งแรก เมืองตรังเป็นเมืองเงียบสงบ รถไม่เยอะ คนไม่พลุกพล่าน บ้านเมืองตั้งอยู่บนเนินที่คนใต้เรียกว่าควน ตุ๊กตุ๊กหัวกบพาคนต่างถิ่นเดี๋ยวขึ้นที่สูงเดี๋ยวลงต่ำ ด้วยภูมิประเทศอย่างนี้กระมังจึงไม่มีรถสามล้อถีบอย่างบ้านเมืองอื่น
เลียบเรื่อยมา ถึง ถ. พัทลุงอันเป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการเมืองตรัง จะเรียกถนนสายนี้ว่าเป็นถนนดอกไม้ก็คงไม่ผิด โชคดีที่เรามาในช่วงดอกศรีตรังกำลังบาน ดอกสีม่วงของพันธุ์ไม้ประจำจังหวัดชูช่อสลับสล้างกับดอกสีชมพูของชมพูพันธุ์ ทิพย์ดูชื่นตา แถมช่วยคลายร้อนจากไอแดดลงได้บ้าง
ใกล้กันมีวงเวียนน้ำพุพะยูน เป็นรูปปั้นพะยูนทั้งครอบครัวดูน่ารักชาวตรังภูมิใจว่าท้องทะเลตรังเป็นถิ่น อาศัยของพะยูนที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งอันดามัน พบเห็นได้บ่อยบริเวณเกาะลิบง เพราะเป็นแหล่งหญ้าทะเลซึ่งเป็นอาหารหลักของพะยูน
โกผ่องขับรถวนพาชมหอนาฬิกาซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง หอนี้ในอดีตทางราชการใช้เป็นหอกระจายข่าว ก่อนจะผ่านไปยังบ้านนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี บน ถ. วิเศษกุล อันเป็นจุดสนใจอีกแห่งของเมืองตรัง ใครๆ มาเที่ยวเมืองตรังก็คงอยากเห็นบ้านนายกฯ ชวนกันทั้งนั้น พอมาถึงเราก็ได้เห็นบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ตั้งอยู่ท่ามกลางไม้น้อย ใหญ่นานาพันธุ์ดูร่มรื่น
จุดเที่ยวต่อไปอาศัยการเดินเท้าเป็นหลัก คือการเดินเที่ยวชมย่านตึกเก่าสถาปัตยกรรมยุคโคโลเนียลในเมืองตรัง เป็นตึกศิลปะลูกผสมระหว่างจีน โปรตุเกส อังกฤษ ฮอลันดา และฝรั่งเศส ซ่อนตัวอยู่ตาม ถ. ราชดำเนิน ถ. กันตัง และ ถ. พระรามหก ปรากฏร่องรอยความเก่าแก่ให้เห็นบ้างประปราย
เราเริ่มเดินจาก ถ. กันตังไปเรื่อยๆ ฝั่งขวามือเป็นตึกแถวสองชั้นประมาณสิบช่วงตึก บริเวณนี้ถือเป็นย่านตึกเก่าแก่ที่สุดก็ว่าได้ ดูคล้ายตึกแถวภูเก็ต คือหน้าตึกมี "อาเขต" หรือทางเดินทำเป็นซุ้มโค้งเชื่อมไปตลอดแนวตึก โดยชั้นบนของตึกยื่นล้ำออกมาเป็นหลังคากันแดดกันฝนให้ทางเดิน
เราเดินไปจนถึงสี่แยกท่าจีน ก่อนย้อนขึ้นมาที่ ถ. ราชดำเนิน ถนนสายนี้เสมือนเป็นเส้นทางการค้าหลักของตรัง จึงมีตึกเก่า ตึกไม้ แทรกตัวปะปนกับตึกสมัยใหม่ที่ปรับปรุงตกแต่งเป็นร้านค้า ร้านยา ร้านกาแฟ เราเดินพลางชมตึกเก่าและวิถีชีวิตอย่างเพลิดเพลิน ยิ่งเดินยิ่งเหมือนเล่นเกมซ่อนหา เพราะตึกเก่ากระจายตัวอยู่หลายหย่อม บ้างก็อยู่ตามซอกหลืบให้เราเที่ยวตามค้นหากันสนุกจนลืมเหนื่อย
สุดท้ายเราแวะที่ศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอปเพื่อเลือกซื้อของฝาก โดยเฉพาะขนมเค้กเมืองตรัง ขนมเค้กมีรู เนื้อเนียนละเอียดกลิ่นหอม มีให้เลือกหลายรส ทั้งกาแฟ เนยสด ลูกเกด และเตยหอม ไม้เทพทาโรหรือไม้จวงมีกลิ่นหอม แกะสลักเป็นรูปพะยูนก็เป็นสินค้าขายดิบขายดี มีแกะเป็นรูปอื่นด้วย เช่น ปลาทะเล เต่าทะเล นอกจากนี้ก็มีผ้าทอนาหมื่นศรี กะปิ ให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน
ใครได้มาเที่ยวเมืองตรัง จะหลงรักเมืองสงบๆ แห่งนี้โดยไม่รู้ตัว
เรื่อง : อรรถวุฒิ ที่ปรึกษา ภาพ : วิจิตต์ แซ่เฮ้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น