Feb 25th, 2011
(AFP) รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันเผย ภายในปี ค.ศ.2020 (พ.ศ.2563) ประชากรกว่า 50 ล้านคน จะอพยพไปอยู่ทางตอนเหนือของโลก เนื่องจากหนีปัญหาการขาดแคลนอาหาร อันเป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อน
โดยข้อมูลการคาดคะเนดังกล่าว เป็นข้อมูลที่ศาสตราจารย์คริสติน่า ทิราโด จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย หยิบยกขึ้นมานำเสนอระหว่างการประชุมประจำปี ของสมาคมเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์แห่งสหรัฐฯ หรือ AAAS ซึ่งระบุว่า
ภายในปี ค.ศ.2020 นี้ องค์การสหประชาชาติจะต้องเตรียมรับมือกับปัญหาผู้คนกว่า 50 ล้านคน อพยพหนีความอดอยาก จากปัญหาโลกร้อนซึ่งทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ประชากรจำนวนมากขาดแคลนอาหาร และเมื่อพวกเขาได้พบว่า ผืนดินที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ไม่ได้เหมาะแก่การดำรงชีวิตและรู้สึกว่าไม่มีความมั่นคงในชีวิตอีกต่อไป ก็จะอพยพโยกย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า โดยคาดว่า ชาวแอฟริกันจำนวนไม่น้อยจะอพยพย้ายถิ่นฐานไปยังตอนเหนือของโลก ซึ่งก็คือประเทศในยุโรป เช่น สเปน อิตาลี เป็นต้น
ซึ่ง ศาสตราจารย์คริสติน่า ทิราโด ได้คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ประชากรจากแอฟริกาจะอพยพไปอยู่ทางตอนใต้ของยุโรป ประชากรจากโมร็อกโกจะอพยพเข้าสู่ประเทศสเปน ส่วนลิเบียและตูนีเซีย อาจอพยพเข้าสู่ประเทศอิตาลี
เพราะต้องการหนีความวุ่นวายและไม่มั่นคงทางการเมืองอันจะนำไปสู่ปัญหาความยากจน อดอยาก และไม่มีงานทำ และในขณะนี้ประชากรจากแอฟริกาก็เริ่มเดินทางสู่สเปนและเยอรมนีแล้ว
ปัญหาการอพยพอันเนื่องมาจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อม เป็นประเด็นที่เคยถูกหยิบยกขึ้นมาพูดครั้งหนึ่งแล้ว โดย นอร์แมน ไมเออร์ จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งได้อธิบายไว้เมื่อปี ค.ศ.2001 (พ.ศ.2544) ว่า นี่เป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่เป็นผลพวงมาจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ
ซึ่งจะก่อให้เกิดอุทกภัยและภัยพิบัติต่าง ๆ ในหลายพื้นที่ ทำลายพืชผลทางการเกษตรเสียหาย และจะเกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร ปัญหาด้านเศรษฐกิจ และปัญหาทางสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ตามมา ผู้คนจึงมองหาถิ่นฐานแห่งใหม่ ที่มีความมั่นคงในชีวิต และมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า เพื่อหนีปัญหาทางสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นในประเทศที่ตัวเองเคยอยู่
โดยข้อมูลการคาดคะเนดังกล่าว เป็นข้อมูลที่ศาสตราจารย์คริสติน่า ทิราโด จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย หยิบยกขึ้นมานำเสนอระหว่างการประชุมประจำปี ของสมาคมเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์แห่งสหรัฐฯ หรือ AAAS ซึ่งระบุว่า
ภายในปี ค.ศ.2020 นี้ องค์การสหประชาชาติจะต้องเตรียมรับมือกับปัญหาผู้คนกว่า 50 ล้านคน อพยพหนีความอดอยาก จากปัญหาโลกร้อนซึ่งทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ประชากรจำนวนมากขาดแคลนอาหาร และเมื่อพวกเขาได้พบว่า ผืนดินที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ไม่ได้เหมาะแก่การดำรงชีวิตและรู้สึกว่าไม่มีความมั่นคงในชีวิตอีกต่อไป ก็จะอพยพโยกย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า โดยคาดว่า ชาวแอฟริกันจำนวนไม่น้อยจะอพยพย้ายถิ่นฐานไปยังตอนเหนือของโลก ซึ่งก็คือประเทศในยุโรป เช่น สเปน อิตาลี เป็นต้น
ซึ่ง ศาสตราจารย์คริสติน่า ทิราโด ได้คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ประชากรจากแอฟริกาจะอพยพไปอยู่ทางตอนใต้ของยุโรป ประชากรจากโมร็อกโกจะอพยพเข้าสู่ประเทศสเปน ส่วนลิเบียและตูนีเซีย อาจอพยพเข้าสู่ประเทศอิตาลี
เพราะต้องการหนีความวุ่นวายและไม่มั่นคงทางการเมืองอันจะนำไปสู่ปัญหาความยากจน อดอยาก และไม่มีงานทำ และในขณะนี้ประชากรจากแอฟริกาก็เริ่มเดินทางสู่สเปนและเยอรมนีแล้ว
ปัญหาการอพยพอันเนื่องมาจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อม เป็นประเด็นที่เคยถูกหยิบยกขึ้นมาพูดครั้งหนึ่งแล้ว โดย นอร์แมน ไมเออร์ จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งได้อธิบายไว้เมื่อปี ค.ศ.2001 (พ.ศ.2544) ว่า นี่เป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่เป็นผลพวงมาจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ
ซึ่งจะก่อให้เกิดอุทกภัยและภัยพิบัติต่าง ๆ ในหลายพื้นที่ ทำลายพืชผลทางการเกษตรเสียหาย และจะเกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร ปัญหาด้านเศรษฐกิจ และปัญหาทางสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ตามมา ผู้คนจึงมองหาถิ่นฐานแห่งใหม่ ที่มีความมั่นคงในชีวิต และมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า เพื่อหนีปัญหาทางสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นในประเทศที่ตัวเองเคยอยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น