เรื่องแปลก ใหม่ น่าสนใจ ข่าวสาร บันเทิง สนุก เซ็กซี่ sexy ที่คุณ อยากรู้ ที่นี่ครับ ^^
“เสี่ยตา” ยันบอกเจตนาดี พร้อมชี้แจงหลังไทยแลนด์ ก็อตทาเลนท์ แพร่ภาพสาวผู้เข้าประกวดเปลือยอกวาดภาพออกอากาศ
“เสี่ยตา” พร้อมชี้แจงกระทรวงวัฒนธรรม หลังไทยแลนด์ ก็อตทาเลนท์ แพร่ภาพสาวผู้เข้าประกวดเปลือยอกวาดภาพออกอากาศ บอกเจตนาดี พร้อมปัดไม่ได้สร้างกระแสเพื่อเรียกเรตติ้ง ก่อนยันไม่มีเรื่องทำนองนี้อีกแน่นอน
ถูกกระแสสังคมวิจารณ์อย่างหนักทีเดียว สำหรับรายการ “ไทยแลนด์ ก็อตทาเลนท์” เทปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังหนึ่งในผู้เข้าร่วมการแข่งขัน “ปอนด์ ดวงใจ จันทร์เสือน้อย” ได้แสดงความสามารถด้วยการเปลือยท่อนบนใช้หน้าอกวาดภาพ ซึ่งแม้ทีมผู้ผลิตอย่าง บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จะมีการเซ็นเซอร์ภาพที่ออกมา ทว่า ก็มีหลายคนต่างพากันตั้งข้อสงสัยถึงเจตนาในการนำเสนอภาพดังกล่าวอยู่ไม่น้อย
เกี่ยวกับกระแสดังกล่าว ทาง “ปัญญา นิรันดร์กุล” ผู้บริหารเวิร์คพอยท์ ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว โดยเจ้าตัวได้เอ่ยปากขอโทษต่อกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมกับชี้แจงว่า ที่ตัดสินใจปล่อยภาพออกไป ก็เพราะการโชว์ของผู้เข้าแข่งขันนั้นเข้ากับคอนเซ็ปต์ในการประกวดของปีนี้นั่นเอง
“เพราะสโลแกนปีนี้ ก็คือ แค่กล้าก็ชนะแล้ว แต่เรามีหน้าที่ที่จะวางความเหมาะสม ให้มันเกิดขึ้น เราก็ไม่คิดว่าเขาจะทำขนาดนี้ แต่เราก็ได้เตรียมการไว้แล้วว่าถ้าเกิดทำจริงๆ แล้วเราจะทำยังไง เพราะฉะนั้นจะเห็นว่า ตอนออนแอร์เนี่ย คุณไม่ได้เห็นอะไรเลย เพราะเซ็นเซอร์เราเยอะมากเลย”
“แต่คนที่ไม่ได้ยินอาจจะตกใจว่าทำไมมีเปลือยอกไปทำอะไรต่างๆ เหล่านี้ได้ ที่เรายอมปล่อยภาพออกมา ก็เพราะมันต้องให้เห็น ของพวกนี้อย่าปิดบัง เราให้เห็นไปเลย เหตุการณ์แบบนี้ในสังคมเมืองไทยก็มี แต่จะเห็นว่า เราเซ็นเซอร์เต็มที่ เซ็นเซอร์แบบคุณไม่เห็นอะไรเลย คุณก็เห็นว่าไม่มีอะไรนี่”
ยันจะไม่มีเรื่องในลักษณะนี้ออกอากาศอีก พร้อมปัดที่ทำไป เพราะต้องการเรียกเรตติ้งทั้งๆ ที่ก็สามารถคัดกรองการเนื้อหาในการออกอากาศได้...“คือ เราไม่คิดว่าจะเกิดอย่างนี้ ถ้าเกิดอย่างนี้เราก็ต้องปล่อยให้คนเห็น เพื่อเปรียบเทียบว่ามันมีหลายมุมมอง แต่เราเซ็นเซอร์เขาขณะที่ออนแอร์ เราไม่เห็นอะไรเลยนะ ส่วนโค้ง ส่วนเว้า ได้ยินแต่เสียงว่า ทำไมคุณทำอย่างนี้ แต่มันไม่เห็นเลยนะ ไม่ว่ามุมไหน”
_
“หลังจากวันนั้นเนี่ย เราก็บล็อกแล้ว พอบล็อกตรงนี้ก็ไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว แต่ในเมื่อเกิดขึ้นเราก็อยากให้เกิดขึ้นตรงที่ว่า ให้คนดูตัดสินใจ แต่เราก็เซ็นเซอร์ เราไม่มีเจตนานะ อยากให้รู้ว่าเมื่อเกิดอย่างนี้ แล้วก็ถูกต่อว่านะ แล้วมันก็ไม่ดีนะ ไม่งั้นก็ไม่แรง ไม่ใช่เรื่องเรตติ้งนะ คือ จะไม่มีใครไปว่าเขาแรงๆ ทีมงานก็ว่าเขาแรงๆ พอลงมาปุ๊บเราก็ตัดสินใจ ไม่มีเขาอีกในรอบต่อไป”
ส่วนเรื่องที่กรรมการ 2 ใน 3 อย่าง “โจ จิรายุส วรรธนะสิน” และ “ภิญโญ รู้ธรรม” ให้โชว์ชุดนี้ผ่านนั้น ผู้บริหารเวิร์คพอยท์ บอกเป็นเรื่องดุลพินิจส่วนบุคคล แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่า ผู้เข้าแข่งขันไม่น่าจะผ่านเข้ารอบต่อไปได้ ก่อนปัดกระแสจัดฉากให้กรรมการทั้งสองมีความเห็นไม่ตรงกับกรรมการอีกหนึ่งคนอย่าง “เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา” เพื่อทำให้ตัวรายการดูดีขึ้น
“ผมว่าตอนนี้ ภิญโญ ก็คงโดนต่อว่า คุณโจ ก็คงโดนต่อว่า แต่เขาคงมีเหตุผลของเขา ประเด็นนี้อยากจะให้มองว่าเราบล็อกกรรมการไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นทำไมเบนซ์ถึงตกใจอย่างนั้น มันไม่มีทางแอ็กติ้ง ตั้งแต่ปีที่แล้วก็เหมือนกัน เราก็สั่งกรรมการไม่ได้ แต่หลังจากตรงนี้ไปแล้วมันเป็นเรื่องของการโหวต 6 สัปดาห์ จะเหลือ 36 ทีม กรรมการเป็นเพียงคอมเมนต์ เหลือแต่โหวตจากคนดู ถ้าโหวตไม่ชนะก็อย่าต่อว่านะ เพราะไม่ไปโหวต ปีนี้เราโหวตหมายเลขเดียวคนเดียว ไม่เอาจำนวนแล้ว”
เจ้าตัวบอกพร้อมอธิบายหากหน่วยงานของรัฐ อย่างกระทรวงวัฒนธรรม จะให้ชี้แจงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนอื่นขอขอบคุณไปยังสังคมที่เป็นห่วงในเรื่องนี้ ซึ่งในการรับสมัครครั้งต่อไป ไม่แน่ว่าอาจจะต้องมีกฎข้อบังคับที่มากขึ้น
“คงต้องเป็นอย่างนั้นเลย บางมาตรฐานก็ดูยากเหมือนกัน อย่างตอนนั้นเพศที่ 3 บางทีก็ปล่อยออกมาเลย บางโชว์ที่ยิงปืนใหญ่ ตู้มๆ จะมากหรือน้อยตรงนี้ก็ลำบากใจ บางคนก็จะต่อว่าเรา ก็คุณบอกว่ากล้า ผมก็กล้าไง อะไรอย่างนี้ เราคงต้องเซ็นเซอร์มากกว่านี้ แต่เราต้องปล่อยออกไปอย่างนี้ แค่อยากให้เห็นเจตนาเราก่อน แต่พอวันนั้นนลงมาเราสอบเลย ไม่เอาไม่มีเลย มันไม่มีตั้งแต่วันที่เราถ่ายแล้ว คุณไม่มีทางได้เห็น”
“ขอบคุณท่านผู้ชม ต่อว่าเราได้เลย เราไม่โทษคนดู เพราะว่าเรายอมรับ แต่เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยที่เราจะเซ็นเซอร์ ที่ผิดก็ต้องขออภัย แต่เรามีเจตนาที่ยอมให้ขึ้นมา แต่เราเซ็นเซอร์เต็มที่”
5 ประเทศที่คุณอาจไม่อยากไปเยือนในวันข้างหน้า เพราะไรลองไปดู
โลกเราในปัจจุบัน มีประเทศมากมาย รอให้คุณได้ไปเที่ยวชม สัมผัสวัฒนธรรม และความงดงามของประเทศนั้น ๆ อย่างไรก็ตาม อาจมีบางประเทศที่คุณไม่อยากไปเช่นกัน สาเหตุสำคัญอาจเป็นเพราะปัญหาทั้งการเมืองภายในและภายนอกที่ประเทศเหล่านั้นกำลังเผชิญอยู่ ประกอบกับการขอวีซ่าเข้าประเทศที่แสนจะยากเย็นเหลือเกิน หรือการถูกบอยคอตจากประเทศมหาอำนาจ ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากไปเที่ยวชมประเทศเหล่านั้น ทั้งนี้ เว็บไซต์ buzzfeed.com ได้ทำการจัดอันดับ 5 ประเทศที่ที่คุณอาจไม่อยากไปเยือนในวันข้างหน้า ...จะเป็นเพราะอะไร มาดูกัน
1. แองโกลา
แองโกลา เป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในแอฟริกา แต่กลับเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก กำลังประสบปัญหาจากผลกระทบของสงครามต่อสู้เพื่ออิสรภาพที่ยืดเยื้อยาวนานกว่า 27 ปี ได้สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล และก็ไม่ง่ายนัก หากคุณต้องการไปท่องเที่ยวแองโกลา ด้วยขั้นตอนและเอกสารหลักฐานการเข้าประเทศที่ค่อนข้างจะเยอะและยุ่งยาก เช่น วีซ่าที่ต้องใช้เวลาขอนานถึง 3 เดือน และหากคุณต้องการขอวีซ่าและใบอนุญาตเข้าประเทศ คุณต้องผ่านการตรวจสุขภาพและได้รับการยืนยันว่าได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลืองแล้ว
นอกจากนี้ การไปเยือนแองโกลา ยังต้องมีจดหมายรับรอง 2 ฉบับจากประเทศนั้น ๆ ส่งไปยังประเทศแองโกลา พร้อมแบงค์ สเตทเมนต์ หรือรายการเงินเข้าออกแต่ละเดือนของบัญชีเพื่อเป็นการยืนยันว่า คุณมีเงินทุนเพียงพอ อย่างน้อย 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3,000 บาท ต่อวัน
2. อิหร่าน
อิหร่าน นับเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นดินแดนแห่งอารยธรรมอันเก่าแก่ที่สุดในโลก ที่ได้กลายเป็นสาธารณรัฐอิสลามในปี ค.ศ. 1979 อย่างไรก็ดี ในปี ค.ศ. 2002 อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ของสหรัฐฯ โจมตีว่าอิหร่านเป็นแกนนำประเทศกลุ่มต่อต้าน เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า รัฐบาลอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อยู่ ทำให้ทั้งสองประเทศปฎิเสธความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน และด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ตึงเครียดนี้เอง ทำให้การท่องเที่ยวเป็นไปได้ยาก
ทั้งนี้ หากใครต้องการขอวีซ่าไปอิหร่าน จะต้องไปทำการขอที่ "Iranian Interests Section" ในสถานฑูตปากีสถาน และจะต้องมีคำรับรองจากคนที่อยู่ในอิหร่านที่ต้องการให้คนที่ขอวีซ่าเข้าประเทศด้วย จึงจะได้วีซ่า แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคุณจะทำการขอวีซ่าเข้าประเทศอย่างถูกต้องตามขั้นตอนที่ว่าแล้ว รัฐบาลอิหร่านก็มีสิทธิ์กักขัง หรือจับกุมนักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศโดยเหตุปิดปังเหตุผลที่แท้จริง
3. คิวบา
หลังจากเผด็จการ ฟูลเจนซิโอ บาติสตา ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ถูกโค่นล้มอำนาจโดยคณะปฎิวัติที่นำโดย ฟิเดล คาสโตร หัวหน้ากลุ่มคอมมิวนิสต์ในปี ค.ศ. 1959 คิวบาก็อยู่ภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์มาจนถึงปัจจุบันภายใต้การปกครองของ ราอูล คาสโตร ประธานาธิบดีคิวบาคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นน้องชายของ ฟิเดล คาสโตร ที่ลงจากตำแหน่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สหรัฐฯ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงทำการบอยคอตคิวบาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ชาวอเมริกันถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปเที่ยวคิวบา ยกเว้นว่าได้รับใบอนุญาตพิเศษ เช่น ไปเยี่ยมญาติ หรือเรียนโปรแกรมพิเศษ หรือเรื่องของศาสนา
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการไปท่องเที่ยวคิวบาส่วนใหญ่ ก็จะหลีกเลี่ยงการเดินทางจากสหรัฐฯ เพราะผิดกฎหมายแน่นอน แต่ก็จะไปจากประเทศใกล้เคียงเช่น เม็กซิโก แคนาดา หรือบาฮามาส
4. เกาหลีเหนือ
เกาหลีเหนือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ และมีนโยบายทางการเมืองที่ทำให้ประเทศมหาอำนาจต้องหวาดกลัว นั่นคือ การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อถ่วงดุลอำนาจโลก และถึงแม้ว่าผู้นำเผด็จการ คิม จอง อิล จะเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ทายาทของเขา คือ คิม จอง อึน ก็ไม่ได้สั่งยกเลิกปฏิบัติการนิวเคลียร์แต่อย่างใด แต่กลับเดินหน้าพัฒนาอย่างเต็มพิกัด นอกจากนี้ เกาหลีเหนือก็ไม่มีความสัมพันธ์ทางการฑูตกับสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับอิหร่าน ซึ่งหากชาวอเมริกันคนใดสนใจจะไปเที่ยวเกาหลีเหนือล่ะก็ เป็นที่่รู้กันว่าสถานฑูตสวีเดนประจำสหรัฐอเมริกาสามารถติดต่อเรื่องนี้ได้
ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนประกาศสั่งห้ามนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวทิเบต ดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา ที่จีนอ้างสิทธิ์ว่าเป็นดินแดนของจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้เกิดกรณีพิพาทกันมาบ่อยครั้ง ในขณะที่ประชาชนชาวทิเบตส่วนใหญ่เคารพในองค์ ดาไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของพวกเขา โดยองค์ดาไล ลามะ กล่าวว่า วัดวาอารามของทิเบตส่วนใหญ่ถูกทำลายในระหว่างการเกิดการปฎิวัติโดยประชาชนจีนในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 ประชาชนชาวทิเบตกว่า 1.2 ล้านคน เสียชีวิตภายใต้การปกครองของจีน ซึ่งแน่นอนว่าทางการจีนออกมาปฎิเสธว่าไม่เป็นความจริง
สยอง! พบลูกปลาหมึกโตในปากสาวเกาหลี หลังทานหมึกดิบ เว้ยจิงดิ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก travel.bigdiction.net
ขนลุก! แพทย์พบลูกหมึก 12 ตัว ฝังตามเหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้มของสาวใหญ่ชาวเกาหลี หลังทานหมึกดิบสด ๆ ตัวเป็น ๆ ชี้ ถุงอสุจิปลาหมึกแตกระหว่างรับประทาน
เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษรายงานว่า เกิดเหตุสุดสะพรึงสำหรับหญิงสาวเกาหลีวัย 63 ปี หลังจากที่เธอพบว่ามีอาการเจ็บแปลบในช่องปากโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังรับประทานเมนูเกี่ยวกับปลาหมึก ซึ่งเมื่อตรวจสอบก็ทำให้เธอถึงกับช็อกเมื่อทราบว่า มีลูกปลาหมึกตัวเล็กฝังอยู่ตามซอกเหงือก ลิ้น และกระพุ้งแก้มอยู่ในปากของเธอมากถึง 12 ตัวทีเดียว!
โดยจากเอกสารทางวิทยาศาสตร์ ของศูนย์ข้อมูลชีววิทยาแห่งชาติ ในมลรัฐแมรีแลนด์ สหรัฐฯ ระบุว่า สาเหตุดังกล่าวเกิดจากถุงน้ำเชื้อของปากหมึกแตกในปากของเธอระหว่างรับประทาน จากนั้นอสุจิจึงฝังตัวตามซอกหลืบต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ลูกปลาหมึกตัวจิ๋วทั้ง 12 ตัว และเมือกที่ห่อหุ้มถูกนำออกจากช่องปากของหญิงเคราะห์ร้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ เหตุการณ์สุดสยองที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคมปี 2554 ที่ผ่านมา ก็เคยเกิดกรณีคล้ายกันนี้กับหญิงสาวญี่ปุ่นรายหนึ่ง หลังจากที่เธอรับประทานปลาหมึกดิบ และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลโทเซอิ โดยพบว่ามีถุงสเปิร์มของปลาหมึกฝังอยู่ในช่องปากของเธอ
หมายเหตุ : ปัจจุบันยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า กระบวนการสืบพันธุ์ของปลาหมึกเป็นอย่างไร แต่ทั้งปลาหมึกเพศผู้และเพศเมียต่างก็มีกระเปาะที่บรรจุสเปิร์มของตัวผู้และไข่ของตัวเมีย อีกทั้งมีที่ตั้งในจุดเดียวกัน ดังนั้น เป็นไปได้ว่า ไข่อาจจะมีการปฏิสนธิและเก็บผสมไว้ในท้องตัวผู้ จากนั้นจึงค่อยปล่อยออกมาก็เป็นได้
สยอง! พบลูกปลาหมึกโตในปากสาวเกาหลี หลังทานหมึกดิบ เว้ยจิงดิ!!
นี่่มัน!!...เสื้อ หรือ ชุดเกราะกันแน่ แต่เท่ดีนะ วัยรุ่น ^^
สุดเจ๋ง! รีสอร์ทลอยน้ำ ใช้พลังงานเเสงอาทิตย์ ไอเดียรักษาสิ่งแวดล้อม
|
สุดเจ๋ง! รีสอร์ทลอยน้ำ ใช้พลังงานเเสงอาทิตย์ ไอเดียรักษาสิ่งแวดล้อม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ติดตาม เรื่องแปลก ใหม่ ตลก สนุก เซ็กซี่ sexy น่าสนใจอื่น ๆ หรือแวะมาทักทายกัน ได้ที่
ขอขอบคุณที่มา : email
www.facebook.com/somphon http://gplus.to/somphon www.twitter.com/samaphon www.facebook.com/somphon.me http://samaphon.blogspot.com/ |
ขอขอบคุณที่มา : email